ตอนที่ 6.

1507 Words
“ขอบคุณค่ะ ฉันถอดชุดออกได้แล้วใช่ไหมคะ” มัสลินทำท่าจะขยับลุก แต่ถูกห้ามไว้ก่อน “ยังค่ะ ยังถอดไม่ได้ ต้องไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งก่อนค่ะ เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ไม่ค่อยมีเวลา แถมงานก็จะจัดในไม่กี่วันนี้แล้ว ทางเราต้องเร่งทำสแตนดิ้งด้วย ขอความร่วมมือด้วยนะคะ” จากแค่ลองชุด แต่งหน้าทำผม บานปลายไปจนถึงขั้นต้องถ่ายพรีเวดดิ้ง ทำเอามัสลินอึดอัดพูดอะไรไม่ออก จะปฏิเสธก็ไม่ได้ ได้แต่นิ่งเงียบไว้ ก๊อก ก๊อก ก๊อก !!! เสียงเคาะประตูดังขึ้น พอช่างเสื้อไปเปิดก็มีผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง ใบหน้าของเขาหล่อเหลาแบบหนุ่มตี๋ แต่เจ้าตัวดูเคร่งขรึมไร้รอยยิ้มประดับ ดวงตายาวเรียวมองมาทางมัสลิน เมื่อสบตากันหญิงสาวก็รู้สึกอึดอัดใจกว่าเดิม เมื่อเห็นแววตาของเขาช่างเย็นชาราวกับรูปปั้นไร้หัวใจ นึกขอบคุณสวรรค์ที่เธอไม่ใช่เจ้าสาวของเขาจริงๆ และนึกเห็นใจลินินที่ต้องแต่งงานกับผู้ชายแบบนี้ ป้าแพรพรรณจับลูกสาวคลุมถุงชนกับเศรษฐีใหญ่ โดยไม่สนใจว่าพี่สาวของเธอจะเต็มใจหรือไม่ ลินินมาบ่นให้เธอฟังหลายหนว่า อยากจะล้มเลิกงานแต่ง แต่แม่กับพ่อรับสินสอดบางส่วนจากทางเจ้าบ่าวมาแล้ว แถมยังเอาไปใช้หนี้เกือบหมดคงไม่มีปัญญาหาไปคืน “แต่งตัวอะไรกันนาน” เขาหันกลับไปพูดกับช่างแต่งหน้า น้ำเสียงหงุดหงิด “พอดีต้องลองหลายชุดค่ะคุณภานุ แต่ชุดนี้สวยที่สุดนะคะ ดูสิคะเจ้าสาวของคุณสวยมาก” อีกฝ่ายพยายามให้เจ้าบ่าวดูผลงานตัวเอง แต่ไม่ได้ผลเมื่อเจ้าบ่าวไม่แม้จะแลตามองซ้ำ “รีบพาตามมา ฉันไม่มีเวลาว่างมากหรอกนะ” พูดจบร่างสูงก็เดินออกไปทันที “ไปกันเถอะค่ะ คุณภานุเธอคงมีงานต่อ มาค่ะตามฉันมาทางนี้ค่ะ” มัสลินเดินตามไปอย่างว่าง่าย เจ้าบ่าวของลินินท่าทางเจ้าอารมณ์ คงเป็นนิสัยของพวกคนรวยที่ชอบเอาแต่ใจ ถ้าเธอต้องแต่งงานกับคนแบบนี้ เธอยอมอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิตดีกว่า ว่าที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาว(ตัวแทน) ถูกพามาถ่ายรูปที่ชายหาดด้านหน้าโรงแรม มีการตั้งซุ้มทำจากโครงเหล็กติดผ้าโปร่งสีชมพูไว้ริมทะเลตกแต่งด้วยริบบิ้นและดอกไม้ วางเก้าอี้ให้ทั้งสองไปนั่งอยู่ภายใน ช่างภาพเตรียมพร้อมรออยู่แล้ว เมื่อทั้งสองไปถึงก็จัดท่าให้นั่งและยืน “เจ้าบ่าวเจ้าสาว ยิ้มหน่อยครับ ดีครับ ชิดๆ กันหน่อยครับ แบบนั้นแหละครับ” มัสลินยิ้มแทบไม่ออก พอๆ กับเจ้าบ่าวที่ทำหน้าเคร่งริมฝีปากแทบไม่ขยับ ช่างภาพตะโกนบอกเสียงแหบเสียงแห้ง กว่าจะได้แต่ละรูปเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา เมื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวทำตัวเหมือนรูปปั้นไร้อารมณ์ “เจ้าบ่าวโอบเจ้าสาวด้วยครับ เอียงหน้าหากันหน่อยครับ ดีครับ อีกรูปนะครับ” กว่าจะถ่ายเสร็จช่างภาพต้องใช้ความอดทน และฝีมือในการจับภาพให้ได้ภาพที่ดูเป็นธรรมชาติ ถ่ายรูปพรีเวดดิ้งมาก็เยอะ เพิ่งเคยเจอคู่บ่าวสาวแบบนี้ ข่าวลือที่ว่าถูกจับคลุมถุงชนคงเป็นจริง “ถ่ายตรงนี้เสร็จแล้ว เหลือถ่ายบนเรือครับ ขอเชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นเรือเลยครับ เดี๋ยวแสงจะหมดก่อน” ช่างภาพกวาดต้อนสองหนุ่มสาวให้ขึ้นเรือ ช่างแต่งหน้าตามไปซับเหงื่อเติมแป้งเติมลิปกันอย่างรู้หน้าที่ พอเรือจะออกช่างแต่งหน้าก็ถูกไล่ให้ลงจากเรือ เหลือเพียงช่างภาพเจ้าบ่าวเจ้าสาวและคนขับเรือเท่านั้น เรือแล่นมาห่างจากหน้าหาด มายังกลางทะเลไร้ผู้คน ดูสงบเงียบเหมาะแก่การถ่ายรูป “ขอตรวจสภาพแสงสักครู่ เดี๋ยวจะมาตามนะครับ” ช่างภาพบอกก่อนผละห่างไป ปล่อยให้เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวนั่งมองหน้ากัน “คิดยังไงถึงยอมแต่งงานกับผม” ภานุเอ่ยถามว่าที่เจ้าสาวของเขาเสียงเข้ม ชายหนุ่มมองใบหน้างดงามของเธอแล้วนึกหยัน คนสวยๆ แบบนี้พ่อของเขาคงจ่ายแพง “ไม่... คือฉันไม่ใช่เจ้าสาวของคุณค่ะ ฉันเป็นน้องสาวของเธอค่ะ” มัสลินไม่อยากโกหก ภานุขมวดคิ้ว มองคนพูดอย่างแปลกใจ นี่เธอกำลังเล่นตลกอะไรกับเขากันแน่ รูปถ่ายที่บิดาให้เขาดู ก็เป็นรูปของผู้หญิงคนนี้ เธอมาบอกว่าเป็นน้องสาวของเจ้าสาว มันบ้าบอสิ้นดี “คุณชื่อมัสลิน ตระการแสง ลูกสาวของคุณแพรพรรณกับคุณสมเกียรติ ตระการแสง เจ้าของตลาดทรัพย์เจริญ” ภานุมองหน้า พร้อมกับเอ่ยประวัติของหญิงสาวออกมา “ฉันชื่อมัสลิน แรซฟอร์ดค่ะ เป็นหลานสาวของป้าแพรพรรณค่ะ ลูกสาวของป้าแพรชื่อ ลินิน ตระการแสง คนนี้แหละค่ะเจ้าสาวของคุณ ไม่ใช่ฉัน” มัสลินพยายามอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล หวังให้เขาเข้าใจ ไม่โกรธป้าของเธอ ที่ใช้เธอมาหลอกลวงเขา หญิงสาวคิดว่าเธอไม่ควรโกหกให้ยืดเยื้อต่อไป อีกไม่กี่วันลินิน เจ้าสาวตัวจริงก็ตามมาแล้ว เขาก็จะได้รู้ความจริง จะได้ไม่คิดว่าเธอตั้งใจโกหกเขา “แต่คุณแพรพรรณเอารูปของคุณ ให้พ่อของผมดู บอกว่าคุณคือลูกสาว พ่อผมถูกใจคุณเลยสู่ขอให้แต่งงานกับผม นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน” ภานุสบถอย่างหงุดหงิด เขามองหน้ามัสลินเห็นแววตาซื่อๆ ไร้พิษภัยของหญิงสาว ก็เชื่อโดยไม่ต้องคิดให้มากมายว่าเธอพูดความจริง