ตอนที่ 4

1123 Words
บทที่ 4               นายเชษฐ์ยกมือขึ้นอย่างยอมจำนนพร้อมทั้งทำหน้าเจื่อนและพูดว่า             “ผมเองครับคุณไกรสูรย์...ผมเป็นคนให้เธอขี่เจ้าโชคดี เห็นเธอบอกว่าขี่ม้าได้และอยากลองขี่มัน ผมเลยให้เธอพามันไป...ห้านาที”             ไกรสูรย์ย่นคิ้ว “ห้านาที แล้วตอนนี้หนูนิดขี่เจ้าโชคดีไปถึงไหนแล้ว ครบตามเวลาที่นายเชษฐ์กำหนดรึยัง?”           นายเชษฐ์หันไปทางแนวป่าติดกับไร่มัทนารีก่อนหันกลับมายังเจ้านายของเขาพลางส่ายหน้า             “เกินเวลามาสักพักแล้วครับ...คุณหนูนิดขี่เจ้าโชคดีไปทางโน้นแน่ะครับ...อะ...อ้าว!...คุณไกรสูรย์จะไปไหนครับนั่น!”             ชายวัยกลางคนอุทานออกมาพร้อมทั้งทำหน้าตื่นเมื่อเห็นไกรสูรย์จูงม้าอีกตัวออกมาจากคอกและกระโดดขึ้นบนหลังมันอย่างว่องไว             “ฉันจะตามไปดูหนูนิด นายเชษฐ์อยู่ที่นี่ล่ะ” เขาออกคำสั่งสั้นห้วนก่อนจะควบเจ้าม้าหนุ่มสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกายออกไปปล่อยให้ชายวัยกลางคนยืนเกาหัวแกรก ๆ อยู่ที่คอกม้า ไกรสูรย์บังคับเจ้าม้าหนุ่มของเขาให้วิ่งเข้าไปในป่าละเมาะซึ่งอยู่ใกล้กับแนวสันเขาติดกับไร่มัทนารีอันกว้างใหญ่พลางก็ส่งเสียงเรียกเด็กในปกครองที่กล้าหาญพาม้าคู่ใจของเขาเข้ามาควบขี่เล่นในป่า ใจหนึ่งเขาก็รู้สึกโกรธที่เด็กสาวคนนั้นทำอะไรตามอำเภอใจโดยไม่ขออนุญาตหรือขอคำปรึกษาจากเขาก่อนแต่อีกใจก็นึกเป็นห่วงว่าเจ้าโชคดีม้าของเขาจะพยศใส่หรือพาคัทลียาเตลิดไปไกลหรือไม่ ไกรสูรย์พยายามติดตามแกะรอยเข้าไปในป่าที่รกชัฏขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับความเป็นห่วงเป็นใยที่เพิ่มมากขึ้นเมื่อตะวันบ่ายคล้อยแต่เขาก็ยังคงติดตามร่องรอยจากความชำนาญที่เคยเป็นทหารอยู่ในกองทัพมาก่อน “หนูนิด!...หนูนิด!” ชายหนุ่มส่งเสียงตะโกนเรียกเมื่อเริ่มแน่ใจ แล้วเขาก็ได้ยินเสียงตอบกลับมาจากอีกกด้านหนึ่งของแนวป่าที่เขาตามรอยบุกฝ่าฝ่าดงเข้ามาจนใกล้เชิงเขา “คุณอาไกรสูรย์...คุณอาไกรสูรย์คะ...หนูนิดอยู่ตรงนี้” ชายหนุ่มควบม้าของเขาไปตามเสียงเรียกนั้นกระทั่งเห็นร่างบอบบางของหญิงสาวนั่งกุมข้อเท้าอยู่ข้างโขดหินขนาดใหญ่โดยมีเจ้าม้าสีน้ำตาลเข้มยืนทำเสียงฟืดฟาดเบา ๆ อยู่ใกล้ ๆ "หนูนิด...เป็นยังไงบ้าง?” ไกรสูรย์รีบลงจากหลังม้าแล้วตรงดิ่งเข้าไปหาหญิงสาวที่นั่งกุมข้อเท้า ดวงตาคู่สวยแดงก่ำและสภาพที่เห็นทำให้ชายหนุ่มลืมความโกรธเคืองไปเสียสนิท “คุณอาไกรสูรย์คะ...หนูนิดตกจากหลังเจ้าโชคดีค่ะ ช่วยหนูนิดด้วย” คัทลียาบอกผู้ปกครองของเธอเสียงสั่น ไกรสูรย์ก้มลงดูข้อเท้าของคัทลียาซึ่งมีรอยเขียวช้ำก่อนค่อย ๆ ประคองร่างเล็กขึ้น “อุ๊ย! หนูนิดเจ็บค่ะ” เธอร้องออกมาและกำลังจะทรุดตัวลงนั่งอีกหน คราวนี้ไกรสูรย์รวบร่างนั้นช้อนไว้ในอ้อมแขนแข็งแกร่งของเขาก่อนกล่าวว่า “นี่ล่ะ...โทษฐานที่ดื้อดึง ไม่เชื่อฟัง นี่ถ้าฉันไม่ตามเข้ามาคืนนี้เธอคงได้นอนในป่านี้แน่” “หนูนิดขอโทษค่ะ คุณอาไกรสูรย์...หนูนิดขอโทษ” หญิงสาวซุกหน้าลงกับอกกว้างของเขา เรียวแขนของเธอตวัดรอบคอเขาแน่น น้ำเสียงเครือและอาการสั่นสะท้านทำให้ไกรสูรย์รู้สึกผิดขึ้นมาที่แดกดันเธอเมื่อครู่ เขาถอนหายใจและพูดว่า “เอาล่ะ...สำนึกผิดก็ดีแล้ว ทีนี้ปัญหาใหญ่ก็คือ...เราคงจะออกจากป่านี้ไม่ได้แน่ ฉันหมายถึงวันนี้...เพราะเธอก็บาดเจ็บแบบนี้ และนี่ก็ใกล้ค่ำแล้วด้วย” ชายหนุ่มชะเง้อมองไปยังอีกฟากหนึ่งก่อนกล่าวขึ้น ”ถ้าจำไม่ผิดแถวนี้มีกระท่อมของพวกพรานป่า ฉันจะพาเธอไปพักที่นั่นก่อนก็แล้วกัน” คัทลียาไม่สามารถโต้เถียงหรือทำอะไรได้นอกจากให้ร่างสูงใหญ่อุ้มเธอไปจนถึงกระท่อมหลังเล็ก ๆ ที่เขาว่าโดยมีเจ้าม้าแสนรู้ทั้งสองตัวเหยาะย่างตามเจ้านายของมันไป “ปกติเจ้าโชคดีจะไม่ยอมให้ใครแตะต้องมันเลยนอกจากฉัน แต่มันเป็นเรื่องที่แปลกมากที่มันยอมให้เธอขี่มันมาถึงที่นี่” ไกรสูรย์กล่าวขณะสุมฟืนเข้าไปในกองไฟภายในกระท่อมหลังน้อยที่ถูกสร้างขึ้นอย่างหยาบ ๆ มีเพียงฝาไม้บาง ๆ กั้นและปล่อยให้พื้นโล่งเพื่อใช้ในการก่อไฟยามค่ำคืน แน่นอนว่าตอนนี้บรรยากาศรอบ ๆ กระท่อมในป่าใหญ่เริ่มเย็นตัวลงหลังอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาไปนานแล้ว คัทลียาซึ่งนั่งกุมข้อเท้าของเธอบนพื้นที่รองด้วยผ้าใบซึ่งติดมากับม้าใกล้กองไฟภายในกระท่อมหลังน้อยมองไกรสูรย์ด้วยความรู้สึกสำนึกผิดและนึกชื่นชมเขาอยู่ลึก ๆ ที่จัดการทุกอย่างเหมือนผู้ชำนาญการเดินป่า เธอถอนหายใจก่อนกล่าวขึ้นว่า “มันไม่ได้พยศนะคะ คุณอาไกรสูรย์ แต่มันตกใจที่กิ่งไม้ใหญ่หักลงมาขวาง หนูนิดก็เลย...” “ไหนมาดูแผลหน่อยซิ” ไกรสูรย์ทำราวกับไม่สนใจคำพูดนั้น เขาขยับเข้าไปใกล้คัทลียาแล้วดึงข้อเท้าของเธอมาดูรอยฟกช้ำ “ดีเท่าไหร่แล้วที่หัวไม่แตก...อืม...น่าจะแค่ช้ำ...กระดูกคงไม่แตก” “อุ๊ย!” หญิงสาวร้องออกมาแล้วเผลอกอดแขนเขาไว้แน่น ในวินาทีนั้นเองที่คุณอาหนุ่มเหมือนเกิดอาการกระตุกขึ้นมาเช่นกัน เขาเอียงหน้าไปเพียงนิดจมูกโด่งก็ชนกับจมูกเล็กรั้นของคัทลียา เธอตกใจและประหม่าแต่กลับสบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของไกรสูรย์ที่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ “คุณอาไกรสูรย์คะ...” คัทลียาเอียงหน้าเล็กน้อย ริมฝีปากอิ่มอยู่ห่างจากปากหยักหนาของชายหนุ่มแค่คืบก่อนจะเผยอออกและกระซิบ “หนูนิดเจ็บค่ะ...คุณอา” ราวกับมีประกายไฟร้อนแรงแล่นเข้าจับขั้วหัวใจของหนุ่มวัยสามสิบแปด คัทลียาเหมือนดอกไม้บานสะพรั่ง รัศมีความงามของเธอเปล่งประกายอยู่ใกล้ชิดเขามากเกินไปแล้ว “คุณอาไกรสูรย์คงโกรธหนูนิดใช่ไหมคะ...หนูนิดไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้จริง ๆ นะคะ “หนูนิด...เอ้อ...”      
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD