สามีภรรยา 2

3292 Words
เหยียนเป่าสะดุ้งตกใจเมื่อจู่ๆจ้าวหย่งสือก็พลิกตัวนางให้หันมาเผชิญหน้า สายตาที่จ้องมองมาลึกซึ้งเต็มไปด้วยความรักใคร่จนนางเผลอสบสายตาเขานิ่งโดยมิรู้ตัว... ...ชายหนุ่มเคลื่อนริมฝีปากประทับลงบนหน้าผากเนียนก่อนเลื่อนลงมาที่ปลายจมูกและริมฝีปากเล็กเป็นลำดับสุดท้าย... ร่างหญิงสาวสั่นสะท้านอ่อนแรงจนจ้าวหย่งสือต้องกระชับอ้อมแขนที่เกี่ยวรัดเอวบางให้แน่นขึ้น มือหนาประคองใบหน้างามให้แหงนรับสัมผัสแสนอ่อนโยนจากเขา ริมฝีปากหนาที่บดเบียดละเมียดละไมทำหญิงสาวสติหลุดล่องลอย แม้อยากผลักไสเขาแต่ใจกลับเรียกร้องเช่นนี้แล้วจะต้านทานได้อย่างไร อีกทั้งลิ้นร้อนแทรกเข้ามาตวัดเกี่ยวพันอย่างเชื่องช้าสูบเรี่ยวแรงนางจนแทบหมดสิ้น จ้าวหย่งสือตวัดแขนช้อนอุ้มร่างบางขึ้นแนบอกแกร่งโดยที่มิได้ผละริมฝีปากออกแม้แต่น้อย แววตาหวานซึ้งจ้องมองใบหน้างามอย่างกระชั้นชิด ชายหนุ่มพยายามที่จะดับไฟปรารถนาแต่ทว่าช่างยากยิ่ง เมื่อร่างนางเอนราบลงบนเตียงเขาก็ตามทาบทับบดเบียดริมฝีปากมิอาจถอยห่างดวงตาที่จ้องมองนางก็มิอาจละออกไปได้เช่นกัน เขาอยากซึมซับความรู้สึกชิดใกล้นี้เอาไว้ เพราะมิรู้ว่าหนทางข้างหน้าจะทำให้เขาและนางต้องไกลห่างกันอีกมากแค่ไหน เพียงค่ำคืนนี้ให้เขาได้อยู่กับนาง ก่อนที่จะต้องกลับไปสู่ความเป็นจริงที่รออยู่ในวันพรุ่ง แต่ทว่าแม้ปรารถนาจะครอบครองนางให้มากกว่านี้ แต่คงมิเหมาะมิควรนัก แม้เคยเป็นสามีภรรยาร่วมเตียงเคียงหมอนมีความสัมพันธ์ชิดใกล้กันมาก่อน แต่สถานะในยามนี้ทำให้เขาลังเลใจอยู่มิน้อย จ้าวหย่งสือผละริมฝีปากออก เป็นจังหวะเดียวกับที่เหยียนเป่าเปิดเปลือกตาขึ้นมา ในแววตานางเศร้าหมองยิ่งมองลึกเข้าไปก็ยิ่งเห็นความทุกข์ระทมที่ซุกซ่อนอยู่ในนั้น "...หย่งสือ เจ้าจะใจร้ายกับข้าเกินไปแล้ว" น้ำเสียงนางสั่นเครือรู้สึกอ่อนแออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นางเคยคิดว่าวันหนึ่งนางจะดิ้นหลุดจากหลุมที่เขาขุดเอาไว้ได้ แต่วันนี้นางรู้แล้วว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาขาข้างหนึ่งของนางยังคงติดอยู่ในนั้นเสมอ มิว่านางจะพยายามดิ้นรนมากแค่ไหนก็มิอาจหลุดพ้น ...ความรักมันช่างนำพาความเจ็บปวดทรมานเเสนสาหัสมาสู่คนเราได้ง่ายดายเสียจริง... จ้าวหย่งสือปาดเช็ดหยดน้ำตาที่ไหลรินประคองร่างบางขึ้นกอดแนบอก เขาคิดมิถึงว่าการกระทำเมื่อครู่จะทำให้นางเจ็บปวดรวดร้าว ในใจเขามีอะไรมากมายที่อยากระบายและสารภาพออกไป แต่ทว่าในยามนี้เขามิอาจทำได้ต้องทนฟังเสียงสะอื้นนางด้วยหัวใจที่บีบคั้น "...อย่าทำกับข้าแบบนี้...อย่าทำอีก...ข้าขอร้อง..." นางสะอื้นจนร่างสั่นไหวซุกใบหน้าลงบนอกแกร่งสองมือดึงทึ้งอาภรณ์เขาด้วยแรงเพียงน้อยนิดที่มีด้วยความอึดอัดคับใจ นางอยากลืม อยากปลดปล่อยทุกสิ่งอย่างที่ทำให้นางทุกข์ระทม "...เจ้ามิรักข้าแล้ว ก็อย่าทำอีก อย่าทำเช่นนี้อีกเลย..." นางร่ำไห้ปานขาดใจ นางรักเขานางยอมรับอย่างใจจริง หลายครั้งคิดนำบุรุษอื่นมาทดแทนจ้าวหย่งสือแต่พวกเขาเหล่านั้นก็มิอาจก้าวผ่านเข้ามาได้เลยแม้แต่คนเดียว จ้าวหย่งสือกอดปลอบประโลมเหยียนเป่าเงียบๆมิเอ่ยสิ่งใดปล่อยให้นางได้ระบายความอัดอั้นตันใจที่มีออกมาจนกว่าจะรู้สึกเบาบางลง ครั้งที่สามในชีวิตที่น้ำตาบุรุษผู้กล้าแกร่งหลั่งไหลออกมาครั้งนี้ก็เพื่อสตรีที่ตนรัก หวนนึกถึงเรื่องราวเมื่อหลายเดือนก่อนที่เขาย่ำยีจิตใจนางจนบอบช้ำทั้งที่ตนก็รู้สึกมิต่างกัน แต่ทว่าหากย้อนเวลากลับไปได้เขาก็ยังคงต้องกระทำเช่นเดิม แม้รู้ดีว่าทั้งเขาและนางจะต้องเจ็บปวดมากเพียงใดก็ตาม ยามจื่อ (23.00-24.59) เหยียนเป่าหลับไหลซบลงในอ้อมกอดอบอุ่นในขณะที่จ้าวหย่งสือมิอาจข่มตาหลับลงได้ เขาใช้เวลาทั้งคืนเพื่อที่จะมองนางและอยู่กับนางให้มากที่สุด ก่อนที่จะต้องลาจากกันไปไกลอีกครั้ง... เส้นทางชีวิตถูกลิขิตโดยโชคชะตา เขาและนางเคยมีช่วงเวลาที่ดีต่อกันมายาวนานหลายปี เหยียนเป่าเก่งกาจฉลาดเฉลียวเกินพี่น้องเป็นพระธิดาที่ฝ่าบาททรงรักและไว้พระทัยมากที่สุด รอบตัวนางล้วนหาคนจริงใจได้น้อยนิดนัก คนที่นางรักและรักนางหากอ่อนแอก็จะถูกกำจัดแต่หากแข็งแกร่งก็มิพ้นถูกบีบคั้นทางใดทางหนึ่งอยู่ดี... ...และนี่คงเป็นเหตุผลที่เขาต้องจำใจทอดทิ้งนาง แม้รักเพียงใดก็มิอาจตัดใจยอมแลกชีวิตคนทั้งตระกูลเพื่อนางได้... เช้าวันรุ่งขึ้น เหยียนเป่าซึมเศร้ามิพูดมิจาเอาแต่นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างสีหน้าคล้ายครุ่นคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา"องค์หญิง ท่านทานอะไรหน่อยเถิด" จงหลวนเคอเกลี้ยกล่อมหญิงสาวมานานชั่วยามตามคำสั่งท่านแม่ทัพที่กำชับให้เขาดูแลนางให้ดีที่สุด แต่ดูเหมือนนางจะมิได้ใส่ใจในคำพูดเขามากเท่าใดนัก "...