แต่ทำไมแพรพรรณถึงได้เอารูปหลานสาวมาหลอกบิดาของเขาด้วย หรือว่าคิดจะย้อมแมวขาย เอารูปหลานสาวมาแทนลูกสาวที่อาจจะขี้เหร่ขายไม่ออก คิดแล้วพาลโมโหขึ้นมา “จริงหรือคะ ป้าแพรบอกฉันว่า ทางคุณสู่ขอพี่ป่านลูกสาวของท่านนะคะ แล้วก็บอกให้ฉันมาช่วยงานแต่ง” มัสลินมึนงงไปหมด สรุปว่าใครกันแน่ที่เป็นเจ้าสาว มีการเข้าใจอะไรกันผิด หรือว่าป้าของเธอคิดหลอกลวงอีกฝ่ายกันแน่ “ฮึ คุณถูกหลอก และที่สำคัญไม่ได้โดนหลอกคนเดียว ทางฝ่ายผมก็โดนหลอกด้วย” ภานุตาวาววับด้วยความโมโห เขาเกลียดนักคนเจ้าเล่ห์กลิ้งกลอก ถึงแม้ตัวเขาไม่เต็มใจแต่งงาน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะแต่งงานกับใครก็ได้ เมื่อทางฝ่ายหญิงเรียกสินสอดไปไม่น้อย แถมบิดาของเขาก็จ่ายเงินบางส่วนไปให้แล้ว แบบนี้มันพวกต้มตุ๋นชัดๆ “ฉันว่า ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ อาจจะมีการเข้าใจผิดกัน” มัสลินพยายามไกล่เกลี่ย เธอเองก็เริ่มสงสัยว่าอาจจะถูกคนเป็นป้าหลอกเหมือนกัน คงต้องคุยกันต่อหน้า ให้ท่านอธิบายเรื่องราวทั้งหมด “ก็ได้ ผมจะรอฟังคำอธิบายของคุณแพรพรรณ วันนี้เราควรกลับได้แล้ว ไม่ต้องถ่ายรูปบ้าบออะไรนี่แล้ว” “ค่ะ ฉันก็อยากกลับเหมือนกัน” มัสลินพยักหน้าเห็นด้วย ยิ้มอ่อนๆ ให้เขา พลางถอนหายใจแรง กิริยานั้น ทำให้คนมองคลายความโมโหลงไป “ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ผมแค่ต้องการคำอธิบาย ท่าทางคุณดูเครียดกว่าผมเสียอีก” “ป้าแพรท่านต้องโมโหฉันแน่ๆ เลย ท่านสั่งให้ฉันโกหกทุกคนว่าเป็นลูกสาวท่าน แต่ฉันขัดคำสั่ง” มัสลินมีสีหน้าหนักใจ เธอขัดคำสั่งอีกทั้งยังเปิดเผยความจริงให้ภานุรู้ ป้าของเธอคงจะเล่นงานเธอหนักแน่ ดีไม่ดีอาจจะมีการลงไม้ลงมือ ซึ่งแพรพรรณเคยตบเธอหลายหนยามที่เธอไม่ทำตามคำสั่ง “ขอโทษนะครับ ทำไมดูคุณกลัวคุณป้าของคุณมาก มีอะไรก็น่าจะคุยกันได้ ให้พ่อแม่คุณช่วยพูดก็ได้นี่ครับ” ภานุมองท่าทีหวาดหวั่นของมัสลินอย่างสงสัย ดูเธอจะกลัวป้าของเธอมาก “พ่อแม่ของฉันเสียไปหลายปีแล้วค่ะ คุณยายเลยรับฉันมาเลี้ยง พอท่านป่วยป้าแพรคือคนที่จัดการทุกอย่างในบ้านแทนท่าน ฉันในฐานะผู้อาศัยต้องเชื่อฟังคำสั่งป้าแพรค่ะ” มัสลินจำต้องเล่าเรื่องราวของเธอให้อีกฝ่ายฟัง ยามนี้เธอไม่รู้จะพึ่งพาใครได้ การได้ระบายให้ใครสักคนได้ฟัง เป็นทางออกที่ดีที่สุด “ท่าทางป้าของคุณคงร้ายกาจมาก คุณถึงได้กลัวหงอแบบนี้ นึกว่าจะมีแต่ในนิทานเรื่องนางซินกับแม่เลี้ยงใจร้าย นี่เป็นป้าใจร้ายกับนางซินสินะ” ภานุรู้สึกเห็นใจหญิงสาวขึ้นมา 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD