ตอนที่ 11

2832 Words
ห้องบัญชี  ปึก! เสียงปิดสมุดบัญชีรายรับรายจ่ายของเกาะมาหยาที่ดังขึ้นทำให้เนื้อแพรสะดุ้งตัวขึ้นมา ด้วยเพราะหญิงสาวกำลังคิดอะไรเพลินๆ ดวงตากลมโตมองสบกับหญิงสูงวัยตรงหน้าที่ทอดยิ้มอ่อนโยนมาให้ “แพรทำบัญชีถูกไหมคะคุณเกสร” หญิงสาวถามเสียงแผ่ว แต่ก็มั่นใจในตัวเองว่างที่ได้รับมอบหมายให้ทำนั้นไม่มีอะไรผิดพลาดอย่างแน่นอน หญิงสูงวัยผ่อนร่างเอนกายไปด้านหลังเพื่อพิงพนักเก้าอี้ ก่อนตอบคำถามหญิงสาวตรงหน้า “ไม่ใช่ว่าทำถูกไหม แต่ต้องบอกว่าเธอทำได้ถูกต้องและก็ละเอียดมากซะด้วย เก่งจริงๆ ฉันสอนแป๊บเดียวเธอก็ทำได้แล้ว ดีๆ ฉันชอบเหมือนคนเรียนบัญชีมาโดยตรงเลยนะเนี่ย” เกสรพูดพลางยิ้มพลาง แถมเอ่ยชมไม่ขาดปาก แต่คำพูดของเกสรก็ทำให้ใบหน้าสวยของเนื้อแพรที่ถูกชมจนยิ้มแก้มแทบปริก็มีอันต้องหุบลง เพราะเจ็บแปลบกับคำว่า ‘เรียนบัญชี’ และดูเหมือนว่าเกสรจะรับรู้อาการของหญิงสาวตรงหน้า นางจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วชวนให้หญิงสาวมานั่งที่โต๊ะรับรองที่อยู่อีกมุมหนึ่งของห้องแทน เพื่อที่จะได้ซักถามข้อมูลส่วนตัวบางอย่างของหญิงสาวตรงหน้าด้วย “เนื้อแพร เราไปนั่งที่เก้าอี้ตรงโน้นกันดีกว่า ฉันมีอะไรอยากจะถามเธอสักหน่อย” “ค่ะ คุณเกสร” เมื่อนั่งลงแล้วเกสรก็เปิดฉากเอ่ยถามออกมาอีกครั้งทันที “อย่าหาว่าฉันสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านเลยนะ แต่ฉันเองก็อยากจะรู้เรื่องของเธอจากปากเธอเอง พอจะเล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม ว่าทำไมถึงมาอยู่บนเกาะนี้ได้ เพราะถ้าหากไม่ได้ติดหนี้คุณอัศนีแล้วละก็ผู้หญิงอย่างเธอไม่น่าจะมาอยู่ที่นี่ได้เลย” เกสรเอ่ยถามออกไปอย่างที่ใจคิด สบตากับอีกฝ่ายนิ่งนานก่อนที่เนื้อแพรจะยอมเปิดปากเอ่ยบอกถึงสาเหตุที่ทำให้เธอต้องมาอยู่ที่เกาะแห่งนี้ “แพรมาที่นี่เพื่อทดแทนบุญคุณที่คุณท่านเลี้ยงดูแพรมาค่ะ” “ทดแทนบุญคุณ? คุณท่าน? อะไร ยังไง ไหนพูดให้มันกระจ่างหน่อยสิ” “คือแพรมาที่นี่เพื่อมาใช้หนี้แทนพี่ชายกับพี่สาวของแพรค่ะ” “ใช้หนี้แทนพี่ชายกับพี่สาวที่มาเล่นกาสิโนเสียเนี่ยนะ ตายจริง! ทำไมพ่อแม่ของเธอถึงยอมกันนะ แล้วคุณท่านคือใครกันล่ะ” เกสรยังไม่วายซัก “คุณท่านคือคนที่เลี้ยงแพรมาค่ะ ส่วนคุณพ่อกับแม่เสียชีวิตแล้วค่ะ” เนื้อแพรเอ่ยบอกเสียงแผ่ว ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องทุกอย่างให้กับเกสรได้รับรู้ในทุกๆ เรื่องที่นางอยากรู้ เกสรเองนั้นรู้สึกตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่ได้รับรู้ นางพยายามคิดตามในสิ่งที่หญิงสาวตรงหน้าเอ่ยบอกให้นางฟัง ‘นี่มันชีวิตจริงหรือนิยายกันนี่ สมัยนี้มันยังมีกันอยู่อีกเหรอ ส่งลูกเมียน้อยมาใช้หนี้แทนลูกตัวเองเนี่ย’ ยิ่งเมื่อได้ฟังเรื่องราวชีวิตของหญิงสาวตรงหน้าจบลง เกสรก็ถึงกับทอดถอนหายใจยาวออกมาดังๆ พลางมองใบหน้านวลเนียนของเนื้อแพรที่ตอนนี้มีหยดน้ำตาเม็ดใสไหลรินผ่านแก้มเนียนลงมาเป็นทาง ก่อนที่มือเรียวสวยของหญิงสาวจะรีบยกขึ้นป่ายปาดมันออกโดยเร็ว “ชีวิตเธอเนี่ยมันเหมือนนิยายเลยนะ ฉันเองไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันยังจะมีคนแบบนี้หลงเหลืออยู่บนโลกนี้อยู่” “คุณเกสรไม่ต้องเชื่อในสิ่งที่แพรพูดหรอกค่ะ และที่แพรยอมรับใช้หนี้ให้ครั้งนี้เพราะมันจะเป็นสิ่งที่ทำให้แพรและแม่จะได้ไม่ต้องมีอะไรติดค้างกับคุณท่านอีกต่อไปค่ะ เรื่องของแพรก็มีเท่านี้ล่ะค่ะ เอ่อ แพรอยากจะถามอะไรคุณเกสรสักอย่างจะได้ไหมคะ” หญิงสาวเอ่ยถามในสิ่งที่ตนอยากรู้ตั้งแต่ที่อยู่ในเรือแล้วแต่เกรงใจวิชัยจึงไม่ได้ถามออกไป “ถามมาสิ อยากรู้อะไรล่ะ” “เอ่อ เกาะมาหยาเปิดเป็นบ่อนกาสิโนเนี่ยถูกกฎหมายหรือเปล่าคะ แล้วตอนนี้แพรอยู่จังหวัดไหนคะ” “หึหึหึ อะไรกันเนื้อแพร มาอยู่ที่นี่ไม่มีใครบอกเธอเลยเหรอว่าเธอมาอยู่ที่ไหน เอาๆ ถ้างั้นตอบคำถามแรกก่อนนะ เกาะมาหยาของเราไม่ได้เป็นกาสิโนอย่างเดียวนะ แต่เรายังเปิดโซนด้านซ้ายของเกาะที่มีหาดทรายขาวและแนวปะการังที่สวยงามเป็นรีสอร์ทอีกด้วย และกาสิโนของเราเปิดอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการนะจ๊ะ เธอเองก็ดูได้จากบัญชีที่ฉันเพิ่งให้เธอทำก็ได้นะ”ผู้สูงวัยกล่าวพลางมองใบหน้าสวยของหญิงสาวตรงหน้าก่อนจะเอ่ยขึ้น “อีกอย่างคือถ้าไม่รวยจริงมาเล่นที่นี่ไม่ได้หรอก คุณอัศนีห้ามขาดเลยล่ะ ต้องรวยเท่านั้น และคำตอบข้อ 2 ที่ว่าอยู่ในจังหวัดไหน ฉันคงบอกว่าเราไม่ได้อยู่ในจังหวัดไหนในประเทศไทย แต่ที่แน่ๆ เกาะของเราอยู่ในน่านน้ำเขตกัมพูชาจ้ะ และเกาะของเราก็อยู่ใกล้กับประเทศไทยนะ เดินทางไม่ถึง 3 ชั่วโมงก็ถึงเกาะแล้ว และคุณอัศนีก็ไม่ได้มีกิจการเพียงแค่นี้นะ ยังมีการขนส่งสารเคมีระหว่างประเทศ โรงแรมระดับ 4 - 6 ดาวทั้งในประเทศและก็ต่างประเทศ โอ้ย เยอะแยะอีกหลายอย่าง และขอบอกว่าทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายทั้งสิ้นจ้ะ” เกสรบอกกับหญิงสาวตรงหน้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่อีกฝ่ายไม่ได้ยิ้มตามไปด้วยเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ได้ยืนอยู่บนพื้นแผ่นดินไทย “กัมพูชา นี่ฉันอยู่เขมรเหรอเนี่ย” เนื้อแพรเอ่ยเสียงแผ่ว “ใช่แล้วจ้ะ ตอนนี้พวกเราทั้งหมดกำลังอยู่เขมร ทำไมถึงทำเสียงอย่างนั้นล่ะเนื้อแพร มีอะไรหรือเปล่า”เกสรถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นสีหน้าหญิงสาวไม่สู้ดีนัก “คือแพรตกใจน่ะค่ะ ไม่คิดว่าตัวเองจะมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองขนาดนี้” “อย่ากังวลไปเลย ที่นี่ไม่มีอะไรน่ากลัวหากว่าทุกคนอยู่ในกฎระเบียบที่คุณอัศนีและคุณเลอสรรตั้งไว้” “คุณเลอสรร? ใครกันคะคุณเกสร” “คุณเลอสรรเป็นหุ้นส่วนของคุณอัศนี เป็นเพื่อนเรียนกันมาตั้งแต่เด็ก เกาะนี้เป็นของคุณอัศนี คุณเลอสรรมาร่วมหุ้นในการทำกาสิโน คนอื่นๆ ที่ไม่รู้ก็จะคิดว่าคุณเลอสรรน่ะเป็นเจ้าของเกาะ แต่จริงๆ แล้วน่ะไม่ใช่ เป็นคุณอัศนีต่างหาก อำนาจสิทธิขาดอยู่ที่คุณอัศนีในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเกาะ แต่ถ้าเป็นเรื่องกาสิโนหรือว่ารีสอร์ทคุณเลอสรรก็จะรับหน้าที่ไป นี่แหละถึงทำให้บางคนคิดว่าคุณเลอสรรน่ะเป็นเจ้าของเกาะมาหยาแห่งนี้” คุณเกสรบอกในสิ่งที่เนื้อแพรอยากรู้ละเอียดยิบ ก่อนถามต่อ “มีอะไรอยากถามฉันอีกหรือเปล่า ถ้าไม่มีเราจะได้ไปทานอาหารกลางวันกัน” “มีค่ะ มี” เนื้อแพรรีบเอ่ยทันที “คือแพรอยากใช้โทรศัพท์ค่ะ จะใช้โทรศัพท์ได้ที่ไหนคะ” เกสรมองหน้าหญิงสาวนิดนึงแล้วยิ้มออกมา “โทรศัพท์ที่นี่ไม่มีจ้ะ จะมีก็แต่ห้องทำงานของคุณอัศนีเท่านั้นที่มีเครื่องมือสื่อสารและเครื่องใช้สำนักงานแทบทุกชนิดเลยก็ว่าได้ ส่วนในจุดอื่นๆ ของที่นี่สื่อสารกันโดยใช้วิทยุสื่อสารกันเท่านั้นจ้ะ เข้าใจแล้วนะ ทีนี้เราจะไปที่ห้องอาหารกันได้หรือยังล่ะ” เกสรเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้ายิ้มๆ “อ้อ ค่ะ ไปค่ะไป” ก่อนจะส่งยิ้มหวานกลับไปให้กับเกสรพร้อมกับเดินตามหลังนางไปยังห้องอาหารในส่วนของพนักงานที่อยู่อีกด้านของตัวตึก