จงหลวนเคอ เจ้าเป็นบุรุษกล้าเเกร่งองอาจในสนามรบ ไล่ฟาดฟันตัดหัวศัตรูมิกลัวตาย ทุกความคิดเห็นของเจ้าในท้องพระโรงชัดเจนตรงไปตรงมาอ้างอิงความเป็นจริงมิผิดเพี้ยนไปตามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง..." รองแม่ทัพหนุ่มรู้สึกประหลาดใจเมื่อจู่ๆองค์หญิงก็กล่าววาจาชื่นชมเขาเสียยืดยาว พลันกระจ่างแจ้งในเจตนานางในประโยคต่อมา "...คนซื่อตรงเช่นเจ้าต้องมิเคยโกหกใคร บอกข้ามาจ้าวหย่งสือมีปัญหาอะไร?" น้ำเสียงเหยียนเป่าเรียบนิ่งเต็มไปด้วยความกดดัน แต่เพราะมิอาจปริปากเรื่องส่วนตัวของผู้บังคับบัญชาออกไปได้จงหลวนเคอจึงเลือกที่จะนิ่งเงียบ เช่นนี้แล้วเขาก็มิต้องโกหกและมิต้องทรยศจ้าวหย่งสือด้วย ผ่านไปกว่าหนึ่งเค่อจวบจนกระทั่งหญิงสาวเอ่ยขึ้นมา "ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องทำเช่นนี้ ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าออกไปเสียเถิด" แม้แต่จงหลวนเคอยังต้องเลือกด้วยเพราะเหตุผลมากมายทั้งมิอยากโกหกและมิอยากทำลายความเชื่อใจจ้าวหย่งสือ ตลอดเวลาที่ผ่านมานางมิเคยที่จะพยายามเข้าใจอดีตสามีเลยสักครั้ง นางมองข้ามสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดเสียใจ มองข้ามเหตุผลทุกอย่างในการกระทำของเขา มิเคยระแคะระคายว่าเขากำลังเผชิญกับสิ่งใดอยู่ นางเอาแต่นึกถึงความทุกข์ของตนเองจนกล่าวโทษเขาไปมากมาย ครั้งหนึ่งนางเคยอ่านเขามิออกแต่เพราะหลายวันมานี้นางสังเกตุเห็นจ้าวหย่งสือและจงหลวนเคอนั้นมีลักษณะนิสัยคล้ายกันหลายอย่างราวกับถูกสร้างมาเพื่อส่องสะท้อนให้เห็นตัวตนของทั้งคู่ผ่านกันและกัน จ้าวหย่งสือทำให้นางเริ่มสงสัยถึงเหตุผลที่เขาตัดสินใจทอดทิ้งนาง หากเป็นเพราะหมดรักเขาคงมิอาจใช้สายตารักใคร่เช่นนั้นมองนางได้ จ้าวหย่งสือและจงหลวนเคอซื่อสัตย์ซื่อตรงต่อตัวเองเสมอหากเป็นเรื่องสำคัญมิอาจเผยพวกเขามักเลือกที่จะนิ่งเงียบจนคนซักไซ้ถอดใจไปเอง อีกทั้งจู่ๆจ้าวหย่งสือก็พาหนิวเลี่ยงลี่เข้ามาในจวนมิตบแต่งใดๆทั้งสิ้นเช่นนี้จะเรียกว่าลุ่มหลงได้เช่นไร เหยียนเป่าครุ่นคิดเนื่องตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมา หลายเดือนมานี้นางปล่อยให้ความโกรธเข้าครอบงำจนตามืดบอดลืมเลือนไปชั่วขณะว่าหนิวเลี่ยงลี่เป็นหลานสาวแท้ๆของหนิวฮองเฮาผู้ที่คานอำนาจกับนางและตระกูลหานมาแต่ไหนแต่ไร เข้ายามซื่อ(09.00-10.59)จดหมายจากเหยียนเป่าถูกส่งผ่านพิราบขาวถึงมือเสี่ยวอี้อย่างลับๆ นางกำนัลสาวถอนใจยาวโล่งอกเพราะคนที่นางเป็นห่วงมานานหลายวันยังคงอยู่รอดปลอดภัย "พี่เสี่ยวอี้ องค์หญิงใหญ่เสด็จมาต้องการพบท่าน" เสี่ยวอี้ปรับสีหน้าให้เรียบนิ่งเก็บกลืนความปิติยินดีเอาไว้ก่อนเดินตามนางกำนัลออกไปพบเหยียนซ่าน กลางโถงเรือนรับรองเหยียนซ่านนั่งนิ่งเงียบอยู่บนตั่งไม้มีเจียวอวี่ยืนห่างออกไปทางด้านหลังเล็กน้อย ระหว่างนั้นเสี่ยวอี้ก็เดินเข้ามาย่อกายถวายความเคารพต่อนาง "องค์หญิงเสด็จมาพบหม่อมฉัน มีสิ่งใดจะให้รับใช้หรือเพคะ?" มุมปากสองข้างยกขึ้นฉีกยิ้มบางอ่อนโยนเช่นเดิม "องค์หญิงสามได้ติดต่อเจ้ามาบ้างหรือไม่?" เสี่ยวอี้ส่ายหน้าเบาๆโดยทันทีก่อนเอ่ยขึ้น "องค์หญิงมิได้ติดต่อมาเลยเพคะ" เหยียนซ่านเผลอปล่อยความเคร่งเครียดขึ้นมาบนใบหน้า เหยียนเป่าหายไปนานเพียงนี้แต่กลับมิมีข่าวคราวความเคลื่อนไหว อีกทั้งทางต้าไห่ก็ส่งข่าวแก่นางว่าเหยียนเป่ามิได้กลับไปที่นั่น นางหายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้คงจะมีแผนการอะไรเป็นแน่ ...ช่างเป็นเรื่องที่น่าหวาดระเเวงเสียจริง... "เสี่ยวอี้ หากองค์หญิงของเจ้าส่งข่าวมาก็ต้องรีบแจ้งแก่ข้านะ...." "...ข้าเป็นห่วงนาง เป็นห่วงมาก เจ้ารู้ใช่หรือไม่ " เสี่ยวอี้รับคำเสียงเรียบ ยืนมองเหยียนซ่านเดินออกไปจนลับตา พลันรู้สึกเหนื่อยใจแทนที่ต้องทนเห็นสตรีผู้นี้แสร้งอ่อนโยนอ่อนหวานมาเนิ่นนาน แม้ตัวนางจะเพิ่งเข้ามารับใช้เหยียนเป่าได้เพียงไม่กี่เดือนแต่ก็สัมผัสได้ถึงความมิบริสุทธิ์ใจในตัวองค์หญิงใหญ่ผู้นี้ไม่น้อย... และนางคิดว่าเหยียนเป่าก็คงรู้สึกมิต่างกัน มิเช่นนั้นคงมิพาตัวเองไปเสี่ยงครั้งแล้วครั้งเล่า ตอกย้ำความพ่ายเเพ้ให้อีกฝ่ายต้องรู้สึกย่อยยับจนกระทั่งถึงที่สุดแล้ว คงทนมิไหวระเบิดทุกสิ่งอย่างออกมาเอง... แต่วิธีนี้คงยากไม่น้อยหากจะใช้กับเหยียนซ่าน อย่างไรก็ก็นับว่านางเป็นคนที่เก็บงำความรู้สึกได้ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง แต่ทว่าดูเหมือนสิ่งที่เหยียนเป่าทุ่มเททำเพื่อสั่นคลอนความมั่นใจของเหยียนซ่านมานานหลายปีจะเริ่มส่งผลมิน้อยแล้ว... เหยียนซ่านเดินออกมาจากเรือนรับรองสองมือกำแน่นเล็บจิกจมเนื้อจนเลือดซึม นางอึดอัด นางคับแค้น แต่มิอาจระบายออกมาได้ ภายใต้ใบหน้าอ่อนโยนในใจแทบบ้าคลั่งขึ้นทุกที นางกำนัลชั้นต่ำถือดีว่าเป็นศิษย์ร่วมสำนักเหยียนเป่า กล้าโกหกหลอกลวงนางถึงเพียงนี้มิเท่ากับเป็นการท้าทายอำนาจนางหรอกหรือ?! "จับตาดูนางกำนัลผู้นี้เอาไว้ หากเจอองค์หญิงสามเมื่อใด ให้รีบมารายงานข้า" องค์รักษ์หนุ่มตำแหน่งเล็กหน้าตาธรรมดาดาษดื่นจากตำหนักองค์หญิงสามถูกซื้อตัวเป็นคนของนางมานานหลายปี แม้โง่งมไปบ้างแต่ก็มิเป็นที่สะดุดตาพอใช้งานได้มิขัดข้อง ภายในเกี้ยวใหญ่เหยียนซ่านกัดกรามแน่นสะกดกลั้นโทสะ เล็บมือจิกลงบนเนื้อผ้าจนแทบทะลุไปถึงผิว นางหลับตานิ่งเห็นภาพตัวเองในวัยเด็ก นางในวัยสิบสี่มีน้องชายร่วมอุทรเป็นรัชทายาทและมีน้องสาวต่างมารดาสองคน หนึ่งคนเป็นถึงเจิ้นกั๋วมีอำนาจมีสิทธิ์มีเสียงในราชสำนักเฉลียวฉลาดเกินวัยมาตั้งแต่เล็ก อีกหนึ่งวรยุทธโดดเด่นแม้มิมีบทบาทในราชสำนักแต่ก็มีน้ำหนักในใจฝ่าบาทมิน้อยไปกว่าเหยียนเป่า ชีวิตที่อยู่ท่ามกลางความกดดัน ถูกพระมารดาเคี่ยวเข็นให้อ่านตำราเช้าจรดค่ำ ถูกบังคับให้ร่ำเรียนทุกสิ่งอย่างเพื่อความเพียบพร้อมในฐานะองค์หญิงใหญ่ แล้วนี่หรือคือผลตอบแทนที่นางได้รับ แม้ทำดีเพียงใดพยายามแค่ไหนนางก็มิเคยอยู่ในสายพระเนตรฝ่าบาทเสียที ความอบอุ่นของสายใยรักจากบิดามารดาคือสิ่งใดนางหาเคยได้รับรู้ได้สัมผัสไม่ พระมารดาที่นางรักฝักใฝ่ในอำนาจ จิตใจโหดเหี้ยม บนโลกใบนี้มิว่าใครก็ตามแม้ใกล้ชิดกันมากเพียงใดก็เป็นได้เพียงหมากตัวหนึ่งที่นางเก็บเอาไว้ใช้งานเพื่อประโยชน์เท่านั้น แม้จะรู้ถึงจุดประสงค์ของพระมารดาที่ต้องการเสี้ยมสอนให้นางกำจัดเหล่าน้องสาวน้องชายร่วมสายเลือดมังกรเพื่อเปิดทางให้เหยียนเริ่นก้าวสู่บัลลังค์อย่างราบรื่นในภายภาคหน้าไร้อุปสรรค แต่แท้จริงในใจลึกๆของนางก็ปรารถนาที่จะอยากกำจัดน้องสาวผู้นี้มาเนิ่นนานเช่นกัน หากไร้เหยียนเป่าสักคนนางก็จะได้เป็นอิสระจากพระมารดาตนเองเสียที... ก่อนหน้านี้ขุนนางในราชสำนักแบ่งกันเป็นฝ่ายใหญ่สองฝั่ง ฝั่งหนึ่งสนับสนุนอัครเสนาบดีหนิวและหนิวฮองเฮา ส่วนอีกฝั่งที่สนับสนุนองค์หญิงสามเหยียนเป่า ล้วนแต่เป็นขุนนางฝ่ายบู๊ทั้งสิ้น แต่เมื่อมินานมานี้พระมารดานางได้จัดการส่งหนิวเลี่ยงลี่บุตรสาวเพียงคนเดียวของกุนซือหนิวน้องชายนอกคอกที่ปฏิเสธเส้นทางอำนาจทุกอย่างที่พระมารดานางผู้เป็นพี่สาวมอบให้ แต่นับว่าโชคดีนักหนิวเลี่ยงลี่แม้สติปัญญาน้อยนิด แต่มีความทะเยอทะยานล้นเปี่ยมทั้งยังมีใจให้แม่ทัพใหญ่จ้าวหย่งสือมาเนิ่นนาน แผนการโค่นล้มฐานอำนาจเหยียนเป่าจึงเริ่มต้นได้ง่ายดายกว่าที่คิด การที่หนิวเลี่ยงลี่ซึ่งเป็นคนจากสกุลหนิวได้ถูกรับเข้าไปเป็นฮูหยินรองในจวนแม่ทัพใหญ่ซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงขุนนางขั้นหนึ่งนั้น ก็ทำให้ฐานอำนาจเหยียนเป่าสั่นคลอนมิน้อยแล้ว ยิ่งพฤติกรรมในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาจึงทำให้เหล่าขุนนางที่สนับสนุนเริ่มแบ่งฝั่งฝ่ายกันเองภายใน ขุนนางบางคนที่ยังเชื่อมั่นในตัวองค์หญิงสามก็มีมิน้อย แต่ขุนนางบางคนก็รับมิได้กับพฤติกรรมแหวกม่านประเพณีของนางจึงมิอาจทำใจสนับสนุนต่อไปได้ หลายปีที่ผ่านมาเหยียนซ่านต้องปั้นหน้าเป็นพี่สาวที่แสนดีเพื่อได้ใกล้ชิดเหยียนเป่าให้มากที่สุด จนกระทั่งได้ล่วงรู้จุดอ่อนที่แสนเปราะบางของน้องสาวผู้นี้เข้า... ...และจุดอ่อนนั้นของเหยียนเป่าก็อาจจะนำพาหายนะไปสู่ตนเองที่กล้าเปิดเผยมันออกมาแก่พี่สาวคนนี้ แม้แผนล้มล้างอำนาจองค์หญิงสามจะเป็นไปได้ด้วยดีแล้ว แต่หนิวฮองเฮาก็มิอาจนิ่งเฉยปล่อยคนเช่นเหยียนเป่าให้มีชีวิตต่อไปได้ จึงต้องรีบบีบคั้นนางให้หาทางจัดการกำจัดน้องสาวผู้นี้ให้สิ้นซากเสีย! ริมแม่น้ำนอกเขตวังหลวง ซื่ออ๋องชักชวนสืออ๋องออกมาตกปลา แต่แท้จริงแล้วมีเรื่องมากมายที่อยากจะพูดคุยกับพระเชษฐา โดยเฉพาะเรื่องพระชายาเหยียนซ่าน "ท่านพี่พระชายาของท่าน แท้จริงแล้วนางเป็นสตรีเช่นไรหรือ?" คนถูกถามหันขวับตวัดสายตาเคลือบแคลงใจใส่พระอนุชา เรื่องอื่นมิมีให้พูดหรือไร เหตุใดถึงได้มาถามไถ่ถึงชายารักของเขากัน?! "ข้าเพียงแค่ถาม หาได้คิดสิ่งใดมิดีเสียหน่อย ท่านก็รู้ว่าแท้จริงข้าหมายปองผู้ใดอยู่" แม้เหยียนซ่านในอดีตที่เขาเคยคิดว่างดงามอ่อนหวานจิตใจเปี่ยมล้นด้วยเมตตาจะเป็นสตรีในแบบฉบับที่เคยหมายปอง แต่ทว่าสตรีที่ติดอยู่ในใจเขายามนี้กลับห่างไกลความเป็นสตรีในอุดมคติโดยสิ้นเชิง "เจ้ารู้จักนางมานานหลายปี รู้จักนางก่อนข้าก่อนฝ่าบาทเสียอีก เหตุใดถึงมาถามในสิ่งที่เจ้าควรรู้ดีที่สุดเล่า?" สืออ๋องย้อนถาม ห้าปีก่อนเหยียนซ่านได้เดินทางมาซ่งเป็นครั้งแรกในฐานะพระคู่หมั้นซ่งหยางหลงฮ่องเต้ แต่เพราะปัญหาเล็กน้อยภายในราชวงศ์ในยามนั้นทำให้ทั้งคู่มิอาจครองรักกันได้ และในตอนนั้นตัวเขานำทัพไปปราบปรามกลุ่มกบฏอยู่ต่างเมือง ผู้ที่ได้พบเจอพูดคุยกับนางมากที่สุดคือซื่ออ๋องที่มีอายุเท่ากัน แต่เพราะพระอนุชาผู้นี้ในอดีตเคยป่วยไข้ร่างกายซูบผอมซีดเซียวไร้ซึ่งความสง่ามาก่อน ทำให้ถูกเหยียนซ่านเข้าใจผิดว่าเป็นเพียงเด็กสิบปีทั้งที่เขามีอายุถึงสิบห้าปีเท่านาง "ข้ารู้จักนางเพียงผิวเผิน รู้เพียงว่านางเรียบร้อยอ่อนหวานแต่มิรู้ว่านอกเหนือจากสิ่งที่ข้าเห็นแล้วยังมีสิ่งอื่นอีกหรือไม่" คนๆหนึ่งจะซ่อนตัวตนได้ตลอดเวลาย่อมเป็นไปมิได้ ยิ่งเป็นคนที่อยู่ในวังวนอำนาจด้วยแล้วนั้นก็ยากเหลือเกินที่จะเติบโตมามีจิตใจที่ขาวสะอาดบริสุทธิ์ได้อย่างแท้จริง "ตัวตนที่แท้จริงของนางเป็นเช่นไรข้ามิสนใจหรอก เพราะข้าเชื่อว่านางต้องมีเหตุผลในการกระทำของนางเอง" อ๋องหนุ่มทอดสายตามองไปบนผืนน้ำ จู่ๆก็รู้สึกกังวลใจโดยมิรู้สาเหตุ ตกเย็นซื่ออ๋องเดินทางมายังเรือนรับรองพบเสี่ยวอี้อยู่เพียงลำพังก็พลันรู้สึกเงียบเหงา เหยียนเป่าเดินทางกลับต้าไห่ได้หลายวันแต่มิคิดติดต่อกลับมา คิดแล้วก็รู้สึกน้อยใจยิ่งนัก "องค์หญิงของเจ้ามิติดต่อมาบ้างเลยหรือ?" เขาเอ่ยถามนางกำนัลร่างบางที่ส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ ชายหนุ่มเงียบลงกวาดตามองไปรอบๆรู้สึกโหยหาอยู่ในใจ "ท่านอ๋องเพคะหม่อมฉันอยากจะทูลขอเดินทางกลับต้าไห่ องค์หญิงหายไปนานมิติดต่อกลับมาเช่นนี้ช่างผิดวิสัยมากนัก หม่อมฉันรู้สึกไม่สบายใจเลยเพคะ" เสี่ยวอี้เอ่ยขึ้นน้ำเสียงมิสบายใจเกรงจะถูกปฏิเสธทำให้แผนการขององค์หญิงสามที่วางไว้ล้มเหลว "...ถ้าเช่นนั้น ให้คนของข้าไปส่งเจ้าก็แล้วกัน" ซื่ออ๋องเสนอ แม้อยากเดินทางไปด้วยแต่เพราะมีภาระหน้าที่ต้องทำมากมายจึงมิอาจทำตามใจปรารถนาได้ "ขอบพระทัยซื่ออ๋องเพคะ" ด้านเหยียนเป่ายังคงพักพิงอยู่โรงหมอสกุลอี่ หลังจ้าวหย่งสือกลับต้าไห่ไปแล้ว นางก็ได้ขอให้ลู่เหมยมานอนร่วมห้องโดยให้เขานอนบนตั่งข้างหน้าต่าง ทุกค่ำคืนเด็กหนุ่มผู้นี้มักมีเรื่องเล่ามากมายขับกล่อมนางให้เข้าสู่นิทราเสมอ ทั้งยามกลางวันก็มิเคยปล่อยนางเงียบเหงาคอยอยู่เคียงข้างพูดคุยไม่ห่าง แต่เมื่อนึกถึงในภายภาคหน้าหากเขารู้ความจริงว่านางมิใช่ชาวยุทธ์ธรรมดาแต่มีศักดิ์ฐานะเป็นถึงองค์หญิงต่างแคว้น เขาจะผิดหวังโกรธเคืองจนมิอาจอภัยได้หรือไม่หนอ?
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD