“พูดดีๆ ก็ได้นี่คะ นั่นน้องชายคุณนะ”
“ไม่อยากรับมันเป็นน้องแล้วล่ะ...เคือง” ชายหนุ่มหันมาพูดหน้าตาย เวลานี้เขาอยากเตะพระรามออกไปนอกโลกเลยด้วยซ้ำ ผู้หญิงทั้งโลกมีสีดาคนเดียวหรือไงว่ะ มันถึงได้ตามมาวอแวกับหล่อนด้วย เห็นแล้วมันเสียอารมณ์ กูหวง...บอกตรง!!
“ไม่มีเหตุผล... ทำตัวเหมือนอันธพาล คุณเป็นท่านประธานนะคะคุณทศกัณฐ์ ทำตัวเป็นเด็กเกเรไปได้”
หญิงสาวบ่นอุบ เธอส่ายศีรษะพร้อมทั้งเดินหนีชายหนุ่มไปห่างๆ ไม่อยากเสียอารมณ์เพราะเรื่องทะเลาะเบาะแว้งของพี่น้องสองศรี
“ความรักมันบังตา อะไรๆ ที่มันขวางหูขวางตาก็เลยทำให้รู้สึกขัดใจ” เสียงพูดลอยตามมาติดๆ สีดาแสร้งทำเป็นหูทวนลม เมื่อคำพูดของทศกัณฐ์ มันส่อทำนองเกี้ยวเธอเห็นๆ แม้จะทำเป็นไม่ใส่ใจแต่ผิวแก้มของหญิงสาวก็ยังร้อนซู่ เธอย้ำบอกกับตัวเอง...อย่าได้หลงลมของผู้ชายเจ้าชู้ ลืมไปได้เลยว่าทศกัณฐ์ที่มีชีวิต หาได้เศษเสี้ยวของทศกัณฐ์ในวรรณคดี เรื่องเจ้าชู้ไก่แจ้เขามาเป็นที่หนึ่ง หากหลงใหลเผลอไผลไปตามคำลวงของผู้ชายปากเปราะ เธอเองนั่นแหละจะเป็นฝ่ายเสียใจ
“จะเริ่มงานได้หรือยังคะ? ...โปรเจกต์ยักษ์ที่คุณว่านะ ต้องการแบบไหนกันแน่ คุณอยากได้ผ้าชนิดใดสำหรับทำการผลิต” สีดาพูดเสียงจริงจัง เธอทอดสายตามองชายหนุ่มนิ่งๆ ทุกทีเคยเห็นแต่ท่าทีกะลิ้มกะเหลี่ย อยากเห็นเหมือนกันว่าเวลาที่เขาจริงจังจะออกมาในรูปแบบไหน
“แป๊บ...รอทีมงานก่อน ไม่ต้องใจร้อนหรอกน่า เธอได้แสดงฝีมือแน่งานนี้”
ชายหนุ่มทรุดนั่งบนเก้าอี้ใกล้ตัว เขาตวัดปลายรองเท้าขึ้นมาวางที่ขอบโต๊ะ พร้อมทั้งกระดิกไปมา ทำท่ายวนใส่เสียแบบนั้น
“เอาขาลงคุณ!! มันน่าเกลียด” หญิงสาวแยกเขี้ยวใส่ทศกัณฐ์ ดวงตาจ้องเป๋งไปที่รองเท้าหนังมันวับที่วางอยู่เหนือขอบโต๊ะ
“เอาลงก็ได้... ทำตัวน่ารักว่าง่ายแบบนี้ พอจะน่าสนใจขึ้นบ้างยังล่ะ” ชายหนุ่มพูดหน้าตาย หากมีโอกาสเขาไม่รอช้าที่จะหยอดใส่สีดาเลย
“เห้อ!! ฉันไม่ใช่ของเล่นใกล้มือคุณนะคะ ที่คิดจะพูดจาล้อเล่นยังไงก็ได้” หญิงสาวพูดเสียงแผ่ว เธอทรุดนั่งพร้อมกับตวัดสายตามองค้อนชายหนุ่ม เขาเห็นเธอเป็นอะไร...หยอกล้อเหมือนเธอไม่มีหัวใจ
“...” ชายหนุ่มนึกอยากพูดให้สีดาเข้าใจ แต่อะไรล่ะจะยืนยันได้เท่าการกระทำเขาไม่เคยจริงจังกับอะไรมาก่อน เรื่องนี้เขาทุ่มเต็มที่ แรกเริ่มแค่พอใจ ตอนนี้ชายหนุ่มเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วสิ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นสั่งสมอยู่ในหัวใจนั่นมันคืออะไร เป็นครั้งแรกที่ทศกัณฐ์ขลาดกลัวเกินกว่าจะค้นหาความจริงจากตะกอนที่นอนก้นอยู่ในหัวใจตัวเอง...เขายังไม่พร้อม
ไม่มีเสียงพูดตอบกลับมา ทุกอย่างรอบตัวเงียบกริบ สีดาก้มมองมือตัวเองที่วางทบกันตรงตัก เธอกลั้นใจรอฟังคำตอบ...แต่ทุกอย่างกลับเงียบ เงียบเสียจนใจไม่ดี อยากจะเงยหน้ามอง แต่ก็กลัวความผิดหวัง...นี่เธอหวังอะไรจากเขาอย่างนั้นเหรอ? เธอต้องการคำตอบแบบไหนกันแน่ เธอต้องการแบบนี้ไม่ใช่หรือไง ต้องการให้ผู้ชายคนนั้นอยู่ห่างๆ ไม่ใช่เหรอ?
“ท่านครับ...” มีเสียงเปิดประตูเข้ามา พร้อมกับเสียงทุ้มๆ ของวานร
“ว่าไง...” เสียงเข้มๆ ของเขาตอบกลับไป สีดาแอบย่นจมูก ชิ!!
“ทีมงานพร้อมแล้วครับ” เพราะคำสั่งลับๆ ของทศกัณฐ์หากเขาอยู่กับสีดาห้ามใครเข้ามายุ่มย่ามจนกว่าจะเรียกเอง วานรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และนั่นคือสิ่งที่สีดาไม่รู้เรื่อง
“เข้ามาสิวะ รออะไรอยู่เล่า งานจะได้เริ่มสักที ยิ่งมีคนคอยว่าฉันอยู่ด้วย ว่าเอาแต่เล่น”
วานรเอ๋อสิครับ... เจ้านายสุดเหี้ยมของเขา ตอนนี้ลมสว้านตีกลับหรืออย่างไรกัน นิสัยถึงเปลี่ยนไปแบบสิ้นเชิง ขี้งอนแล้วก็ชอบว่าแดกดันตีกระทบ
“ครับๆ” ที่ทำได้คือรีบรับคำสั่ง แล้วรีบทำตามที่ท่านมหาอำนาจต้องการ แม้จะขำแกมงง!!
การประชุมแสนเคร่งเครียดเริ่มต้นขึ้น การเตรียมงานของทศกัณฐ์รัดกุมจนสีดาแอบทึ่ง เขาไม่ได้ขี้เล่นเป็นแค่อย่างเดียว เวลาจริงจังของชายหนุ่มก็มีเหมือนกัน เธอมองเขาทำงานด้วยความเพลิดเพลิน จนเมื่อสายตาของทั้งสองคนเผลอสบตากันแบบบังเอิญ…
ต่างคนต่างเมิน...สีดาเสก้มหน้าขีดเขียนในกระดาษตรงหน้าตัวเอง แสร้งสนใจเนื้องานเสียเต็มประดา หัวใจเต้นตึกตัก!! ผิวแก้มซับสีระเรื่อ...
“มองอะไรวะไอ้ลิง!!” ทศกัณฐ์หันไปแยกเขี้ยวขู่วานรเมื่อเขาผินหน้าหลบสีดา หันมาเจอมันเข้าพอดี
วานรชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ก่อนจะอุบอิบตอบ “เปล่าครับท่านแค่...”
“พูดมา เดี๋ยวพ่อเตะ!! ยึกยักอยู่ได้” ชายหนุ่มแสร้งเอาความโกรธบังหน้า จะให้บอกยังไงว่า ตรูเนี้ยะ...กำลังเขิน
“แหะๆ ...เจ้านายแก้มแดงครับ...ดูสิครับ” ลูกน้องหนุ่มเปิดกล้องในโทรศัพท์ตัวเองแล้วหมุนหน้าจอให้เจ้านายหนุ่มมองเงาสะท้อนในนั้น...โหนกแก้มของตัวเองแดงแปร๊ด...เหมือนที่วานรมันว่าจริงๆ
“มันร้อนโว้ย!! คนเยอะ แอร์ไม่เย็น” ชายหนุ่มแก้ตัวหน้าตาย... แล้วจึงกระแทกตัวลงนั่งบนเก้าอี้แรงๆ เกิดสำออยอะไรขึ้นมาหะตัวเองนี่จู่ๆ ก็หน้าร้อนซู่ขึ้นมาเสียแบบนั้น ทำสะดิ้งเป็นผู้หญิงไปได้แค่มองสบตากับยัยนั่น...
“ครับๆ เดี๋ยวผมไปเร่งแอร์ให้เย็นกว่านี้อีกหน่อย...เจ้านายจะได้ไม่ร้อน”
เรื่องยวนทศกัณฐ์เป็นที่หนึ่ง เรื่องป่วนวานรเองก็ไม่ได้แพ้เจ้านาย ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นยืน เขาเดินไปปรับอุณหภูมิให้ลดลงอีกหน่อย อุณหภูมิในห้องจะได้เย็นฉ่ำสมใจเจ้านาย หนุ่มจอมเจ้าเล่ห์เหลือบมองสีดา วันนี้เธอในเสื้อแขนกุด เป็นผ้าไหมสีชมพูกับกางเกงเข้ารูปลวดลายสวยงาม ดูแล้วไม่น่าจะทนทานกับอากาศเย็นได้สักเท่าไร ดวงตาชายหนุ่มพราวระยับมองหน้าปัดแผงควบคุม เขากดลดอุณหภูมิลงไปเรื่อยๆ จนหยุดอยู่ที่12 องศา...ไม่หนาวจับขั้วหัวใจ ให้ถีบหน้าวานรครับท่าน!
จู่ๆ อุณหภูมิภายในห้องก็ลดลงแบบฮวบฮาบ ทุกคนที่ชินกับอากาศหนาวอาจจะรู้สึกปกติ...แต่คนที่คุ้นกับอากาศร้อนในประเทศไทย แล้วพึ่งมาปารีสเป็นวันแรกๆ หนาวจนตัวสั่น ฟันกระทบกันดังกึกกัก... เธอไม่ได้เตรียมเสื้อคลุมมาด้วยเสียสิ ก็ใครจะไปคิดว่ามีคนขี้ร้อนรวมอยู่ด้วยล่ะ...หญิงสาวสอดมือไว้ใต้ก้น เพราะมันหนาวเสียจนเล็บเขียว เธอมองหาตัวช่วยแต่ไม่มีสักทาง เมื่อผู้รวมงานคนอื่นๆ ต่างก้มหน้าก้มตาทำงานไม่ได้สนใจใคร แต่...ฉันหนาว
ทศกัณฐ์มองท่าทีกระสับกระส่ายของสีดาด้วยความแปลกใจ อากาศเย็นสบายเสียจนอยากจะหลับ แต่ทำไมเขากลับรู้สึกว่าหญิงสาวไม่ได้รู้สึกแบบนั้น...ชายหนุ่มมองริมฝีปากของสีดาที่เริ่มซีดลง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว ตกลงไอ้ลิงมันปรับอุณหภูมิห้องอยู่ที่อุณหภูมิเท่าไรว่ะ?
“เอ้านี่ไปใส่ซะ...ฟันกระทบกันดังกึกๆ เชียวหนาวไงหะ?”
มันเหมือนจะหวังดี หากตัดคำพูดของเขาออกไป...เมื่อแต่ละคำที่ชายหนุ่มพูดออกมามันเหมือนหยามหยันมากกว่าหวังดี
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทนได้” เธอเบี่ยงตัวหลบ ยกเสื้อสูทตัวหนาๆ ที่ชายหนุ่มวางไว้บนหัวไหล่คืนกลับไปให้เจ้าของที่ยืนอยู่เยื้องๆ กัน
“อย่าดื้อน่า...ใส่ๆ ไปเถอะ หนาวไม่ใช่หรือไงล่ะ” หากไม่เกรงใจคนในห้อง เดี๋ยวพ่อก็ปล้ำกอดเสียนี่ หนาวจนปากเขียวยังจะดื้อใส่เสียอีก
“ไม่เอา เหม็น!!” เธอตอบกลับเสียงขุ่น อายสิอะไรล่ะเอาเสื้อเขามาใส่ก็เหมือนยอมให้เขากอดทางอ้อมน่ะสิ
“เคยดมแล้วรึไง? ก็แน่ใจนะว่าตัวฉันน่ะหอมยันก้นกบ..ลองดมสักทีจะติดใจนา” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับหลิ่วตา เขาจับเสื้อสูทตัวเดิมคลุมไปที่ไหล่ของสีดาเหมือนเดิม แล้วจึงเดินกลับไปหย่อนก้นลงนั่งที่ตัวเอง มันครึ้มใจจนอยากจะฉีกยิ้ม เดี๋ยวจะตกรางวัลให้ไอ้ลิงเสียหน่อย ที่วันนี้มันทำถูกใจป๋า...
สูทของทศกัณฐ์หอมฉุยเหมือนที่ชายหนุ่มพูด มีกลิ่นน้ำหอมจางๆ ผสมกับกลิ่นน้ำยาโกนหนวด ไม่ได้เหม็นเหมือนที่เธอค่อนว่า...แถมยังอุ่นจัดจนเกือบร้อน ไม่ได้รู้สึกไปเองนะ เพราะเธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังนั่งอยู่ในอ้อมแขนของพ่อยักษ์จอมเจ้าชู้นั่นเลย