“ ยินดีที่ได้รู้จัก ค่ะ คุณปลัด แหม เคยได้ยินชื่อเสียงมานาน วันนี้เพิ่งได้รู้จักตัวจริง ล้อ หล่อค่ะ ”
สาวใหญ่คนนี้ท่าทางดัดจริต หล่อนเพิ่งรู้จักกับเขา เพราะวธุกาญจน์แนะนำ คงเป็นเพื่อนของหล่อนที่บอกว่า ชื่อ
มล
แต่เขาก็ไม่สนใจ เพราะอีกหน่อย หล่อนก็คงต้องผละจากไป คงเหลือแต่เขากับเชอรี่ เพราะเขามีธุระเพื่อจะมาเคลียร์กับเชอรี่โดยตรงและโดยเฉพาะ ดังนั้นเขาอาจจะเสียมารยาทกับคนอื่นก็ตาม ที่ไม่ใช่หล่อน
ยังไงเสีย วธุกาญจน์มองเขาในแง่ไม่ดีอยู่แล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องวางตัวดีนัก เขาเบื่อเหมือนกันกับไอ้การวางตัวดีนักหนา ต้องโหด ดุเหี้ยมใส่หล่อนบ้าง
มันคงจะเป็นรสชาติที่ดี สนุกไปอีกแบบอย่าง ที่วธุกาญจน์ได้เจอ
หมอนั่นท่าทางยิ้มแหย เมื่อทักทายกับเขา และเมื่อเห็นสีหน้าขวางใส่ของเขาแบบไม่พอใจ มันก็ทำท่าก้มหน้างุดทีเดียว แล้วเบือนมองไปทางอื่น จนกระทั่งต้องเอ่ยว่า
“ ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ มีธุระด่วน ”
วธุกาญจน์พอจะรู้ทันจึงถลึงสายตาใส่อนุตร หลังจากที่กิระทัตรมีท่าทางลนลานและรู้สึกกลัว จนต้องรีบไปจากตรงนั้น
“ คุณ ทำอะไรอยู่ คุณอนุตร อย่าเสียมารยาทกับเพื่อนของดิฉัน ”
เขายิ้มให้หล่อนแต่เป็นยิ้มเจื่อนๆ
“ ผมยังไม่ทำอะไรสักหน่อย แค่มองเท่านั้น ”
“ ไม่ใช่มองอย่างเดียวหรอก คุณตีหน้าขวางใส่เขาด้วย ”
วธุกาญจน์เอ่ยอย่างนั้นเหมือนรู้ทัน ความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจของจีรมลที่ยืนอยู่ข้างๆด้วย จีรมลนิ่งเงียบกริบก็ตาม
แม้หล่อนจะทำตัวเหมือนไม่ให้ทั้งสองรู้ว่าหล่อนแอบมองและสังเกต แม้สายตาจะเบือนออกไป แต่หางตานั่นก็พยายามชำเลืองเก็บภาพเอาไว้ให้มากที่สุด เพื่อจะมาบอกใยบัว
ตอนนี้อนุตรทำท่าง้องอนใส่วธุกาญจน์อย่างมาก เหมือนเรียกคะแนนสงสาร ให้กลับมาคืนดีกัน ฉะนั้นแม่หลานสาวของหล่อนจะไม่ค้างเติ่ง เป็นนางรอ รอคอยเหมือนแม่สายบัวคอยรักเก้ออย่างนั้นหรือ
แวบหนึ่งที่จีรมลแสดงความไม่พอใจผ่านสีหน้า มองด้วยหางตาริษยาเหยียดเยาะ และอยากจะไปให้พ้นจากตรงนี้เพื่อตั้งหลัก และก็เพื่อไม่ให้ คนฉลาดอย่าง วธุกาญจน์นึกสงสัย ในท่าทีของหล่อน บางที จีรมลคิดว่า ตัวหล่อนอาจจะเผลอแสดงพิรุธออกมาให้ เชอรี่ได้สงสัย
เพราะในขณะนี้เชอรี่ก็จับตามองจีรมลเพื่อนร่วมงานเหมือนกัน แต่ก็ไม่เอ่ยพูด
“ฉันก็ขอตัวอีกคนนะเชอรี่ อยากจะกลับเร็ว ไปซักผ้าหน่อย ”
จีรมลหาอุบายจากไปตรงนี้
“ อ้าว จะไปแล้วหรือ มล ”
วธุกาญจน์ทักขึ้น
“จ๊ะ ขอตัวก่อน”
ทั้งจีรมลและกิระทัตรไปแล้ว เหลือเพียงแค่หล่อนสองคนกับเขา เชอรี่ยังนิ่งและยืนเงียบอีก เพียงแต่หล่อนไม่รู้จะเอ่ยกับเขาอย่างไรดี นี่วธุกาญจน์คิดว่า อนุตรกำลังจะใช้ลูกตื้อกับหล่อน แต่สิ่งที่เขาทำพลาดพลั้งทำเสีย ไม่ใช่ว่าจะยกโทษให้ง่ายๆ เขาเป็นคนที่ทิ้งให้วธุกาญจน์อยู่กับความเดียวดาย และคอยเก้อ
ที่แน่ๆ ภาพหลักฐานของผู้หญิงคนนั้นมันประจักษ์ชัด
“ คุณไม่ต้องลงทุนถึงกับตามดิฉันมาที่สำนักงานหรอก ดิฉันไม่ใจอ่อนอย่างเด็ดขาด ”
วธุกาญจน์ยอมพูดกับเขา เมื่อหลีกเลี่ยงการพบหน้าไม่ได้
เขารู้แล้วว่า ควรจะแสดงการตั้งรับกับหล่อนอย่างไรดี เพราะเตรียมมาพร้อม เต็มอัตราศึก วันนี้หล่อนอาจจะเห็นเขาแสดงบทร้ายๆขึ้นมาบ้างก็ได้
ไม่ใช่พระเอกที่แสนดี อ่อนโยน นุ่มนวล แต่เขาจะไม่ทำถึงขนาดกักฬระ เพราะเขาเป็นผู้ดี มีการศึกษา อีกอย่างเขาภูมิใจในเกียรติยศของตัวเองและครอบครัว
การนิ่งของเขามันไม่ใช่เป็นการยอมจำนน แต่เป็นการที่เขาคิดว่า จะพยายามหาเรื่องกับหล่อนอย่างไรดี เพราะตอนนี้รู้ดีว่า วธุกาญจน์พยายามหาเรื่องเขาเต็มที่
พยายามป้ายความผิด สมองของหล่อนเอาอะไรคิด ช่างหุเบาๆจริง ภาพแบบนั้นอิริยาบถแบบนั้น เขาคิดว่า เขาเคยทำแน่ แต่ในภาพนั่น ไม่ใช่เขาอย่างแน่นอน
อนุตรมีเหตุผล คำชี้แจง อธิบาย ให้หล่อนทราบอย่างชัดเจน ถ้า เชอรี่จะถามเรื่องนี้ แต่ถ้ายังอมพะนำไว้มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ถ้ายังคิดว่าเขาผิด ชี้และกล่าวหาว่า เขาเป็นคนกระทำ ผู้หญิงงี่เง่าและโง่ อย่างนี้ก็มีด้วยแฮะ ไม่สอบถามความจริงก่อน
“ป่วยการแล้วค่ะ อนุตร ยังไงเสียฉันก็บอกว่า ป่วยการแล้ว ที่คุณจะมาเรียกร้องรื้อฟื้นอะไรในตอนนี้ ฉันบอกว่า มันได้จบจบไปแล้ว ตั้งแต่คุณทำเรื่องขึ้นมา ”
เดินห่างจากผู้คน เขาเดินตามมาด้วย และหล่อนก็เกรี้ยวกราดเดินตรงไปที่ลานรถจอด ซึ่งไม่มีใคร พนักงานคนอื่นๆคงจะกลับกันแล้ว พอพ้นจากประตูอัตโนมัติที่มีร.ป.ภ.เฝ้า วธุกาญจน์ก็เปิดปากฉะเขาขึ้นก่อน
“ ทำ นี่ผมทำอะไรอีก วธุกาญจน์อธิบายให้ผมชัดเจนกว่านี้หน่อยซิ ผมไปทำอะไรคุณเคืองแค้น ขนาดไม่พูดจากัน ”
เขาก็แรงไม่แพ้หล่อน ทั้งโมโหเดือด วธุกาญจน์เองก็เอาแต่อารมณ์ เอาแต่หึง ใช่ หล่อนบอกตัวเองในใจ
ในเรื่องแบบนี้มีผู้หญิงคนไหนยอมรับได้ล่ะ ในเมื่อเป็นคนที่ตัวเองรักนักหนา
“ ไม่ต้องมาอธิบาย คนที่กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง น่าจะอธิบายตัวเองได้เป็นอย่างดี ว่าตัวเอง แสนเลวแค่ไหน ”
หล่อนถียงเขา เขาเถียงตอบ
“ เลว คำก็เลว สองคำก็เลว เดี๋ยวถ้าผมเลวขึ้นมาจริงๆคุณจะรู้สึก ”
เมื่อเขาพูดคำนี้ขั้นมา หล่อนก็ตกใจเหมือนกัน
“ อย่านะ อนุตร อย่าทำบ้าๆนะ ”
“ กลัว นี่กลัวผมขึ้นมาเหมือนกันหรือเชอรี่ ”
น้ำเสียงของเขาเหี้ยม
“ทำไม คุณต้องตามฉันมาอีก กลับไป ซะเถอะ รถคุณจอดอยู่ที่ไหน ไม่งั้นดิฉันจะเรียกร.ป.ภ.มา ”
“จะยัดใส่ข้อหาอะไรไม่ทราบ จูบ กอด แฟนตัวเอง หรือว่าทำอย่างอื่น ผมทำอย่างอื่นก็ได้นะ ตัวคุณน่ากอดไปหมด เชอรี่ มันมีโอกาสตั้งนาน ตั้งหลายครั้ง ผมเคยฉวยโอกาสอย่างนั้นกับคุณไหม นี่ถ้าผมทำ คุณเสร็จผมตั้งนานแล้ว ”
เขาเถียงใส่หล่อนอีก
“ บ้า บ้า อย่ามาพูดแบบนี้ใส่ฉันนะ ”
“ แบบนี้ ทนฟังไม่ได้ คุณบังคับผมเอง ”
“ คุณทำตัวเองต่างหากล่ะ คุณไม่ใช่ผู้ชายที่ดีพอสำหรับฉันอีกต่อไปแล้ว ”
“ใช่ ผมยอมรับว่า ผมไม่ดีพอ ถ้างั้นผมทำเรื่องเลวๆ ได้มั๊ย เป็นต้นว่า จะปล้ำ หรือข่มขืนคุณ”
เขาพูดแล้วยิ้มเหี้ยมเกรียมหัวเราะ
หล่อนนิ่ง แต่ก็ยังก้าวเดินต่อไป หล่อนไม่ควรไว้ใจเขาให้ตามมาเลย เพราะรู้ดีว่าอนุตรโกรธหล่อน พอเห็นว่าจวนตัวหล่อนจึงร้องเรียกตะโกน ยามที่อาจจะ อยู่บริเวณนั้น
หล่อนร้องกรี๊ดตะโกนหายาม แถวนั้นไม่มีคนเดินอยู่เลย แม้แต่สักคน มีแต่รถจอดนิ่งสนิท
“ ยาม ยาม ช่วยฉันด้วย ว๊าย อย่านะอนุตร ”
อนุตรคว้าร่างของหล่อนเข้ามาปะทะอกขืนตัวหล่อนสุดแรงแล้วจากนั้นก็ทาบริมฝีปากหนาอุ่นร้อนทับลงไปกับริมฝีปากเรียวอวบอิ่มของหญิงสาวทันทีโดยไม่คิดอะไร เป็นผลทำให้วธุกาญจน์เงียบเสียงที่เขาจู่โจมอย่างรวดเร็ว หล่อนหายใจไม่ออก แต่ว่ารสจูบนั่นเสียวซ่าน จนหญิงสาวเขินอายหน้าแดง ที่อนุตรทำกับหล่อนแบบนี้ แต่ก็หน้าแดงด้วยความโกรธจัด
อนุตรนั้นกึ่งลากกึ่งจูงหล่อนมาที่รถ แทนที่จะเป็นรถของหล่อน กลับเป็นรถของเขา ที่เขาแอบมาจอดใกล้ๆหล่อนนี่เอง
อนุตรวางแผนอย่างดีไว้หรือนี่ ถ้าหล่อนขยับปากจะร้องตะโกนเขาขู่หล่อนว่า
“ ถ้าร้องขึ้นอีก ผมจะจูบให้ขาดใจตายเลย เอาสิ มากับผมดีกว่า รถของคุณจอดไว้ที่นี่ ผมไม่คิดจะทำอะไรคุณหรอกเชอรี่ แต่อย่าขัดขืนดีกว่า ถ้าขัดขืนไม่แน่หรอก ผมอาจจะใจแตก ทำอะไรไม่ดีกับคุณขึ้นมาก็ได้ ผมหวังว่า คุณคงมีเหตุผล เพียงพอ ผมก็มีเหตุผล ฟังนะ เงียบเลย แล้วไปเคลียร์กันที่ข้างนอก คอยดูซิ ผมจะได้แฟนผมกลับคืนมามั๊ย ถ้าไม่ได้ล่ะก็ ขึ้นชั้นเป็นตำแหน่งเมียเลยเป็นไง สูงกว่าแฟนอีก จะว่ารวบรัดก็ตามเหอะ คุณบังคับผมเองนี่ บอกอยากจะแต่ง แต่งตั้งหลายหน คุณก็บ่ายเบี่ยง ผมไม่ต้องการให้สุนัขตัวไหน คาบไปรับประทานนะ จะบอกให้ไว้ก่อน ”
เขาแทบจะพูดกรอกใส่หูหล่อนเลย และสมองของวธุกาญจน์ก็อื้ออึงไปหมด สับสน แต่ยอมทำตามเขาโดยดี
เขาไขประตูกุญแจแล้วเปิดเข้าไปนั่งข้างใน
“ รถของคุณจอดไว้ที่นี่ คงไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวผมจะให้คุณไปแจ้งกับทางร.ป.ภ. ว่ารถคุณเสีย ถ้าเขาไม่ให้จอด งั้นให้คุณโทร.ไปหาคนขับรถที่บ้าน ให้นั่งแท็กซี่มาเอาก็ได้ ผมเสียค่าแท็กซี่ให้เขาเอง ”
อนุตรบอกกับหล่อน เขาไม่กลัวอะไรเลย และเมื่อไปถึงยาม รถผ่านตรงจุดบริเวณตรวจ หล่อนจะร้องขอความช่วยเหลือจากยามก็ได้ แต่วธุกาญจน์ไม่ทำ เป็นเพราะอะไร หล่อนคิดว่า หล่อนกับอนุตรจะตกลงกันด้วยดี
เขาขู่หล่อนก็จริง แต่เขาคงมีความเป็นสุภาพบุรุษเพียงพอ หล่อนได้แต่นั่งเงียบ
“ รถเสีย หรือคะ เป็นพนักงานที่นี่ แต่ว่า จอดที่นี่ไม่ได้นะคะ เพราะทางบริษัทไม่รับประกันความเสียหายปลอดภัยจากรถ ”
พอพูดอย่างนี้ เขาตอบร.ป.ภ.หญิงคนนั้นไปว่า
“ ก็ได้ ก็ได้ อีกสักครึ่งชั่วโมงต่อมา ผมจะให้คนมารับ เอ้า นี่ ช่วยฝากดูแลรถผมด้วยนะ ก.ท. หมายเลขทะเบียน ”
เขายัดเงินสองร้อยสองใบใส่มือหล่อนทันที โดยไม่ให้ทัดทาน แล้วบอกว่า
“ ผมขอฝากล่ะ มีธุระจำเป็นด่วน ”
วธุกาญจน์เองก็นั่งนิ่งเงียบ แบบไม่พูดจา
จากนั้นก็ขับรถออกไป และเขาคิดว่า หล่อนคงจะดูแลรถของวธุกาญจน์ดีเป็นพิเศษ เพราะอะไรน่ะหรือ คำตอบไม่เห็นต้องถาม
“ เป็นไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม ผมขอโทษที่เอ่ยกับคุณอย่างรุนแรง ตามสบาย วางใจเถอะ เคลียร์เรื่องให้จบกันก่อน แล้วคุณจะยิ้มหรือหัวเราะร้องไห้ก็ตามใจคุณผมไม่ว่า แต่เรื่องของเรามันมีปัญหาผมต้องเคลียร์ ถ้าคุณเป็นคนอื่นผมไม่ได้ว่านะวธุกาญจน์ แต่นี่คุณเป็นคนรักของผม เป็นคนที่กำลังจะเป็นเมียของผม คุณคิดอย่างนี้บ้างไหม ความรักของเราคบกันมายาวนาน คิดบ้างไหมว่า สักวันหนึ่งมันจะต้องลงเอยด้วยการที่เราสองคนได้อยู่ด้วยกัน หรือคุณจะให้ผม รอรอแล้ว รอเล่า รอตลอด ”
เหมือนเขาตัดพ้อหล่อนด้วย ด้วยคำพูดที่ยาว อนุตรไปเอาอารมณ์ฮึดฮัดใส่หล่อนมาจากไหน หล่อนเองก็ยิ้มให้เขาเป็นอย่างปกติ แต่ก็ยังไม่ไว้วางใจเขาเท่าที่ควร
เท่าที่พูดมาของเขาก็มีเหตุผลดี แม้หล่อนจะรู้ว่าเขารักหล่อน เขาควรจะแก้ปัญหาของเขาให้จบก่อน เรื่องผู้หญิงคนนั้น วธุกาญจน์คิดถึงแต่สิ่งนี้ ลูกผู้หญิงอย่างหล่อน ไม่อยากให้ถูกตราหน้าว่าแย่งของรักของหวงจากใคร ทั้งๆที่เขาเป็นของหล่อนมาก่อนก็ตามอนุตรคือคนรักของหล่อน
ขณะนี้หล่อนอยู่กับเขา นั่งรถของเขา ไม่รู้ว่าเขาจะพาหล่อนไปไหน เขาบอกจะมาตกลงกับหล่อน
แต่ถ้าเป็นเรื่องนั้น เรื่องเดิม มันคือ เรื่องที่ซ้ำซาก หล่อนก็ขืนตัวเองไม่ได้ แม้จะนั่งอยู่บนรถ ไม่ได้ถูกมัดมือมัดเท้า แต่หล่อนก็ไม่มีอิสระที่จะออกไปจากรถคันนี้ได้
หล่อนอยู่ในสายตาของเขาถ้าเขาจะพูดเรื่องเดิม อีกหล่อนไม่อยากฟัง
อีกอย่างรถของหล่อนล่ะ รถของหล่อน เขาจะทำยังไง หล่อนจึงเอ่ยขึ้น
“ ดิฉันห่วงรถ ”
“ไม่เป็นไร หรอกน่า ประเดี๋ยวคนที่บ้านก็มารับกลับไปเองนั่นหละ ”
เขาตอบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่คนเป็นเจ้าของรถอย่างหล่อน จะไม่ห่วงไม่ได้หรอก
“ไม่ใช่ รถ คุณนี่ คุณจะมาห่วงได้ยังไง ”
หล่อนต่อว่า