5
น้ำเสียงหวานดุจระฆังแต่แฝงไว้ด้วยความเศร้า ดังมาจากเวทีใหญ่กลางคลับมีระดับของโรงแรมเลิศหรูใจกลางกรุงเทพมหานคร เรียกความสนใจจากชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้ามาให้หยุดชะงักและค่อยๆ หันหน้าไปมองอย่างเชื่องช้า ถึงแม้ระยะทางจากเวทีกับจุดที่ซึ่งยืนอยู่จะอยู่ห่างไกลหลายเมตร แต่เทพกานต์ก็ยังสามารถมองผ่านความมืดไป และได้เห็นสาวสวยรูปร่างสูงโปร่งได้ชัดเจนกระจ่างตา
เค้าโครงหน้ารูปหัวใจ เหมือนกับภาพวาดที่สวยหวานปนเศร้า ดวงตากลมโตอมโศกล้อมรอบด้วยขนตายาวงอน
ไม่รู้ว่าสิ่งที่เห็นเพราะคิดไปเอง หรือเพราะเพลงรักหวานปนเศร้าที่เจ้าตัวกำลังร้องครวญให้กับหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ในห้องได้ฟังกันอย่างหลงใหล คิ้วเรียวโก่งเหมือนวงพระจันทร์ จมูกเล็กโด่งได้สันรับกับริมฝีปากรูปกระจับอวบอิ่มซึ่งเคลือบไว้ด้วยลิปสติกสีแดงสดเป็นมันวาวขยับขึ้นลงเป็นจังหวะอย่างน่ามอง สะกดตาสะกดใจให้ชายหนุ่มถึงกับปวดร้าวด้วยความปรารถนาที่ถูกปลุกเร้าขึ้นอย่างรวดเร็วจนระงับเอาไว้ไม่ได้
เทพกานต์ถึงกับร้องครางในลำคออย่างปวดร้าว สองมือใหญ่กำหมัด เพื่อสะกดกลั้นอารมณ์ที่ปะทุออกมาเหมือนกับไฟกำลังลุกไหม้ ดวงตายังคงจ้องมองไปที่ร่างโปร่งบางอย่างไม่คลาดคลา ยิ่งได้ยินน้ำเสียงหวานแว่วเหมือนกับกำลังน้อยใจและต่อว่าต่อขานใครสักคน กระแทกความรู้สึกส่วนลึกในใจอย่างรุนแรง จนร่างใหญ่ถึงกับหายใจรวดร้าวด้วยยอกแสยงในอก
มือใหญ่ยกขึ้นจับตรงหน้าอก ที่หัวใจกำลังเต้นแรงเหมือนจะทะลุออกมา จนต้องค่อยๆ ผ่อนลมหายใจจากปอดอย่างแผ่วเบา
ชายหนุ่มได้แต่แปลกใจกับความรู้สึกตัวเอง...ความรู้สึกที่ห่างหายไปนานแล้ว มันหายไปหลังจากที่ได้ทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งให้เจ็บช้ำจนปางตายเพราะนิสัยที่อยากจะเอาชนะของเขาเอง
เขาจะไม่รู้สึกผิดเท่าไหร่ ถ้าหากหญิงสาวคนนั้นจะไม่ได้ทำตัวหายสาบสูญ ทำอย่างกับว่าไม่เคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนของมหาวิทยาลัย ไม่มีคนชื่อ รมย์นลิน ยมลภัทร พักอยู่ที่หอพักและไม่เคยมีตัวตนอยู่ในชีวิตเขา
ในตอนนั้นเขาก็เขวไปเหมือนกัน ถูกเพื่อนๆ ที่รู้เรื่องราวรุมต่อว่าต่อขาน ไม่ว่าจะมองไปทางไหน เห็นสาวคนใดก็มีแต่วงหน้าปวดร้าว เศร้าสร้อย และดวงตากลมโตอมโศกที่มองมาอย่างเสียใจ น้อยใจ ตัดพ้อและต่อว่าอย่างคนที่หัวใจแหลกสลายมาซ้อนทับอยู่จนเขาแทบจะบ้า ต้องหยุดเรียนเป็นอาทิตย์ด้วยความรู้สึกผิด กว่าที่จะปรับตัวให้เป็นปรกติได้ก็เกือบปี
ศีรษะทุยสะบัดไล่เรื่องเก่าออกจากสมอง ชายหนุ่มพาร่างใหญ่ไปยังมุมหนึ่งของห้อง แต่ดวงตาไม่คลาดคลาจากร่างน้อยบนเวทีแม้แต่นิดเดียว
จะว่าไปเขาก็เป็นลูกค้าประจำของคลับนี้ ที่สำคัญคือคลับใต้โรงแรมแห่งนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของกิจการในเครือ พนักงานส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่คุ้นหน้าคุ้นตา แต่ทำไมเขาถึงไม่เคยเห็นหญิงสาวคนนี้เลยนะ หรือเธอพึ่งจะเข้ามาทำงานใหม่ และเขาเองก็ห่างหายไปเสียนาน แต่ก็ไม่นะแค่สองอาทิตย์เองที่ไม่ได้มา เพราะยุ่งอยู่กับแม่สาวคนใหม่ที่ช่างออดอ้อนและเอาใจ
รอยยิ้มผุดขึ้นบนในหน้า เมื่อนึกถึงแม่สาวอวบอั๋นจับแต่ละครั้งก็เต็มไม้เต็มมือ แต่ดูแล้วคงจะสู้สาวน้อยที่กำลังครวญเพลงอยู่บนเวทีไม่ได้ เพราะเพียงแค่ได้เห็นใบหน้าและน้ำเสียงนั่นก็เรียกอารมณ์ปรารถนา โดยไม่ต้องปลุกเร้าเขาแต่อย่างใด
ร่างหนาทรุดนั่งบนโซฟาตัวใหญ่และนุ่ม พร้อมยกมือขึ้นตวัดเรียกพนักงานชายมาทันที โดยไม่แม้จะทักทายเพื่อนอย่างฉัตรจักรที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
“เอ้า...ไอ้เทพ! มึงจะไม่ทักกูสักคำเลยหรือวะ แหม...ไอ้เพื่อนเฮงซวย เห็นผู้หญิงสำคัญกว่าเพื่อนอีกแล้ว” ฉัตรจักรส่ายศีรษะอย่างระอิดระอา เมื่อเห็นดวงตาคมพราวระยับเหมือนเสือจ้องตะครุบเหยื่อของเพื่อนหนุ่ม
ดวงตาคมเข้มเหลือบมองไปบนเวที แล้วก็หนักอกหนักใจแทนผู้หญิงที่กำลังร้องเพลงอยู่ ซึ่งก็คงไม่อาจต้านทานเสน่ห์ของเทพกานต์ได้ ชายผู้มีรูปหน้าเป็นทรัพย์ มีปากหวานๆ เป็นอาวุธ ที่เมื่อถูกใจผู้หญิงคนไหนก็จะมีทั้งลูกล่อลูกชนและลูกอ้อนเรียกว่าใครได้ยินก็ต้องหัวใจละลาย
“กูเห็นมึงอยู่เกือบทุกวัน จะทักไปทำไม แล้วนี่ชวนกูมาเพื่อดื่มเหล้าแค่นี้หรือไง?” เทพกานต์เอ่ยถาม แต่สายตาไม่ละจากสาวน้อยที่ยืนร้องเพลงอยู่บนเวทีแม้แต่สักวินาทีเดียว
“น้อง...พี่อยากรู้จักสาวน้อยคนนั้นน่ะ พามาให้พี่รู้จักหน่อยได้ไหม?” มือใหญ่ล้วงเข้าไปในกระเป๋าหยิบเงินแบงค์พันสองใบส่งให้กับพนักงานที่โค้งตัวยืนรอรับคำสั่งด้วยใบหน้าหนักอกหนักใจ
“เอ่อ...ท่านครับคือว่า...”
“มีปัญหาอะไรละน้อง พี่แค่อยากรู้จักและคุยด้วยนิดหน่อยเท่านั้นเอง” เทพกานต์เอ่ยถามอย่างขัดอกขัดใจ อารมณ์โกรธกรุ่นเริ่มแย้มพรายเข้าไปนั่งกลางใจ แต่ก็ยังพยายามสะกดกลั้นไว้ เพราะต้องการรู้เรื่องของแม่สาวร่างโปร่งบางคนนั้น
ร่างหนาใหญ่เอนตัวอิงโซฟานุ่ม ขาแข็งแกร่งตวัดยกขึ้นไขว้กันและกระดิกปลายเท้าเล็กน้อย มือใหญ่ยื่นไปหยิบแก้วเหล้าของเพื่อนที่ชงตั้งไว้เรียบร้อยแล้วมาดื่ม
ดวงตาคมกริบเป็นเหมือนมีดโกนมองเข้าไปในดวงตาพนักงานหนุ่ม ที่หากพูดผิดหูเขาอีกคำเดียว นั่นหมายถึงว่าพรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงานที่นี่อีกเลย
“ผะ...ผมไม่ได้มีปัญหาครับ แต่นักร้องที่ท่านขอให้มาคุยด้วย เธอมาร้องเพลงและไม่เคยนั่งคุยกับใครเลยครับ” พนักงานหนุ่มรีบบอกอย่างเกรงกลัว ถึงเขาเพิ่งจะเข้ามาทำงานที่นี่ได้ไม่นาน แต่ก็เคยเจอกับเทพกานต์หลายครั้งแล้ว และมีเพื่อนๆ พนักงานด้วยกันรวมถึงผู้จัดการก็ได้ตักเตือนไว้แล้วว่าถ้าไม่จำเป็นอย่าขัดใจชายหนุ่มคนนี้ เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะต้องตกงานง่ายๆ
“อะไรนะ เป็นเพียงแค่นักร้องประจำไนต์คลับ มีการเล่นตัวแบ่งแยกด้วยหรือว่าจะนั่งหรือไม่นั่งคุยกับแขก” ชายหนุ่มถามกลับอย่างเกรี้ยวกราด และมองไปยังสาวน้อยที่ยืนร้องเพลงอยู่บนเวทีอย่างหยามหยัน
สำหรับเขาถ้าอยากได้ก็ต้องได้ ไอ้ที่ยากก็เหมือนถูกกระตุ้นให้ยิ่งอยากได้มาครอบครอง หรือว่าแม่นักร้องนั่นจะรู้แกว เลยเล่นตัวเอาไว้ก่อน เพื่อให้เขาสนใจและงอนง้อถึงจะยอมมานั่งคุยด้วย
“ไม่เอาน่าไอ้เทพ ใจเย็นๆ ซิวะ กูชวนมานั่งดื่มและฟังเพลงเพราะๆ นะโว้ย มึงจะมาโวยวายให้อารมณ์เสียทำไม ถ้าเขาไม่อยากนั่งด้วย มึงก็โทรชวนกิ๊กที่คบไว้ทีละหลายๆ คนมาซิวะ” ฉัตรจักรหาทางดึงเพื่อนรักออกจากเรื่องแม่สาวน้อยหน้าสวยที่ครวญเพลงอยู่บนเวที
“เงียบไปเลยนะไอ้ฉัตร กูไม่อยากได้คนอื่น อยากได้คนนี้ และกูก็ต้องได้ด้วย” เทพกานต์พูดเสียงเข้ม รู้สึกเหมือนกระไอร้อนผ่าวค่อยๆ แผ่ซ่านจากกึ่งกลางเรือนกายและลามเลียไปถึงใบหน้าอย่างรวดเร็ว
“งั้นมึงก็เอาอย่างนี้ซิวะไอ้เทพ” ฉัตรจักรเสนอความคิดด้วยเพราะเริ่มรู้สึกรำคาญในความเรื่องมากของเพื่อน “มึงเขียนใส่กระดาษให้น้องเขาเอาไปส่งให้ แล้วถ้ายายนักร้องนั่นเล่นตัวนักไม่มาคุยด้วย...มึงก็ตามไปปล้ำเสียในห้องแต่งตัวเสียเลยไหมล่ะ” ฉัตรจักรพูดประชดประชันด้วยอิดหนาระอาใจในความเอาแต่ใจของเพื่อนรัก ที่อยากได้อะไรแล้วมักจะต้องเอาให้ได้ แล้วก็ต้องนั่งหน้าเหวอ เมื่อเทพกานต์ตอบกลับมา
“เออ...ความคิดมึงดีมากเลยวะไอ้ฉัตร” ร่างหนาใหญ่เอนตัวอิงโซฟานุ่ม เท้าแข็งแกร่งพาดขึ้นไปทับบนขาอีกข้าง มือใหญ่ควานหาปากกาที่มักจะอยู่ติดกับเสื้อและยื่นอีกมือไปรับกระดาษจากพนักงานที่ส่งมาให้ใบหน้าจืดเจื่อนเต็มที่ ก่อนก้มเขียนอะไรบางอย่างแบบลายมือเหมือนกับไก่เขี่ย เพราะมองไม่ค่อยจะเห็น