EP.10 งานเต้นรำ
“ยังไงหรือคะ แล้วท่านชีคทราบได้อย่างไรว่าผู้หญิงไทยในอดีตเป็นอย่างไร” เพชรไพลินเอียงคอถามชายหนุ่ม ดวงตาใสแจ๋วจ้องมองรอคอยคำตอบ โดยไม่รู้เลยว่าท่าทางไร้เดียงสาเหล่านี้ทำให้ชีคหนุ่มยิ่งหลงใหลในตัวเธอมากขึ้น
“ฉันเคยศึกษามาบ้าง และจากเพื่อนคนไทยของฉันที่เล่าให้ฟัง เพื่อนฉันเล่าว่าผู้หญิงไทยสมัยก่อนเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นการพูดจาหรือกิริยามารยาท โดยเฉพาะการรักนวลสงวนตัว ทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่แต่เป็นส่วนน้อยไปเสียแล้ว แต่ที่ฉันเห็นน่าจะมีอยู่คนหนึ่งตรงหน้าฉันนี่เอง”
เพชรไพลินยิ้มเอียงอาย “ดิฉันมองว่าการอยู่ก่อนแต่งไม่ใช่เรื่องผิดหรอกค่ะ แต่โดยส่วนตัวแล้วดิฉันได้สัญญากับคุณพ่อไว้ว่าจะมอบทั้งตัวและหัวใจให้กับชายผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีเท่านั้นค่ะ”
เธอพูดออกมาจากใจมิได้มีแววเสแสร้งอยู่ในดวงหน้า อาจเพราะเธอได้รับการปลูกฝังจากบิดาซึ่งค่อนข้างหัวโบราณ ท่านสอนสั่งเสมอว่าไม่ให้ไว้ใจผู้ชาย หากคิดจะคบค้าก็ให้ระมัดระวังตัวอยู่เสมอ เพราะเธอเป็นหญิง หากพลาดพลั้งไปคนที่เสียหายคือเธอเองหาใช่ฝ่ายชายแต่อย่างใด
“ดีแล้วเพชรไพลิน ผู้หญิงควรมีคุณค่ามากกว่าคู่นอน ควรเป็นศรีภรรยาและแม่ที่ดีของลูก”
สายตาชื่นชมของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวรู้สึกประหม่า
“ดึกแล้วค่ะท่านชีค เห็นทีว่าดิฉันต้องกลับบ้านแล้ว”
“เดี๋ยวฉันจะไปส่งเธอเอง” ชายหนุ่มจูงมือหญิงสาวแล้วเดินกลับไปที่รถ
“เพชรไพลิน”
ก่อนที่หญิงสาวจะก้าวขึ้นรถชายหนุ่มเรียกหญิงสาวเอาไว้ เธอหันมาสบตากับเขา ดวงตาทั้งสองคู่ต่างสบตากันและกันเนิ่นนาน ก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยขึ้น
“เธอมีชื่อเล่นหรือเปล่า ปกติฉันเห็นคนไทยมักมีชื่อเล่นสั้นๆ ที่เอาไว้เรียกง่ายๆ”
“มีค่ะท่านชีค เรียกดิฉันว่าเพชรก็ได้ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นเธอจะเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นกับฉันได้หรือเปล่า ไหนๆ เราก็รู้จักกันมากขึ้นแล้ว สำหรับเราฉันหวังว่าเราจะไม่ใช่คนแปลกหน้าของกันอีกต่อไป ขอให้ฉันได้รู้จักเธอ และให้เธอได้รู้จักฉันมากขึ้นได้หรือเปล่าเพชร” ชีคมุซตาฮ์ซานจับมือเธอเอาไว้
แพขนตางอนหลุบลงก่อนจะกระพือขึ้น ดวงตากลมโตมองหน้าชายหนุ่ม พวงแก้มอิ่มเป็นสีชมพูระเรื่อด้วยความเขินอาย
“ท่านชีคพูดแบบนี้หมายความว่าขอคบกับเพชรใช่หรือเปล่าคะ” หญิงสาวเอ่ยถามออกไปตรงๆ ตามประสาซื่อ ทำให้ชายหนุ่มยิ้มกว้างด้วยความเอ็นดู
“ใช่แล้วฉันอยากลองคบกับเธอ อยากลองศึกษาดูใจกันอย่างชายหญิงหนุ่มสาว แต่ฉันสัญญาว่าจะไม่ล่วงเกินเธอมากไปกว่า...”
เขารั้งร่างบางเข้ามากอด ไม่ทันที่หญิงสาวจะระวังตัวเขาก็ประทับริมฝีปากอุ่นลงบนหน้าผากแผ่วเบา ก่อนจะถอดถอนออก แล้วหันมาส่งยิ้มเก๋ไก๋ให้
“คบกับฉันนะเพชร”
ไม่รู้ว่ามีมนต์สะกดอันใดให้หญิงสาวยืนนิ่งราวกับรูปปั้น ก่อนที่จะตอบกลับไปแผ่วเบาราวกับอยู่ในความฝันแสนหวาน
“ค่ะท่านชีค เพชรจะคบกับท่าน” หญิงสาวตอบรับไปด้วยความรู้สึกเบาหวิวราวกับขนนก แทบไม่รู้ตัวเลยว่าชีคหนุ่มจับมือของเธอเอาไว้ แล้วบรรจงจรดจุมพิตด้วยริมฝีปากหยักได้รูปเนิบช้า
“ฉันชอบเธอ และรู้สึกว่าสำหรับเราสองคนคำว่ารักคงอยู่ไม่ไกล...”
ร่างบางที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงยกมือขึ้นขยี้ตาสองสามครั้ง ก่อนจะควานหาโทรศัพท์มือถือที่ส่งเสียงดังปลุกเธอให้ตื่นจากนิทรา หญิงสาวกดรับแล้วเอาโทรศัพท์แนบที่หูทันที ก่อนจะกรอกเสียงลงไปด้วยความง่วงงุนเหลือกำลัง
“สวัสดีค่ะ”
“อรุณสวัสดิ์”
เสียงทุ้มจากปลายสายทำให้ร่างบางลืมตาโพลง สปริงตัวลุกขึ้นนั่งแล้วกรอกเสียงกลับไปด้วยความตกใจ
“ทะ ท่านชีค” หญิงสาวจำไม่ได้ว่าให้เบอร์โทรศัพท์มือถือเขาไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ทว่าคนอย่างชีคมุซตาฮ์ซาน อยากได้อะไรมีหรือจะหามาไม่ได้ แล้วอีกอย่างเธอก็ตกลงคบกับเขาแล้วด้วย ฉะนั้นการที่เขาจะโทรศัพท์มาหาคงไม่ใช่เรื่องแปลก
“ใช่ฉันเอง ตื่นหรือยังฉันโทรมาปลุกเธอหรือเปล่า”
น้ำเสียงทอดอ่อนจากปลายสายทำให้หญิงสาวอมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอน ดึงหมอนข้างมากอดเอาไว้
“ตื่นแล้วค่ะ เพิ่งตื่นตอนท่านชีคโทร.มานี่เอง ท่านชีคตื่นเร็วจังนะคะ นี่เพิ่งเจ็ดโมงเช้าแท้ๆ”
ปกติหญิงสาวก็ตื่นเช้าเช่นกัน ยกเว้นเมื่อคืนที่กว่าจะหลับตาลงได้ก็ย่ำเข้าสองยาม ก็ใครกันล่ะที่ทำให้เธอไม่สามารถข่มตานอนได้ เฝ้าแต่คิดถึงอ้อมกอดอบอุ่นและจุมพิตละมุนที่เขาประทับลงบนหน้าผากมิรู้ลืม
“ฉันคิดถึงเธอ”
“...” คนฟังถึงกับเงียบราวกับถูกสาบให้แข็งเป็นหิน แล้วใบหน้าหวานก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีมะปรางสุกระเรื่อไปทั้งแก้มและใบหู
“คะ” เธอขึ้นเสียงสูงอย่างตั้งตัวไม่ถูก
“ฉันออกมาวิ่งจ๊อกกิ้ง แล้วคิดถึงเธอเลยโทรมาฟังเสียง เธอชอบออกกำลังกายหรือเปล่า” ชีคหนุ่มชวนคุย ในขณะที่เขากำลังวิ่งไปรอบๆ สวนสาธารณะ หูข้างหนึ่งเหน็บสมอลทอค์ลเอาไว้ ส่วนมือหนึ่งจับผ้าเช็ดตัวสีขาวที่พาดคออยู่มาซับเหงื่อบริเวณใบหน้า
“ค่ะ”
หญิงสาวตอบออกไปสั้นๆ เพราะยังเขินอายกับคำว่าคิดถึงของชายหนุ่มอยู่ เกิดมาเพิ่งมีแฟนคนแรก แถมยังเป็นถึงชีคแห่งรัฐรามาน นี่เธอฝันไปหรือเปล่านะ