EP.9 งานเต้นรำ
เพชรไพลินมีสีหน้าดีขึ้นแล้ววางมือลงบนมือหนา เขาประคองให้เธอนั่งลงข้างเขา ก่อนจะกระซิบประโยคถัดไปที่ทำให้หญิงสาวเหลือกตาโพลง
“ยกเว้นแต่เธอจะสมยอม”
“ท่านชีค!” หญิงสาวเรียกชายหนุ่มด้วยเสียงสูง สีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด ร่ำๆ เหมือนจะร้องไห้ นึกโกรธตัวเองที่ตามชายหนุ่มออกมา ทั้งที่ไม่ได้รู้จักมักจี่กันเลยสักนิด หากเขาข่มขืนหรือฆ่าเธอทิ้งก็คงไม่มีใครรู้ เมื่อหัวสมองคิดวุ่นวายขอบตาก็ร้อนผ่าว
“เพชรไพลิน ฉันแค่แซวเล่นเท่านั้นเอง ใครจะกล้าทำแบบนั้นกับเธอล่ะ แล้วฉันก็รู้ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น ไม่เอาน่าอย่าคิดมากนะ” เป็นครั้งแรกที่ชีคหนุ่มต้องงอนง้อใครสักคน เขาจับมือเธอไว้แล้วบีบเบาๆ เพื่อให้เธอเชื่อมั่นในตัวเขา หญิงสาวมองเขาเนิ่นนานก่อนจะพยักหน้าช้าๆ
“ฉันจะเชื่อท่านชีคค่ะ”
จังหวะที่หญิงสาวก้มหน้าลงชีคหนุ่มก็ถึงกับถอนหายใจ เพชรไพลินคือผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้สึกว่า ‘ผ้าขาว’ คือความรู้สึกเช่นนี้นี่เอง เธอใสซื่อและไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมผู้ชาย เธอหวาดกลัวราวกับแม่กวางสาวสั่นผวาราชสีห์ผู้เป็นเจ้าป่า
“เธอกลัวฉันหรือ” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจือแววขบขัน แต่เมื่อหญิงสาวพยักหน้าคนตัวโตก็ถึงกับขันไม่ออก แปลกใจไม่น้อยนี่เธอกลัวเขาจริงๆ หรือ
“เพชรไพลินเธอพอจะบอกฉันได้ไหม ว่าทำไมเธอถึงกลัวฉัน” มือหนาทั้งสองข้างจับไหล่บางเอาไว้แล้วเชยคางหญิงสาวขึ้นเพื่อให้สบตากับเขา ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นทำให้ชีคหนุ่มอยากจะรั้งร่างบางเข้ามากอด แต่ก็ทำไม่ได้อย่างใจคิด เพราะหากเขาทำอย่างนั้นแม่สาวน้อยคงกลัวเขาจนไม่กล้าเข้าใกล้เขาอีกต่อไป
“ก็ท่านชีคหน้าตาดีนี่คะ”
คำตอบของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มอยากจะหัวเราะ เขาหน้าตาดี นี่เป็นสาเหตุให้เธอกลัวเขางั้นหรือ นับเป็นความรู้ใหม่เลยทีเดียว ที่ผ่านมาเขาเชื่อมาโดยตลอดว่าใบหน้าหล่อเหลาของเขามีไว้เพื่อดึงดูดสาวๆ มิใช่ทำให้พวกหล่อนกลัว
“เวลาอยู่ใกล้ท่านชีคทีไร หัวใจของฉันเต้นแรงมาก อีกอย่างท่านชีคเพียบพร้อมทุกอย่าง ในขณะที่ดิฉันเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาไม่มีอะไรเลย การที่ท่านชีคบอกว่าอยากรู้จักดิฉัน มันทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ท่านชีคอาจทำกับดิฉันเหมือนผู้หญิงที่ท่านควงเล่นตามหน้าหนังสือพิมพ์ แล้วยิ่ง...” หญิงสาวกัดริมฝีปากล่างอย่างช่างใจก่อนจะพูดต่อไปว่า
“ยิ่งท่านชีคพาดิฉันมาในที่เปลี่ยวแบบนี้ มันยิ่งทำให้ดิฉันกลัวค่ะ”
ชีคหนุ่มอึ้งไปหลายอึดใจ “ฉันผิดเองที่พาเธอมาที่นี่ ทำให้เธอกลัวฉัน มานี่สิฉันจะพาไปดูอะไร” ชายหนุ่มจูงมือหญิงสาวเดินไปยังท่าน้ำที่มีทางเดินเชื่อมต่อกับศาลา เขาถอดรองเท้าถุงเท้าออกแล้วนั่งลงที่ท่าน้ำโดยห้อยขาทั้งสองข้างลงไปในน้ำ
“ลองทำดูสิเพชรไพลิน เย็นดีนะ”
หญิงสาวลังเลเล็กน้อยแต่ก็รวบกระโปรง ถอดรองเท้าส้นสูงออกแล้วเดินไปนั่งข้างๆ เขา น้ำเย็นทำให้หญิงสาวอารมณ์ดีได้อย่างน่าประหลาด
“สังเกตสิว่าทั้งที่อากาศร้อน แต่ถ้าได้เอาเท้าแช่น้ำบรรยากาศรอบกายกลับเย็นลงได้อย่างไม่น่าเชื่อเลย” ชีคหนุ่มพูดพลางแหงนหน้าขึ้นมองพระจันทร์บนท้องฟ้า มิได้เร่งเร้าให้หญิงสาวข้างกายคลายความหวาดกลัวที่มีต่อเขา แต่ค่อยๆ ทำความรู้จักและสร้างความคุ้นเคยกับเธออย่างใจเย็น
“จริงด้วยค่ะท่านชีค นั่งริมน้ำแบบนี้สบายใจดีจังเลยนะคะ” หญิงสาวเห็นด้วย พลางแกว่งเท้าไปมาในน้ำอย่างนึกสนุก
“ที่เมืองไทยอากาศร้อนก็จริง แต่ร้อนคนล่ะแบบกับรามาน”
“ที่รามานอยู่ตะวันออกกลางน่าจะร้อนกว่าเมืองไทยไม่ใช่หรือคะท่านชีค” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาเขา เอ่ยถามด้วยความอยากรู้ ปราการที่เธอได้สร้างเอาไว้เมื่อครู่ค่อยๆ พังลงโดยที่เธอก็ไม่รู้ตัว ชีคหนุ่มหยักยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากเมื่อเห็นว่าเธอกล้าที่จะพูดคุยกับเขามากขึ้น
“ใช่ รามานอยู่ตะวันออกกลาง แต่อากาศจะร้อนแบบแห้งๆ ไม่ได้ร้อนชื้นแบบไทย และตอนกลางคืนอากาศจะค่อนข้างเย็นจัดแตกต่างจากตอนกลางวันอย่างสิ้นเชิง”
“ประเทศของท่านชีคเป็นอย่างไรคะ ที่นั่นผู้หญิงต้องคลุมหน้าหมดทุกคนเลยรึเปล่า ไม่ร้อนแย่เหรอคะ”
“ไม่ร้อนหรอก เพราะผ้าที่ใช้ตัดเย็บเสื้อผ้าระบายอากาศได้ดี ความจริงแล้วที่คลุมแบบนั้นมีส่วนดีมากกว่าส่วนเสีย เพราะช่วยปกป้องผิวสวยๆ ของสตรีให้พ้นจากแสงแดดจ้าได้อีกด้วย แต่ระยะหลังมานี้รามานรับวัฒนธรรมของต่างชาติเข้ามาค่อนข้างมาก วัยรุ่นยุคใหม่นิยมแต่งกายแบบตะวันตกมากขึ้น แต่ก็ยังมีผู้เคร่งศาสนาที่ยังแต่งกายมิดชิดอยู่ แต่เน้นการออกแบบให้ทันสมัยขึ้น ที่รามานมีดีไซน์เนอร์เก่งๆ หลายคน เสื้อผ้าสตรีของหญิงอาหรับจึงมีให้เลือกหลายสไตล์” ชีคหนุ่มอธิบายให้หญิงสาวฟังอย่างไม่รู้จักเบื่อ
“หรือคะ ดีจังเลย ประเทศไทยเองก็ไม่ต่างจากรามานหรอกค่ะ เด็กสมัยนี้รับวัฒนธรรมต่างชาติเข้ามาจนบางคนลืมวัฒนธรรมอันดีงามที่บรรพบุรุษของเราสืบทอดกันมาช้านาน” หญิงสาวยิ้มเศร้า
“แต่ก็ยังมีเธอคนหนึ่งที่รักษาวัฒนธรรมของชาติเอได้อย่างดีเยี่ยม เธอรำสวยมากนะเพชรไพลิน หลายๆ อย่างในตัวเธอทำให้ฉันคิดไปถึงผู้หญิงในอดีตของไทย”