.
.
.
.
.
“อื้ม และอีกไม่นานฉันก็จะกลับไปสู่อ้อมกอดของพวกเค้าแล้วแหละ”
.
.
.
.
‘3…2…1 Start!’
เสียงของผู้กำกับเวทีร้องขึ้นเป็นสัญญาณของการเริ่มการแสดง ม่านสีแดงสดค่อยๆเลื่อนขึ้นพร้อมกับแสงไฟที่สว่างขึ้นพร้อมๆกับเสียงกรี๊ดต้อนรับศิลปินที่อยู่บนเวทีเตรียมพร้อมสำหรับการแสดงเปิดตัวเพลงใหม่ สาวน้อยใหญ่ส่งเสียงเชียร์อย่างไม่ขาดสายยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้กลุ่มบอยแบนด์ที่กำลังแสดงอยู่บนเวทีมั่นใจมากยิ่งขึ้น เหล่าชายหนุ่มต่างโชว์ความสามารถกันอย่างเต็มที่ต่างคนต่างแสดงเสน่ห์ของตัวเองออกมาได้อย่างโดดเด่นยิ่งทำให้เสียงเชียร์ดังกระหึ่มไปมากกว่าเดิม ทุกอย่างในการคัมแบ็คครั้งนี้ดูเพอร์เฟคลงตัวไปเสียหมดโดยเฉพาะเสื้อผ้าหน้าผมที่ได้รับคำชมเป็นพิเศษเพราะมันสามารถดึงบ่งบอกความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคนได้อย่างชัดเจนยิ่งเสริมให้แต่ละคนเจิดจรัดไม่แพ้กัน
“ลูน่า พี่เตรียมชุดต่อไปไว้แล้วตอนนี้ไปพักก่อนก็ได้นะ พอมีเวลาอยู่สักสิบห้านาที” เสียงพี่ในแผนกว่าพลางตบบ่าน้องฝึกงานคนเก่งเบาๆพร้อมรอยยิ้ม
“อ๋อ ขอบคุณค่ะพี่ไปพักก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวเจอกันที่ห้องแต่งตัวนะคะ ^^” คนตัวเล็กหันมายิ้มตอบเชิงขอบคุณก่อนหันไปยืนกอดอกมองการแสดงตรงหน้า พลางในหัวก็คิดอะไรไปเรื่อย..อะไรที่ทำให้รอยยิ้มบางๆค่อยๆปรากฏขึ้นที่มุมปากสวยนั่น
“ถ้าเป็นแต่ก่อนฉันคงได้แค่ดูพวกนายอยู่หน้าคอม.. แต่ได้แค่นี้ก็ดีแล้วแหละ” ร่างบางพูดกับตัวเองเบาๆทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากชายหนุ่มบนเวทีแม้แต่น้อย..สายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม..สายตาที่เต็มไปด้วยรักอันบริสุทธิ์
.
.
.
.
.
‘แค่ได้เห็น ได้ฟังเพลงของพวกนายฉันก็มีความสุขมากพอแล้วหละ..’
.
.
.
.
.
“ทำได้ดีมากเลยทุกคน ต้องขอบคุณทีมงานทุกคนเลยนะครับที่ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปด้วยกันและก็ต้องขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับน้องฝึกงานของเราที่โชว์ฝีมือได้อย่างเต็มที่ สุดยอดไปเลยลูน่า ขอบใจมากนะ” เสียงของผู้จัดการวงกล่าวให้กำลังใจทีมงานหลังจากงานโชว์เคสคัมแบคอัลบั้มใหม่จบลง และเมื่อเอ่ยถึงความดีความชอบของน้องเป็นพี่ๆในแผนก อีกทั้งพี่ๆทีมงานส่วนอื่นก็ต่างปรบมือแทนความชื่นชมกันอย่างล้นหลาม
“ขอบคุณพี่ๆทุกคนด้วยนะคะที่ให้ประสบการณ์ใหม่ๆกับลูน่า ขอบคุณที่ช่วยสอนงาน สอนการใช้ชีวิต สอนการปรับตัวในองค์กรให้ลูน่า ต้องขอบคุณจริงๆจากใจค่ะ” ไม่ว่าเปล่าสาวน้อยก็โค้งหัวให้อย่างอ่อนน้อมเพื่อแสดงความขอบคุณอย่างที่สุด
“โหยย เรื่องแค่นี้เองพี่ๆดีใจจ่ะที่มีน้องใหม่มาฝึกงาน”
“ใช่มะๆ แค่นี้เองพวกพี่เองก็ต้องขอบคุณลูน่าเหมือนกันที่เข้ามาเป็นสีสันให้แผนกเรา ให้บริษัทของเราด้วย” พี่ร่วมงานต่างพูดถึงความน่ารักของสาวน้อยกันเจี้ยวจ้าวเล่นเอาร่างบางยิ้มไม่หุบกันเลย แต่ดูเหมือนว่าใครบางคนที่ยืนอยู่ในกลุ่มทีมงานจะไม่อินกับสถานการณ์นี้สักเท่าไหร่
“คงหมดงานหนูแล้วหละ เดี๋ยวก็ฝึกงานเสร็จแล้วนี่ จะไปตอนไหนหละ?” ประโยคที่ฟังดูเหมือนแดกดันร่างบางดังขึ้นพาลให้เสียงจ้าวแจ้วเมื่อครู่สงบลงอย่างน่าประหลาด และคนที่พูดนั่นก็คงไม่ใช่ใครแน่นอนว่าต้องเป็นหัวหน้าทีมสไตล์ลิสที่น้องๆในแผนกต่างให้ความเคารพทั้งชื่นชมในความน่ารักเป็นกันเองของเจ้าหล่อน...โดยที่ไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าภายใต้ความดีนั่นมีอะไรซ่อนอยู่
“ว..ว่าไงนะคะพี่เชอร์” หนึ่งในทีมสไตล์ลิสถามกลับอย่างไม่ค่อยเข้าใจ
“ก็หมายความว่า ลูน่าจะฝึกงานเสร็จแล้ว...ก็ต้องกลับไปที่ของเธอแล้วไง” ไม่ว่าเปล่าสายตาจับจ้องไปยังคนที่ถูกอ้างถึงก่อนยิ้มแห่งความริษยาจะปรากฏขึ้นมุมปาก
“ค่ะ ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละค่ะพี่ๆ ลูน่าเองก็คงต้องกลับไปที่ของลูน่า” มีหรือว่าคนตัวเล็กนี่จะอยากอยู่ต่อให้เสียเวลาเสียความรู้สึกไปมากกว่านี้ ... ถึงแม้ว่าหัวใจของเธอจะอยู่ที่นี่ก็ตาม
“งั้นเรามาจัดงานเลี้ยงส่งให้ลูน่ากันดีไหมพวกเรา?” คราวนี้เป็นพี่ผู้จัดการวงเสนอความคิดขึ้นมาและดูเหมือนว่าเสียงส่วนมากจะเห็นด้วยจนทำให้ใครบางคนต้องจิ๊ปากอย่างขัดใจจนต้องเดินหนีออกจากห้องไป โดยทิ้งให้ลูกน้องในแผนกมองตสกันงงๆอย่างไก่ตาแตก
.
.
.
.
‘สำคัญนักหรอนังเด็กนี่!’
.
.
.
.
.
หลังจากเก็บข้าวเก็บของกันกลับบริษัทเหล่าพนักงานขาเม้ารวมไปถึงคนตัวเล็กนั่งจับกลุ่มล้อมวงกันกินข้าวกันอย่างสนุกสนานโดยมีน้องเล็กของวงเป็นคนสร้างเสียงหัวเราะให้กลุ่ม
“ลูน่า~ ขอบใจนะฉันชอบชุดที่เธอออกแบบให้ฉันมากๆเลยค่ะ กิ๊กิ๊” จูโน่ยิ้มแก้มตุ่ยทั้งๆที่แก้มสองข้างนั่นยังเต็มไปด้วยอาหาร
“จ่ะ~ จ้าา ก็ฉันนึกถึงหน้านายนี่แหละ เลยทำให้ฉันคิดออกเลย ฮ่าๆๆ”
“เพราะเสน่ห์ของฉันหล่อใช่ไหมหล่ะ~~~” ว่าแล้วก็ยักคิ้วให้เพื่อนรักหนึ่งที เรียกเอาเสียงหัวเราะจากทีมงานสาวๆในวงได้ไม่น้อย
“ฮ่าๆๆๆๆ เอ่าหล่อก็หล่อ นายเองก็หล่อในแบบของนายนั่นแหละจูโน่”
“แล้วหล่อแบบไหนหละที่เธอชอบ -.- แบบเฮีย ?” ไม่ว่าเปล่าดันโยนระเบิดแซวลูกโตมาหาเพื่อนสาว!
“ไอ้นี่!!! @+_()*#($&*” หน้าสวยยู่เข้าหากันอย่างขัดใจพร้อมง้างมือที่มีช้อนอยู่ในมือเตรียมฟาดเพื่อนชาย
“เอ่าๆๆๆ เด็กๆ พอแล้วๆๆ ฮ่าๆๆ เรามาคุยเรื่องงานเลี้ยงส่งลูน่ากันดีกว่าว่าจะจัดตอนไหน”
“เลี้ยงส่งทำไมหรอครับ?” หนุ่มน้อยในวงถามขึ้นพลางคิ้วหนาขมวดเข้าหากัน
“ก็ลูน่าจะฝึกงานเสร็จแล้วไง ก็เท่ากับลูน่าเรียนจบแล้วไง~~ แล้วลูน่าก็ต้องกลับบ้าน เข้าใจไหมจ๊ะหนูจูโน่วว” หนุ่งในพี่สาวในวงตอบแทนคนอื่นพลางดึงแก้มตุ่ยๆของหนุ่มน้อยอย่างเอ็นดู
“หมายถึง.. เธอจะออกจากที่นี่หรอลูน่า” ก็เหมือนจะเข้าใจ..แต่ก็เหมือนไม่อยากจะเข้าใจมันสักนิด ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาสนุกมากจนลืมนึกไปว่าในที่สุดเพื่อนรักตัวน้อยคนนี้ก็ต้องโบกมือลากลับไปในที่ของเจ้าหล่อนเอง
“อื้ม ใช่แล้วหล่ะ ฉันก็ต้องกลับไปหาป๊ากับแม่แล้วก็น้องชาย” ร่างบางพยักหน้ารับน้อยๆพร้อมระบายยิ้มให้คนตรงหน้า
“ฉันนึกว่า.. ฉันนึกว่าเธอจะทำงานที่นี่ต่อซะอีก ฉันนึกว่าเธอจะตามไปช่วยฉันทุกเวทีซะอีก” เสียงของชายหนุ่มเศร้าลงทันทีเมื่อรับรู้ว่าใกล้เวลาที่ต้องแยกจากเพื่อนรักคนนี้แล้ว
“โอ๋ๆๆๆๆ โน่น้อยของเจ๊หน้ามุ่ยซะแล้ว มามะเดี๋ยวเจ๊จะโอ๋เอง” พี่สาวคนข้างๆดึงหนุ่มน้อยเข้ามากอดอย่างเอ็นดูแต่ดูเหมือนว่าจะโดนขัดขืน การกระทำอันน่ารักน่าเอ็นดูของชายหนุ่มเรียกเสียงหัวเราะจากกลุ่มพี่สาวได้อีกครั้งจนเรียกความสนใจจากใครบางคนจนต้องเข้ามาร่วมวงด้วย
“คุยอะไรกันอ่ะครับพี่ๆ แล้วไอ้โน่นี่งอแงอะไรอีกอ่ะ” ร่างสูงที่คุ้นตาเดินเข้ามาจอยในกลุ่มทันทีเมื่อดูเหมือนว่ากำลังมีเรื่องสนุกๆเกิดขึ้น
“เอ้าแอช นั่งก่อนๆ กินอะไรไหมเดี๋ยวเจ๊ตักให้~~” พี่สาวคนเมื่อครู่คลายกอดจากหนุ่มน้อยทันทีก่อนหันไปเอาใจร่างสูงอีกคนที่พึ่งเข้ามาร่วมวง
“เอ้า!! เจ๊!! แล้วโน่อ้ะ!” คราวนี้เป็นน้องตัวร้ายที่งอแงเสียเอง
“อะไรอ่ะก็เมื่อกี๊เจ๊จะกอดแล้วโน่ไม่ให้กอดเองนะ เจ๊ก็มาหาแอชดีกว่าเนอะ~~” สถานการณ์ตรงหน้าเรียกทั้งเสียงโห่เสียงหัวเราะจากคนในกลุ่มได้เป็นอย่างดีไม่เว้นแม้แต่คนตัวเล็กที่นั่งสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ
“ฮ่าๆๆๆ เจ๊ขอบคุณมากครับ ผมทานมาแล้ว กำลังจะกลับหอเดินผ่านห้องนี้เลยได้ยินเสียงหัวเราะท่าทางสนุกเลยเข้ามาส่องหน่อย คุยอะไรกันอยู่หรอครับ?”
“อ๋อคุยเรื่องงานเลี้ยงส่งลูน่าจ่ะ”
“เลี้ยงส่ง..หรอครับ?”
“ใช่! เฮียก็ตกใจเหมือนโน่ใช่ไหม” มักเน่ตัวน้อยพูดโพร่งขึ้นมาเพื่อหาแนวร่วม
“ก็ใช่อ่ะจ่ะลูน่าฝึกเสร็จแล้ว เราเลยจะหาเวลาเลี้ยงส่งเพื่อตอบแทนสักหน่อย”
“โหยพี่ๆ ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ ขอบคุณอะไรกันคะแค่นี้ก็เลี้ยงส่งแล้วนี่ไง” คราวนี้เป็นเจ้าตัวเองที่โบกมือป้อยๆปฏิเสธด้วยความเกรงใจ
“ไม่ได้ๆๆๆๆๆ อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายเดินจะจากกันทั้งทีต้องจบสวยๆ”
“อ่า งั้นก็แล้วแต่พี่ๆสะดวกเลยค่ะ แต่ไม่เอางานใหญ่นะ!มันเปลืองง”
“นี่งะ ก็น่ารักแบบนี้งะ ไม่ให้พวกพี่เอ็นดูได้ยังงะ” รุ่นพี่อีกคนกล่าวขึ้นจนร่างบางเองต้องเป็นฝ่ายก้มหน้างุดหนีซ่อนความเขินบนใบหน้าโดยไม่ทันได้สังเกตุว่ากำลังเป็นเป้าสายตาของใครบางคนอยู่
“งั้นผมว่าไว้หลังเราโปรโมตเสร็จดีไหมครับ? พวกผมจะได้ร่วมด้วย” เสียงทุ้มเสนอไอเดียมาทั้งๆที่ตายังไม่ละจากร่างบางที่เอาแต่ก้มหน้าเขินจนคนตัวเล็กค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของความคิด.. แต่เมื่อตาสบตาก็เหมือนมีความรู้สึกบางอย่างมันวิ่งมากระแทกที่หัวใจจนร่างบางเองต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาไป
“เออออ ดีเจ๊เห็นด้วยๆๆๆ ถึงตอนนั้นทุกคนจะได้เมา เอ้ย! สนุกกันได้เต็มที่ ”
“โน่เอาด้วยๆๆๆๆๆๆ จะได้ไม่ต้องกินแบบไดเอทด้วยยยย”
“งั้นก็ตามนั้นนะทุกคน” พี่ๆพนักงานพยักหน้าตบปากรับคำกันถ้วนหน้าจนคนตัวเล็กยากที่จะปฏิเสธได้แต่ยิ้มเจือนๆตอบกลับไปอย่างไม่รู้ต้องทำอย่างไร เธอแค่ไม่อยากให้ใครต้องมาลำบากจัดอะไรแบบนี้ให้ก็เพราะเธอเองเป็นฝ่ายที่เข้ามารบกวนไว้ตั้งเยอะแยะตั่งหาก
เมื่อการประชุมอย่างไม่เป็นทางการ(?)สิ้นสุดลงต่างคนก็ต่างช่วยกันคนละไม้คนละมือเก็บข้าวเก็บของก่อนจะแยกย้ายกันกลับที่โดยที่สองหนุ่มอาสาเป็นคนไปส่งลูน่าที่หอเอง
“นี่ๆลูน่าเล่าเรื่องที่บ้านเธอให้ฉันฟังหน่อยสิ”
“นายจะอยากรู้ไปทำไมหละโน่”
“ก็ฉันอยากรู้เรื่องของเพื่อนอ่ะ แค่นี้ไม่ได้?” ไม่ว่าเปล่าหน้าหวานๆนั่นก็เริ่มหงิกเข้าหากันจนเป็นลูน่าเองที่ต้องเป็นฝ่ายยอม
“นายนี่จริงๆเลยนะ อ่ะๆก็ได้ ฉันอยู่กับป๊ากับแม่ แล้วก็น้องชาย แล้วที่บ้านฉันก็มีคนอยู่ด้วยเยอะแยะเลย ...” เพื่อนรักสองคนเดินคุยกันแจ้วจ้าวจนเหมือนเกือบจะลืมไปเสียด้วยซ้ำว่าไม่ได้มีเพียงพวกเขาสองคน ณ ที่ตรงนั้น ร่างหนาที่เดินอยู่ข้างๆได้แต่มองการสนทนาของทั้งสองอยู่เงียบๆ พลางในหัวก็คิดอะไรไปเรื่อยจนแทบจะไม่ได้ใส่ใจในสิ่งที่ร่างบางข้างๆพูดเลยจนกระทั่ง.. จู่ๆก็โดนพาดพิง
“จริงๆแล้วก็ไม่มีอะไร แค่ถามเฉยๆเผื่อเฮียแกจะอยากรู้~~~~” เจ้าน้องเล็กพูดอย่างลอยหน้าลอยตาพลางแอบชำเลืองมาทางชายหนุ่มอีกคน
“ห๊ะ.. อะไร ใครจะอยากรู้อะไรโน่”
“ก็อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับลูน่าไง จะได้ไม่ต้องมาถามผมบ่อยๆ” คำพูดของเพื่อนชายทำให้ร่างเล็กที่เดินอยู่ตรงกลางเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยก่อนหันมามองร่างสูงข้างๆ
“ถ.งถามอะไร! ไม่เคยถาม! อย่ามามั่วไอ้โน่”
“อะไรอ่ะ แค่นี้ไมต้องเกรี้ยวกราดใส่น้องนุ่ง -.- เอาเห๊อะๆ คนเราทำอะไรไว้ก็รู้อยู่แก่ใจ~~” ยิ่งเห็นผู้เป็นพี่เดือดดานมีหรือที่เขาจะหยุดคนน้องยิ่งสนุกหรรษาสุดๆไปเล้ย! ท่าทางขมึงปึงปังของคนพี่กับท่าทางกวนประสาทยั่วบาทาของคนน้องทำให้คนตัวเล็กที่ฟังอยู่ส่ายหัวเบาๆด้วยความเอือมระอา
“ถึงหอฉันแล้ว ขอบใจมากนะพวกนายก็กลับกันดีๆหละ โน่ถึงหอแล้วส่งข้อความมาบอกฉันด้วย!” ลูน่าชี้นิ้วสั่งเพื่อนรักอย่างผู้มีอำนาจ
“เข้าใจแล้วครับนายหญิง!” จูโน่เองก็มีหรือจะปล่อยให้เพื่อนรักเล่นคนเดียว หนุ่มน้อยรีบตะเบ๊ะทำท่าทำทางเหมือนทหารจนเพื่อนตัวเล็กต้องหลุดหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
“โอเค ดีมากก งั้นฉันไปนะ ฝันดี” ว่าจบร่างบางก็หมุนตัวกลับแต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวไปไหนก็ต้องชะงักด้วยคำทักท้วงจากอีกคน
“แล้วฉันหละ ?”
