ตอนที่ 1
อนุตร..ถือว่าเป็นแฟนหนุ่มที่เธอรักมาก แต่ทว่าบัดนี้กำลังจะหักห้ามใจไม่ให้ขบคิด เพราะหลักฐานประจักษ์ชัดสายตาของเธอเมื่อต้นเดือนก่อน เป็นซองจดหมายสีน้ำตาลพัสดุทางไปรษณีย์
ระบุจังหวัดและอำเภอที่ชายคนรัก ปฏิบัติหน้าที่ราชการอยู่เขาสอบได้บรรจุเป็นปลัดหนุ่มที่ชนบทอำเภอแห่งหนึ่งทางภาคอีสานตอนใต้ เธอเลือกทำงานในบริษัทเอกชนที่กรุงเทพ
เพราะเป็นบ้านเกิดที่คุ้นเคยที่สุด เธอไม่มีอุดมการณ์อุทิศตัวไปไกลเมืองหลวงเหมือนอย่างเขา สาวสวยครุ่นคิด เธอรู้สึกผิดหวังไปหมด
ภาพฝันที่เคยวาดไว้และสูงส่งหวังจะได้เคียงเป็นเจ้าสาวในชีวิตจริงของเขา ต้องมาพังภินท์เพราะน้ำมือของเขาเอง ที่ทรยศต่อรักแท้ของหล่อน
ฮึ หลายวันมานี้จนเกือบอาทิตย์แล้วที่หล่อนตอบสนองเขาด้วยการตัดขาด ปิดเครื่องมือถือย์แล้วทีงหลวง ่ทรยศต่อรักแมท้ของหล่อนเป็นเจ้าสาวในชีวิตของเขา
เขาเลือกสายข้าราชการสอบได้เพราะเรียนเก่งบรรจุเป็นปลัดหนุ่มที่ชนบทอำเภอแห่งหนึ่งทางภาคอีสานตอนใต้ ส่วนเธอชีวิตยังวนเวียนอยู่ในกรุงเทพ .. เธอไม่ได้มุ่งมั่นใฝ่ฝันในอุดมการณ์ข้าราชการเหมือนเขานี่ ..เธอจึงเลือกทำงานบริษัทเอกชนที่กรุงเทพ
ถานที่ทำงานแห่งใหม่ของหล่อน ซึ่งดูกว้างขวางโอ่โถงยิ่งนัก ที่สำคัญหรูหราด้วยฝีมือการตกแต่งทางสถาปัตย์ชั้นนำผสานเข้ากับศิลป์ประยุกต์ในอาคารทันสมัยที่ได้รับอิทธิพลจากมาจากวัฒนธรรมตะวันตก
อย่างที่เห็นบนถนนสายธุรกิจที่สำคัญของประเทศอย่างดาษดื่นตา เช่น ถนนสาทร ถนนวิทยุ ถนนสุขุมวิท หลังจากทิ้งใจให้กับความหลังเปลืองเปล่า ด้วยสีหน้าค่อนข้างซีด เป้นอย่างนี้มาหลายวันแล้ว และมีสภาพไม่ต่างจากคนตรมทุกข์
จีรมลเพื่อนพนักงานสาวในบริษัทเดียวกัน ดูเหมือนจะเป็นคนเดียวที่เป็นห่วงเป็นใยเธออย่างมากเงยหน้ามองเพื่อนหลังจากที่สังเกตเห็นใบหน้านั้นชัดเจน
นึกไม่สบายใจแทนวธุกาญจน์ เพื่อนสาวคนนี้ ที่แบกหน้าเอาไว้ด้วยความขื่นขมและเศร้าหมองจะด้วยเพราะเหตุของเรื่องอะไรนะหรือ จีรมลเองก็ไม่กล้าเอ่ยถาม
ทั้งๆที่สนิทสนมกับ วธุกาญจน์หรือเชอรี่มากกว่าใครในบรรดาเพื่อนสนิทของวธุกาญจน์
“เธอเหมือนคนไม่สบายอย่างนี้เชอรี่ ฉันสงสารเธอนะ ต่อสู้ต่อไปนะ อย่ายอมแพ้ คนรักกันเมื่ออยู่ห่างไกลกันก็เป็นอย่างนี้ละ”
เมื่ออดรนทนไม่ได้กับสภาพที่เพื่อนสาวได้รับอยู่ จึงได้เอ่ยเปรยๆขึ้นเหมือนให้วธุกาญจน์ได้ยิน
“ ถ้าเธอคิดถึงเขามากอย่างนั้น ก็โทร.ไปหาเขาเลยสิ อย่ามัวให้เขาโทร.มาหา เขาอาจจะไม่มีเวลา คงงานยุ่ง ยิ่งเธอบอกว่าแฟนเธอทำงานข้าราชการด้วยไม่ใช่หรือ”
วธุกาญจน์ได้ยินเหมือนกันแต่ไม่ตอบ แต่ก็ขอบคุณสำหรับคำพูดที่พยายามทำให้เธอสบายใจ แต่จีรมลเองคงไม่รู้หรอกว่า คนที่ทุกข์ทรมานเพราะเรื่องความรักนั้น มันเจ็บปวดมากแค่ไหน
วธุกาญจน์ถึงกับขนาดกินไม่ได้นอนไม่หลับ นี่เพราะสาเหตุที่รักเขามากมายเหลือเกิน อนุตรรับราชการเป็นปลัดหนุ่มอยู่ต่างจังหวัด นี่แหละคือความห่างไกลระหว่างเธอกับเขาซึ่งเป็นฉันท์คนรัก
“ขอบใจที่เป็นห่วงฉัน จี แต่ว่าคิดดูแล้ว ฉันไม่เป็นฝ่ายโทร.ไปหาเขาหรอก ถ้าเขาคิดถึงฉันก็ต้องโทร.มาหาฉันเองสิ ฉันจะไม่ใจอ่อนกับเขา อาจจะเป็นเพราะที่แล้วมา ฉันอาจจะอ่อนกับเขามามาก”
เธอเอ่ยด้วยเหตุผลเหมือนกันเหมือนว่าวธุกาญจน์จะประชดตัวเอง และแววตาไม่ยี่หระเมื่อตอบออกมา
“เธอพูดอย่างนี้ มีแต่เข้าตัวเองนะจ๊ะเชอรี่ ตราบใดที่เรามองไม่เห็นด้วยตา เราก็ไม่ควรไปปรักปรำเขา ”
น้ำเสียงของเพื่อนสาวเอ่ยตอบตักเตือนด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ซึ่งฟังแล้วดูเป็นมิตรยิ่งนัก ปลอบประโลมเข้าอกเข้าใจ
จนวธุกาญจน์เข้าใจว่านี่คือความหวังดีดูเหมือนจีรมลจะพูดได้แค่คำแบบนี้อย่างเดียว เข้าข้างเขา
ลึกๆภายในใจของวธุกาญจน์ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจีรมลคิดอย่างไรกับอนุตร
อนุตรแฟนหนุ่มของเธอเป็นคนหล่อและเจ้าเสน่ห์ ย่อมทำให้เพศตรงกันข้ามหลงใหลได้อย่างง่ายดาย ยิ่งเขาพูดเก่งปากหวาน
นอกจากฐานะหน้าที่การงานที่ดีเยี่ยม ใครๆก็วาดหวังหมายปองอยากได้เขาเคียงคู่
อนุตร..เป็นผู้ชายที่เธอรักมาก เขาเลือกที่จะรับราชการ ทั้งๆที่พ่อแม่ของเขาไม่เห็นด้วย ..มันเป็นความใฝ่ฝันอุดมการณ์ของเขา
อนุตรมักบอกกล่าวแก่เธอเช่นนี้เสมอมายามกระเซ้าเย้าแหย่ถามถึงอาชีพที่ปรารถนาในอนาคต เมื่อครั้งที่ทั้งคู่ยังร่ำเรียนหนังสือที่ชั้นประถมด้วยกัน .. จวบจนเวลามันผันเปลี่ยนไปมากมายเช่นนี้ เรียนจบกันปริญญาทั้งคู่
เขาเลือกสายข้าราชการสอบได้เพราะเรียนเก่งบรรจุเป็นปลัดหนุ่มที่ชนบทอำเภอแห่งหนึ่งทางภาคอีสานตอนใต้
ส่วนเธอชีวิตยังวนเวียนอยู่ในกรุงเทพ .. เธอไม่ได้มุ่งมั่นใฝ่ฝันในอุดมการณ์ข้าราชการเหมือนเขานี่ ..เธอจึงเลือกทำงานบริษัทเอกชนที่กรุงเทพ
“เอ้า งั้นก็ตามใจเธอ ถ้าไม่เชื่อความหวังดีของเรา เราแค่อยากช่วยหาทางออกให้เธอนะเชอรี่ เห็นเธอไม่สบายอย่างนี้ พลอยทำให้เพื่อนอย่างฉันก็ไม่ค่อยสบายใจไปด้วย มีอะไรก็ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยสิ ฉันอยากเห็นเธอสนุกสนานร่าเริงเหมือนเดิมมากกว่า ไม่อยากเห็นเธอทุกข์เครียดอย่างนี้อยสิยน้ำเสียงอ่อนหวาน ซึ่งฟังแล้วดูเป้นมิตรยิ่งนักแล้ว”
แล้วพอจบคำพูดของจีรมล ก็ทำให้วธุกาญจน์ยิ้มออกจีรมลเป็นเพื่อนที่แสนดีของหล่อนจริง
“เราขอบใจนะจี ที่หวังดีกับเราอย่างนี้ ช่วยปลอบ ช่วยหาทางให้”
ทุกสิ่งทุกอย่างทุกเรื่องราว หล่อนไว้ใจจีรมล เล่าให้ฟังทั้งหมด ถึงความไม่สบายใจ และมักได้รับคำปลอบโยน หวังดีจากจีรมลเป็นการตอบแทน
ขณะเดียวกันภายในห้องพักของวธุกาญจน์ กลับถึงบ้านแล้ว จากการที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน เด็กสาวรู้สึกเมื่อยเพลียไปหมดทั้งเนื้อตัว อยากจะพักผ่อนมากกว่าด้วย
แล้วยิ่งมีอาการเหมือนคนตรมใจ ปลัดอนุตร คงเพลิดเพลินผู้หญิงทางโน่นจนลืมเธอเป็นแน่ ทำไมหนอพิษรักถึงได้ร้ายกาจยิ่งนัก ไม่เคยมีเลยเมื่อก่อนนั้น เพราะเธอไม่ได้ปล่อยปละให้ตัวเองตกเข้าไป
ในบ่วงความรัก เคยเห็นแต่คนอื่นมีบ่วงความรัก เลยไม่ได้รู้สึกอย่างไรนอกจากเสียว่าเฉยๆ
แต่พอมาโดนเข้ากับตัวเองแล้วล่ะ ซึ้งทราบแสบสันเข้าไปถึงทรวง ถ้าเพียงแต่ว่าเธอไม่มีใจเผอเรอตอบรักเขากลับไป คงจะไม่รู้สึกกระวนกระวาย และอยู่นิ่งๆไม่ได้อย่างนี้
นึกถึงคำพูดของจีรมลเพื่อนสนิทสาวที่ทำงานเดียว ซึ่งมีอะไรก็พูดคุยได้ทุกอย่าง เมื่อวธุกาญจน์ตรึกตรองเข้าไปในใจลึกของตนเอง คำพูดของเพื่อนสาวก็มีเหตุผลพอที่จะรับฟังได้
แต่อนุตรทำให้เธอโหยไห้ถวิลหาเขามากเกินไป เขาช่างใจร้าย ทรมานความรู้สึกของเธอได้
ทั้งๆที่บอกรักเธอเป็นนักหนา จดหมายหรือ มือถือมีทำไมไม่คิดจะโทร.มาบ้างเลย แบบนี้วธุกาญจน์ไม่ฟังคำแก้ตัวหรือผู้ชายเป็นแบบนี้กันหมด ไว้ใจไม่ได้เลย เมื่ออยู่ห่างไกลหูไกลสายตา