ณ ห้องอาหาร พนักงานหลายสิบคนที่นั่งอยู่ภายในห้องอาหารต่างมองมายังเนื้อแพรเป็นจุดเดียวกัน จากที่มีเสียงคุยเจี๊ยวจ๊าวอยู่ก่อนหน้านี้กลับกลายเป็นเงียบลงยามที่หญิงสาวเดินผ่าน เกสรนั้นรู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร แต่ก็มิได้เอ่ยอะไรออกมาก่อนจะหันไปกระซิบเบาๆ ให้กับหญิงสาวที่เดินตามหลังมาว่า “พวกเขาไม่เคยเห็นเธอ ก็เลยสนใจน่ะ” “อ้อ ค่ะ”เนื้อแพรเอยเสียงแผ่ว มีเพียงรอยยิ้มที่ส่งกลับไปให้กับคนที่นั่งมองมายังเธอ เกสรพาเนื้อแพรเดินมาจนถึงหน้าโต๊ะที่มีอาหารวางเรียงรายอยู่สามอย่าง ก่อนจะแนะนำให้หญิงสาวได้รู้จักกับนางอิ่ม ซึ่งเป็นแม่ครัวใหญ่ของที่นี่ “อ่ะ นี่เนื้อแพร ป้าคนนี้ชื่อป้าอิ่มนะ เป็นแม่ครัวใหญ่ของที่นี่รู้จักไว้ซะสิ” เกสรเอ่ยแนะนำ “สวัสดีค่ะป้าอิ่ม แพรฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” หญิงสาวยกมือไหว้นางอิ่มอย่างคนมีสัมมาคารวะซึ่งนั่นก็ทำให้นางยกมือขึ้นรับไหว้แทบจะไม่ทัน ด้วยไม่เคยมีผู้หญิงของเจ้าของเกาะคนใดมายกมือไหว้ตนอย่างนี้เลยสักคนเดียว “อุ๊ยๆ ไม่ต้องไหว้หรอกค่ะ ป้ามันเป็นแค่แม่ครัวเท่านั้น ไม่ได้มีตำแหน่งใหญ่โตอะไร” นางอิ่มรีบท้วง “แต่ถ้าไม่มีป้าอิ่มและพี่ๆ ที่ทำอาหารในครัวคอยทำอาหารมาให้ทาน พนักงานที่ทำงานบนเกาะนี้กับแพรที่เพิ่งมาใหม่จะได้ทานของอร่อยๆ เหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “อุ๊ย ปากหวานจริงแม่คุณ รู้จักพูดเอาใจคนแก่ซะด้วย หึหึ ป้าชอบคุณคนนี้ค่ะคุณเกสร” ป้าอิ่มพูดไปยิ้มไปก่อนจะมีเสียงของอุ่นเรือนเอ่ยแทรกออกมาทำให้วงสนทนากร่อยขึ้นมาทันที “สร้างภาพ เชอะ!” อุ่นเรือนพูดพร้อมกับเบียดตัวแทรกกาหลงออกมายืนอยู่ทำหน้าที่คอยตักอาหารให้พนักงานแทน เป็นเหตุให้กาหลงถึงกับร้องเสียงหลงเพราะเซถลาไปด้านหลังจนเกือบล้ม ก่อนจะแหวใส่อุ่นเรือนเสียงไม่เบานัก “แกเบียดฉันทำไมห๊ะ! นังอุ่นเรือน นี่มันไม่ใช่หน้าที่ของแกเลยนะเว้ย!!!”กาหลงบอกอีกฝ่ายกลับไป “ก็ฉันอยากช่วย ทำไม คนอยากจะช่วยแล้วช่วยไม่ได้หรือยังไง” อุ่นเรือนเถียงอย่างไม่ยอม “แน่ใจนะว่าอยากจะช่วยกาหลงจริงๆ น่ะ อุ่นเรือน” เกสรเป็นคนเอ่ยขัดขึ้น เพราะไม่อยากให้เรื่องบานปลาย รู้ทั้งรู้ว่าที่อุ่นเรือนทำแบบนี้เพราะอยากที่จะเห็นหน้าเนื้อแพรต่างหาก ผู้หญิงของอัศนีคนไหนก็ไม่เคยถูกชะตาอุ่นเรือนเลยสักคนเดียว