4
“กูนับถือมึงจริงๆ ไอ้เทพ” ฉัตรจักรเอ่ยชมเพื่อนรักอย่างประชดประชัน มือใหญ่ตบลงบนบ่ากว้างแรงๆ อย่างไม่คิดว่าเทพกานต์จะทำได้อย่างที่พูด
หลอกล่อให้รมย์นลิน สาวที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในมหาวิทยาลัยและก็เป็นคนที่ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ไม่สนใจผู้ชายคนไหน ทุ่มเทชีวิตให้กับการเรียน แต่สุดท้ายก็ต้องมาตกม้าตาย เพราะชายหนุ่มจอมเจ้าชู้อย่างเทพกานต์
“กูว่านะไอ้เทพ หลินรักมึงจริงๆ ว่าแต่มึงเถอะจะทำยังไงต่อไปล่ะ ระวังเขาจะกัดไม่ปล่อยนะโว้ย” ฉัตรจักรถามอย่างอยากรู้ สงสารรมย์นลินขึ้นมาสุดใจ แต่ก็ไม่รู้จะช่วยเหลือหญิงสาวได้อย่างไร ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของเขาเองที่คิดเล่นอะไรแผลงๆ นี่ถ้าเกิดหญิงสาวรับไม่ได้ขึ้นมา บาปนี้ไม่ติดตัวเขาไปจนตายหรือไงกัน คงได้แต่หวังว่าเมื่อเวลาผ่านพ้นไปแล้วเทพกานต์จะคิดได้และจริงจังกับหญิงสาวด้วยการแต่งงานด้วย แต่ดูท่าจะเป็นเพียงแค่ความคิดของเขาฝ่ายเดียวเท่านั้นเอง
“เอาน่ามึงจะคิดอะไรมากไอ้ฉัตร แค่เล่นๆ จะไปจริงจังอะไรนักหนา ไม่นานก็เลิกกัน มึงก็รู้คนอย่างกูไม่เคยรักใคร และไม่เคยทนอยู่กับผู้หญิงคนไหนได้นานเกินสามเดือน กับคนนี้กูทนมาเกือบจะหกเดือนถึงได้ฟัน แม่ง...ยากชะมัด แต่ก็คุ้มค่ากับการรอคอยว่ะ” เทพกานต์พูดอย่างไม่แคร์ โดยที่ไม่รู้เลยว่าคำที่เขาพูดออกไปนั้น รมย์นลินได้ยินเต็มสองหู
ขาเรียวยาวอ่อนแรง ร่างโปร่งบางทรุดตัวลงกองกับพื้นห้อง ทั้งที่มือยังคงจับลูกบิดประตูห้องเอาไว้ “ไม่จริงๆ เราหูฝาดไปเอง เทพเพียงแค่พูดเล่นเท่านั้นเอง” หญิงสาวพูดกับตัวเองเสียงสั่นเครือ น้ำตาไม่รู้ว่ามาจากไหนเอ่อล้นคลอเบ้าและไหลลงมาอาบสองแก้มอย่างรวดเร็ว
“ถามจริงๆ นะเทพ มึงรักหลินเขาบ้างไหม”
“ไม่ว่ะ ถึงเขาจะสวย แต่ก็จนและง่ายเกินไป” เทพกานต์ตอบอย่างไม่สนใจ ทั้งที่ความจริงแล้วเขานั่นแหละเป็นคนนหลอกหล่อด้วยเหตุการณ์ต่างๆ จนรมย์นลินเผลอมอบกายให้
“แล้วมึงจะทำอย่างไรต่อไป” ฉัตรจักรถามเพื่อนอย่างอยากรู้ พร้อมกับส่ายศีรษะด้วยความระอิดระอาใจ
ครอบครัวเทพกานต์ร่ำรวย เป็นเจ้าของธุรกิจหลายแขนง โรงแรม ร้านอาหารและธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ความจริงไม่น่าที่จะมารับพนันเอาเงินไม่ถึงพันบาทจากเขาเลย ไม่ใช่เสียดายแต่ตอนนั้นก็แค่พูดเล่นๆ เพราะเห็นผู้หญิงคนอื่นๆ ต่างก็กรี๊ดและชื่นชมทุกคนในกลุ่มของเขา แต่รมย์นลินกลับเลือกที่จะเดินหนีพร้อมกับหนังสือกองใหญ่ในอ้อมแขน
ตอนที่เอ่ยปากพูดขึ้นก็เพียงลอยๆ แต่ใครจะคิดว่าเทพกานต์จะเอาจริงและเพื่อนก็ทำสำเร็จเสียด้วย ไม่รู้ว่าถ้าฝ่ายหญิงรู้ว่าคนที่เธอคิดว่าไม่เคยรักและจริงใจเพียงแค่หลอกฟันแล้วทิ้ง รมย์นลินจะรับความจริงได้หรือเปล่า ถ้าได้ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าไม่ได้ล่ะ...
แต่ถึงจะมาคิดได้ตอนนี้มันก็สายไปเสียแล้ว ยังไงเรื่องมันก็เกิดขึ้นมาแล้ว ทางที่ดีก็คอยดูกันต่อไปว่าถ้าหากหญิงสาวท่าทางติ๋มๆ มีฤทธิ์ขึ้นมาเทพกานต์จะตอบกลับไปยังไง มือใหญ่ยื่นไปคว้ากระเป๋าหนังอย่างดีซึ่งอยู่ด้านหลังกางเกงออกมานับและยื่นให้เพื่อนรักอย่างเสียดายและหนักใจ เขาว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายอย่างที่เพื่อนรักคิดแน่นอน
“ก็อยู่ด้วยกันสักพัก พอเบื่อก็ค่อยหาเรื่องเลิกกันและต่างคนก็ต่างแยกกันไป กะอีแค่ผู้หญิงใจง่ายคนหนึ่งมึงจะคิดมากไปทำไมวะ ไม่ใช่เรื่องของมึงสักหน่อย กูจัดการได้” เทพกานต์ยังคงทะนงตนว่าสามารถคุมสถานการณ์ต่างๆ ได้
ใบหน้าคมคร้ามผุดรอยยิ้มตรงมุมปาก ชายหนุ่มหันหลังกลับไปมองที่ประตูห้องแล้วก็เริ่มเห็นถึงสิ่งผิดปกติ เมื่อประตูตอนที่เขาออกมามันปิดสนิท แต่ตอนนี้มันแง้มออกเล็กน้อย
หัวใจหนุ่มก็เริ่มวิตกกังวลและหวาดกลัว รีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว และเมื่อได้เห็นรมย์นลินนั่งหน้าหมองเศร้า ดวงตาแดงก่ำ ในดวงตากลมโตคู่นั้น เต็มไปด้วยคำตัดพ้อและต่อว่ากับความเศร้าสร้อย เสียใจและน้อยใจอัดแน่นกันอยู่ อีกทั้งน้ำตาก็ไหลอาบสองแก้มและเสียงสะอื้นฮักดังออกมาจากร่างโปร่งบาง
“หลิน...เอ่อ...”
“สิ่งที่เทพพูดเมื่อครู่…ไม่เป็นความจริงใช่ไหม” รมย์นลินถามด้วยน้ำเสียงแหบเครือและสั่นพร่า ในหัวใจเหมือนกับถูกมีดปลายแหลมทิ่มตำลงไปในหัวใจให้เป็นรูจนนับแทบไม่ไหว อยากได้ยินคำปฏิเสธว่าไม่จริงจากปากเทพกานต์สักนิด เพียงแค่นั้นเธอก็พร้อมที่จะให้อภัย และกลับมาเริ่มต้นกันใหม่ แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะมีอาการอ้ำอึ้ง
รอยยิ้มหยามหยันแต้มบนใบหน้างาม ขณะมือยื่นไปคว้าเสื้อผ้าที่หล่นกองอยู่บนพื้นมาใส่อย่างอ่อนแรง ถึงแม้จะหมดซึ่งเรี่ยวแรงแต่คำพูดที่ได้ยินมันดังก้องอยู่เต็มสองหูเป็นแรงผลักดันให้ต้องรีบพาตัวเองออกจากห้องอันสกปรกและโสมม ที่ซึ่งเขาคงจะใช้หลอกล่อผู้หญิงไร้เดียงสามาสังเวยสวาทนับครั้งไม่ถ้วนแล้วให้เร็วที่สุด
เทพกานต์เดินไปหวังจะจับมือเล็กเรียว แต่หญิงสาวกลับเบี่ยงออกและถอยหลังหนี ถึงแม้ปากจะบอกว่าไม่ได้รัก แต่สัมพันธ์ที่มีต่อกันอย่างลึกซึ้งและความรู้สึกบางอย่างที่มันก่อตัวแฝงอยู่ในหัวใจ เป็นเหมือนกับเกลียวเชือกที่มัดใจสองดวงเอาไว้ ทำให้เทพกานต์ยังตัดรมย์นลินไม่ขาดในตอนนี้
“เอ่อ...หลิน...คือว่า...”
“หยุดเถอะเทพ อย่าพูดอีกเลย อย่าใช้คำหวานหลอกลวงผู้หญิงโง่ๆ คนนี้อีกเลย ขอร้อง...ปล่อยฉันไปเถอะ” รมย์นลินพูดทั้งน้ำตา เท้าเล็กพาร่างโปร่งบางไปที่ประตูห้องแต่กลับถูกมือใหญ่จับรั้งแขนเอาไว้
หญิงสาวหยุดยืนนิ่งด้วยอยากรู้ว่าเทพกานต์จะพูดอะไรต่อไป แต่เขาก็เอาแต่เงียบ มีเพียงแค่สองแขนใหญ่ที่สอดรัดเข้ามาระหว่างเอวเล็กคอด
รมย์นลินปล่อยให้ชายหนุ่มกอดพร้อมรอฟังคำแก้ตัว แต่ก็ไม่มีคำพูดใดๆ ออกจากริมฝีปากบวมช้ำ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันเผยชัดเจนจากการกระทำและคำพูดของชายหนุ่มเอง
รมย์นลินยิ้มอย่างขมขื่น เธอก็อยากให้โอกาสชายหนุ่มได้แก้ตัว แต่สิ่งที่เขากระทำมันยากเกินที่จะให้อภัยได้ สองมือเล็กปลดแขนใหญ่ออกจากเอวและเดินออกไปจากห้องด้วยน้ำตานองหน้า
“ตามใจนะ เทพถือว่าให้โอกาสที่เราจะเรียนรู้กันแล้ว แต่ในเมื่อหลินเลือกที่จะไปก็ตามใจ” เทพกานต์พูดอย่างหัวเสีย
แม่ง...ผู้หญิงห่าเหวอะไรวะพูดยากพูดเย็น แทนที่ชายหนุ่มจะสำนึกว่าความผิดนั้นมาจากตัวเขา เทพกานต์กลับเลือกที่จะโยนความผิดไปให้กับรมย์นลินเสียอีก
ความเจ็บปวดและขื่นขมพุ่งเข้าเกาะกุมหัวใจดวงน้อย ร่างโปร่งสั่นสะท้าน อับอายและเจ็บยอกแสยงใจกับสายตาชายหนุ่มหลายคนที่มองมาเหมือนกับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น บ้างก็หัวเราะเสียงดังลั่นพร้อมกับคำพูดที่ตะโกนออกมาอย่างเยาะเย้ย ถากถาง และดูถูกดูแคลนว่าเธอเป็นหญิงใจง่ายดังมาเป็นระยะ บางคนยังร้องเรียกให้เธอนั้นเดินเข้าไปมอบความสุขให้ก็มี
รมย์นลินหันกลับไปมองเทพกานต์ที่ออกมายืนดูเธอหน้าห้อง บนใบหน้านั้นไม่ได้มีร่องรอยความเสียใจเลยสักนิด แต่กลับมีรอยยิ้มเยาะเย้ยส่งมาอีกต่างหาก หญิงสาวหัวเราะเสียงดังลั่นแข่งกับสายฝนที่ตกลงมาราวกับว่ามันกำลังสมน้ำหน้าเธอเช่นกัน
สิ่งที่เทพกานต์ทำกับเธอในวันนี้มันยากเกินอภัยได้ เขาได้คร่าชีวิตเธอทั้งเป็น สร้างความอัปยศและตราบาปไว้ให้กับหญิงสาวที่ไม่รู้เรื่องราว เพราะความต้องการเอาชนะเพียงอย่างเดียว
ร่างโปร่งบางหยุดยืนและหันหน้าไปประจันกับเทพกานต์ ในดวงตากลมโตเป็นประกายเด็ดเดี่ยวและแข็งกร้าว ดูภายนอกเธอนั้นนุ่มนวลและอ่อนหวาน แต่ใครจะรู้เล่าว่าภายในกลับเข้มแข็งยิ่งกว่าเหล็กกล้า ความเจ็บปวดที่ได้รับในวันนี้จะเป็นบทเรียนราคาแพง และคนที่สร้างมันขึ้นมาจะต้องได้รับการเอาคืนอย่างสาสม!