“....โน่ถึงแล้วก็แปลว่านายก็ถึงแล้วสิ” ร่างบางยืนหันหลังนิ่งตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบและแน่นอนว่าคำตอบคงไม่ใช่แบบที่คนถามต้องการ
“ต้องส่งข้อความหาเธอด้วยไหม?”
“นั่นก็แล้วแต่นาย” ว่าจบก็รีบเดินฉับๆๆจากไปเพื่อตัดบทไม่อยากให้เขาถามมากไปกว่านี้ .. ‘ฉันกลัวว่านายจะรู้ใจ..ว่าจริงๆแล้วมันอ่อนไหวกับนายแค่ไหน’
เมื่อคนตัวเล็กลับสายตาไปสองหนุ่มก็รีบตรงกลับไปยังที่พักเช่นกันถึงแม้ว่าตลอดทางต้องทนฟังเจ้าน้องตัวแสบแซวไม่หยุดปากเสียทีก็เถอะ! แต่ด้วยในหัวคิดอะไรไปต่างๆนาๆจนไม่ทันได้ฟังคำพูดเพ้อเจ้อข้างๆหูก็ถือเป็นการตัดรำคาญไปบ้างก็ว่าได้
.
.
.
..
.
‘ก่อนเธอจะไปฉันก็อยากจะทำดีกับเธอสักครั้ง..’
.
.
.
.
.
.
.
.
1 อาทิตย์ต่อมา..
“อาทิตย์หน้าก็เป็นกู๊ดบายสเตจแล้ว ต้องขอบคุณพี่ๆทีมงานทุกคนที่ทำงานหนักนะครับ” ชายหนุ่มทั้งเจ็ดยืนเรียงหน้ากระดานโดยมีลีดเดอร์ของวงเป็นคนกล่าวนำก่อนที่ทั้งเจ็ดจะกล่าวขอบคุณอีกครั้งพร้อมกันและจบลงด้วยการโค้งหัวให้น้อยๆอย่างอ่อนน้อม
“ขอบคุณพวกนายที่ทำงานหนักเหมือนกันนะ”
“ขอให้ตั้งใจทำงานแบบนี้ไปนานๆนะ”
“อดทนอีกนิดนะ เดี๋ยวก็ได้พักผ่อนแล้ววว”
คราวนี้เป็นตาพี่ๆทีมงานกล่าวชมเชยและให้กำลังใจหนุ่มๆบ้างก่อนจะเริ่มทยอยเก็บของและแยกย้ายกันไปพักผ่อนและเตรียมตัวสำหรับงานในวันต่อๆไปแต่ดูเหมือนว่าใครบางคนกำลังสอดส่องสายตาหาอะไรบางอย่างอยู่ ร่างสูงเดินสำรวจตามห้องพักศิลปินวงอื่นๆที่ต่างแยกย้ายกันกลับไปแล้วแต่ก็ไม่พบสิ่งที่เขาตามหาหรือมีวี่แววเลยแม้แต่น้อย
“หาไรอ่ะครับพี่ รถจะออกแล้วนะ” หนึ่งในสมาชิกวงเดินมาตามพี่ชายเพื่อขึ้นรถกลับไปยังต้นสังกัด
“อ๋อ เออเปล่าๆ เดี๋ยวตามไป” ตอบปัดๆไปทั้งๆที่ยังไม่หยุดการค้นหา
“หาไรอ่ะ ผมช่วยหาไหม?”
“ไม่เป็นไรๆ ไปละๆ ไปกัน” ในที่สุดก็ต้องตัดใจเมื่อดูเหมือนว่าจะไม่พบแม้แต่ร่องรอยของร่างบางเลยแม้แต่น้อย ทั้งสองรีบมาขึ้นรถตู้ตามเวลาที่นัดและแน่นอนว่าร่างสูงเลือกที่จะนั่งข้างน้องเล็กของวง ‘หมอนี่ต้องรู้อะไรบางแหละ!’
“โน่ๆ” นิ้วยาวสะกิดคนข้างๆเบาๆก่อนยื่นหน้าไปกระซิบใกล้ๆ
“ว่าาา ?”
“ลูน่ากลับแล้วหรอ ทำไมในห้องเมื่อกี๊ตอนรวมสตาร์ฟไม่เห็นอ่ะ”
“อืมมม นี่ก็ไม่เห็นอ่ะ เห็นครั้งสุดท้ายก็ตอนเราแต่งตัวแล้วแสตนบายหลังเวทีอ่ะยังบอกโน่สู้ๆอยู่เลย แต่หลังจากขึ้นเวทีไปก็ไม่เห็นแล้วอ่ะลงมาก็ไม่ได้สังเกตุ”
“แกเป็นเพื่อนภาษาอะไรวะเนี่ย!?” จู่ๆร่างสูงก็เผลอโวยวายออกมาเสียอย่างนั้นทำให้เพื่อนร่วมวงหันมามองทั้งสองเป็นตาเดียวซึ่งไม่ต่างอะไรจากคู่สนทนาข้างๆที่สะดุ้งโหยงจนสุดตัว
“= = ! อะไรเนี่ย ผมผิดอะไรเนี่ยย! ก็ไม่รู้อ้ะ!”
“ป..เปล่า ไม่มีอะไร พวกนายนอนพักไปเดี๋ยวถึงบริษัทแล้วจะปลุก” ได้แต่ยิ้มเจือนๆแก้เก้อไปและบทสนทนาก็จบลงเพียงเท่านั้นแต่ความสงสัยและกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูกยังคงติดค้างในใจอยู่ไม่คลาย ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงในที่สุดรถแวนของกลุ่มบอยแบนด์ก็มาถึงที่หมายก่อนที่เหล่าไอดอลหนุ่มจะไปรวมตัวกันที่ห้องซ้อมตามคำสั่งของพี่ผู้จัดการวงเพื่อแจ้งกำหนดการทำงานในวันถัดๆไป และกว่าธุระธุการจะเสร็จก็เล่นกินเวลาไปมากจนเกือบจะเข้าเช้าวันใหม่และเขาเองก็ต้องการการพักผ่อนเลยต้องปล่อยเรื่องนี้ไว้เพียงเท่านี้.. ‘ไว้พรุ่งนี้ค่อยเจอก็ได้’
.
.
.
.
.
.
.
‘แต่ความกระวนกระวายใจแปลกๆนี่มันคืออะไรกันนะ?’
.
.
.
.
.
.
.
เช้ารุ่งขึ้นร่างสูงรีบตรงเข้าไปบริษัทแทบจะทันทีจนพนักงานคนอื่นๆก็ต้องแปลกใจเหตุใดไอดอลหนุ่มถึงมาก่อนเวลาซ้อมของวงและไม่มีเพื่อนร่วมวงมาด้วยสักคน
“อ้าวแอช นายมาทำอะไรเนี่ยยังไม่ถึงเวลาซ้อมไม่ใช่หรอ?” ชายวัยกลางคนหัวหน้าแผนกแผนและการตลาดถามขึ้นอย่างประหลาดใจ
“อ๋อผมมีธุระอ่ะพี่เลยรีบมา”
“อ่อออ งั้นก็ตามสบายเลย ไว้เจอกัน” ชายตรงหน้าโบกมือให้ก่อนกลับไปทำหน้าที่ตามเดิมและร่างสูงเองก็เช่นกันแกล้งทำทีเดินผ่านห้องทำงานของร่างบางแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นกลุ่มพนักงานจับกลุ่มคุยกันก่อนค่อยๆชะโงกหน้าเข้าไปอย่างสนใจ
“สวัสดีครับพี่ๆทำอะไรกันอยู่หรอครับ”
“อ๋ออ สวัสดีๆๆไม่มีไรจ้าา สภากาแฟตอนเช้าเฉยๆ^^”
“อ่อ..งั้นหรอครับ ผมขอแจมด้วยได้ไหม?” ปากก็ว่าไปพร้อมกับกวาดสายตาหาเป้าหมายแต่ก็เหมือนจะไร้วี่แววอีกตามเคย..
“ได้สิๆๆๆดื่มออะไรอ่ะ เดี๋ยวเจ๊ชงให้~” เจ๊เจ้าประจำเสนอเครื่องดื่มให้ก่อนส่งแก้วน้ำเปล่าให้แขกผู้มาใหม่
“อะไรก็ได้อ่ะครับเจ๊ผมดื่มได้หมด”
“แห๊มมมมมมมม คนดีของเจ๊”
“เอ่อคือ..พี่ๆครับ ลูน่าหละครับ?ผมไม่เห็นเธอตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”
“หนูลูน่าหรอ ;^; ไปแล้วอ่ะ”
“ป..ไปไหนครับ? ตอนไหนหรอครับ ตั้งแต่ตอนไหน?” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแน่นอย่างกังวลจนเห็นได้ชัด
“พี่ก็ไม่รู้อ่ะ แล้วก็คงไม่มีใครรู้เหมือนกันเช้ามาก็เจอโน๊คแปะบนโต๊ะแล้วอ่ะ บอกว่าขอบคุณมากที่สอนอะไรหลายๆอย่างให้แล้วก็บอกว่าต้องกลับแล้ว ㅠㅠ หนูลูน่าบอกว่าไม่อยากให้ลำบากจัดงานเลี้ยงให้แค่รู้ก็รู้สึกขอบคุณมากๆแล้ว”
“ล..แล้วไปยังไงครับทำไมไม่มีคนในบริษัทรู้เลย” ปากหนาเม้มเข้าหากันเรื่องราวและช่วงเวลาในหัวต่างตีกันจนตื้อไปหมด
“ไม่น่าจะมีใครรู้ถ้าจะมีคนรู้ก็คงจะมีแต่พี่เชอรีนอ่ะ เพราะพี่เค้าเป็นคนเซ็นต์ใบผ่านงานให้ลูน่า”
“ผ..ผมคิดว่าผม ผม..ผมต้องทำอะไรสักอย่าง” ร่างสูงเริ่มอยู่ไม่สุขขายาวก้าวตรงไปยังประตูอัตโนมัติแต่ก็ต้องหยุดชะงักลงเพียงเท่านั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนที่เปิดประตูเข้ามาในจังหวะเดียวกันและดูเหมือนว่าเธอคนนั้นจะรู้สถานการณ์ตอนนี้ดี
“นายจะไปไหนแอช”
“พ..พี่เชอร์” ปากหนาพึมพำชื่อคนตรงหน้าเบาๆ
“พี่ถามว่านายจะไปไหน?”
“....”
“พอดีเลยพี่เชอร์ๆๆ พี่รู้ไหมอ่ะคะว่าน้องลูน่าไปตอนไหน?” หนึ่งในสมาชืกสภากาแฟเอ่ยถามขึ้น
“อ๋อ รู้สิ ก็พี่เป็นคนเซ็นต์ใบผ่านงานให้” พูดออกมาเสียงเรียบแต่เหตุใดชายหนุ่มตรงหน้านั้นเผอิญเห็นรอยยิ้มที่แสยะออกมาที่มุมปากบางนั่น หรือเขาคิดไปเองว่าผู้หญิงคนนี้คงตั้งใจจะไม่บอกใครเลยว่าร่างบางจะไปและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง..ตัวเขาเอง
.
.
.
.
.
.
.
.
‘ผมจะไปตามลูน่า!’
.
.
.
.
.