อุ่นเรือนก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตากับเกสรเพราะรู้ว่าเกสรเป็นคนที่อัศนีเกรงใจเป็นอย่างมาก ฉะนั้นอย่าเสี่ยงมีเรื่องด้วยจะเป็นการดีที่สุด “เอ่อ จริงค่ะคุณเกสร อุ่นเรือนแค่อยากจะช่วยแม่น่ะค่ะ ไม่ได้มีเจตนาอะไรทั้งนั้นเลยค่ะ” เสียงที่บีบให้เล็กให้หวานเอ่ยออกมาจนทำให้นางอิ่มมองหน้าลูกสาวอย่างเอือมระอา แล้วรีบตัดบทถามเกสรว่าจะทานอะไรดีในมื้อเที่ยงนี้ “คุณเกสรกับคุณแพรอย่าไปสนใจนังอุ่นเรือนมันเลยค่ะ มาค่ะ วันนี้จะรับทานอะไรดีคะ ป้ามีกะเพราปลาหมึก ไข่พะโล้ แล้วก็ปลาสามรสค่ะ” “หน้าตาน่าทานทั้งนั้นเลย เอาทั้งสามอย่างเลยนะป้าอิ่ม แล้วก็ขอข้าวเปล่า 2 จานด้วยแล้วกัน” เกสรสั่งอาการเสร็จก็พาเนื้อแพรไปหาโต๊ะนั่ง “คุณเกสรนั่งรอก่อนนะคะ เดี๋ยวแพรไปยกอาหารเองค่ะ เกรงใจพี่กาหลงที่ต้องยกมาให้” เนื้อแพรเดินไปรับถาดจากกาหลงที่เดินยกอาหารจะมาให้ที่โต๊ะทันที “มาค่ะพี่กาหลง เดี๋ยวแพรยกเอง” “อุ๊ยๆ ไม่ต้อง เดี๋ยวพี่ยกให้เอง คุณแพรไปนั่งรอเถอะค่ะ” กาหลงเอ่ยอย่างเกรงใจ “อย่าเรียกแพรว่าคุณเลยค่ะ เรียกแพรเฉยๆ เถอะ” “อุ๊ย ไม่ได้หรอกค่ะ คุณอัศนีให้คุณแพรขึ้นมาทำงานบนตึกนี้แถมให้มาอยู่ในความปกครองของคุณเกสรด้วย ไม่เรียกคุณไม่ได้หรอกค่ะ เอาเป็นว่าเวลาเราอยู่กันแค่สองคนค่อยเรียกแพรเฉยๆ ก็แล้วกันนะคะ” กาหลงสรุปเสร็จสรรพเพื่อตัดปัญหา “เอางั้นก็ได้ค่ะ แต่ตอนนี้แพรขอช่วยพี่กาหลงถือก่อนนะคะ แพรทำได้ค่ะ” หญิงสาวแย่งถาดอาหารออกจากมือของกาหลงไปดื้อๆ แล้วเดินลิ่วๆ ไปที่โต๊ะที่เกสรนั่งรออยู่ “ถ้างั้นเดี๋ยวพี่เอาข้าวไปให้ที่โต๊ะนะคะ” กาหลงร้องบอกพร้อมกับวิ่งกลับมาเอาจานข้าวที่ป้าอิ่มตักเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ไม่วายมีเสียงนกเสียงกาอยากหาเรื่องส่งเสียงออกมาให้ต้องรำคาญใจ “เบื่อจริงๆ เลยโว้ยไอ้พวกที่ชอบประจบสอพอเนี่ย” เสียงอุ่นเรือนเอ่ยขึ้นมาพลางทำทีผิวปากรอจังหวะให้กาหลงเปิดศึกก่อน แต่เพราะกาหลงรู้ทันจึงไม่เดินตามเกมที่อุ่นเรือนสร้างขึ้น ก่อนจะหันไปพูดกับนางอิ่มแทน “ป้าอิ่ม บอกนังหมาขี้เรื้อนที่มันเห่ามันหอนอยู่แถวๆ นี้หน่อยนะป้าว่าอย่าให้มันมากนักนะ ถ้าฉันทนไม่ไหวขึ้นมาละก็เรื่องถึงเจ้านายแน่” ก่อนจะเดินถือจานข้าวกลับไปให้กับเกสรและเนื้อแพรทันที ทิ้งให้อุ่นเรือนยืนกระทืบเท้าร้องกรี๊ดๆ “แม่! แม่ดูนังกาหลงสิ มันด่าฉัน! มันว่าฉันเป็นหมาขี้เรื้อนน่ะแม่! อื้ออออ ฉันไม่ยอม! ฉันไม่ยอมนะแม่!” “ก็แล้วใครใช้ให้เอ็งเบียดแทรกเข้ามาจนกาหลงมันเกือบจะล้มล่ะวะ ข้าเองยังรู้เลยว่าเอ็งทำแบบนั้นเพราะอยากจะเห็นหน้าคุณเนื้อแพรเขาล่ะสิใช่ไหมล่ะ” “อี้! แม่หยุดเลยนะ ไปเรียกมันว่าคุณทำไมกัน มันเป็นศัตรูหัวใจของฉันนะแม่” อุ่นเรือนขึ้นเสียงดังใส่นางอิ่มอย่างลืมตัว “ข้าพูดความจริง เอ็งก็เหมือนกันเลิกคิดเลิกหวังซะทีเถอะ มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกนังอุ่นเรือน คุณอัศนีน่ะไม่มีทางที่จะมองเอ็งหรอก ยังไงสมภารก็ไม่มีทางกินไก่วัด แล้วยิ่งไก่ที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยอย่างเอ็งน่ะคุณอัศนียิ่งไม่กินใหญ่ เลิกฝันลมๆ แล้งๆ ซะทีเถอะลูกเอ้ย” นางอิ่มเตือนลูกสาวด้วยความห่วงใย หากถลำลึกมากไปกว่านี้จนถอนตัวไม่ขึ้นมันจะยิ่งเจ็บปวดทรมานมากขึ้นไปอีก คำเตือนของนางอิ่มที่ไม่เคยให้กำลังใจและเข้าข้างลูกสาวเลยแม้แต่ครั้งเดียวยิ่งทำให้อารมณ์ของอุ่นเรือนเดือดพล่านขึ้นมาในทันที “แม่! จะมีสักครั้งไหมที่แม่จะพูดให้กำลังใจฉันบ้างน่ะ มีแต่ซ้ำเติมฉันตลอดเวลา เนี่ยเหรอที่คนเป็นแม่เขาทำกับลูกในไส้น่ะห๊ะ” “นังอุ่นเรือน!”นางอิ่มเอ่ยเสียงแผ่ว ยกมือขึ้นทาบอก ไม่คิดว่าอุ่นเรือนจะฟิวส์ขาดตวาดนางเสียงดังลั่นขนาดนี้ อุ่นเรือนลืมตัวตวาดใส่หน้าแม่ตัวเองเสียงดังลั่น สร้างความตกใจให้พนักงานที่นั่งทานอาหารกลางวันอยู่ภายในห้องนั้น ไม่เว้นแม้แต่เนื้อแพรและเกสรก็หันมามองที่อุ่นเรือนเป็นเชิงตำหนิที่พูดจาไม่ดีใส่นางอิ่มซึ่งเป็นแม่ของตนเองเช่นนั้น และนั่นจึงทำให้อุ่นเรือนได้สติ หญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองดูไม่ดีในสายตาของทุกคน อุ่นเรือนจึงโบ้ยความผิดทั้งหมดไปให้กับเนื้อแพรเพียงคนเดียวที่ทำให้ตนระงับอารมณ์ตนเองเอาไว้ไม่ได้ และต้องทะเลาะกับแม่ที่เห็นคนอื่นดีกว่าลูกในไส้ของตัวเอง อุ่นเรือนทนสายตาที่มองมายังตนเช่นนี้ต่อไปไม่ได้จึงรีบชิ่งหนีออกไปจากห้องอาหารดังกล่าวอย่างรวดเร็ว พลางก่นด่าเนื้อแพรไปตลอดทาง “นังเนื้อแพร เพราะแก! เพราะแกคนเดียวฉันถึงกลายเป็นคนไม่ดีในสายของทุกคน! แกไม่มีทางที่จะได้คุณอัศนีของฉันไปได้หรอก ไม่มีทาง!!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD