ตอนที่ 5

1529 Words
                อาทิตย์ต่อมาแพรพรรณกับสมเกียรติพามัสลินเดินทางไปยังภูเก็ตสถานที่จัดงานแต่งงาน ก่อนเดินทางมัสลินเข้าไปกราบลาคุณยายฝ้ายคำ “มัสต้องไปช่วยงานแต่งงานของพี่ป่าน ป้าแพรบอกว่าต้องไปหลายวัน”  มัสลินพนมมือกราบบนอกผู้เป็นยาย “ไปดีมาดีนะลูก ยายจะรอมัสกลับมา” คนแก่ลูบศีรษะหลานสาว พร้อมอวยพร “คุณยายอยู่ทางนี้ก็ทานข้าวทานยาที่อาหมี่ป้อนให้ครบนะคะ ไม่ต้องเป็นห่วงมัส ถ้าเสร็จงานมัสจะรีบกลับมาหาคุณยายค่ะ” พูดไปก็รู้สึกแน่นในอกตาร้อนผ่าวจนต้องกลั้นเอาไว้ ด้วยไม่เคยจากผู้เป็นยายไปไหนนานๆ แม้นางแววกับเด็กอาหมี่จะรับปากว่า จะผลัดกันมานอนเฝ้าคุณยาย และช่วยดูแลป้อนข้าวป้อนยาตามเวลา แต่มัสลินก็รู้สึกวูบโหวงในใจ พยายามไม่คิดมาก ปัดความห่วงใยออกจากใจ เธอต้องเชื่อใจนางแววกับเด็กอาหมี่สิ ทั้งสองรับปากแล้วว่าจะดูแลคุณยายอย่างดี เธอเองก็ไม่ได้ไปเป็นเดือน เพียงอาทิตย์เดียวก็ได้กลับมาหาคุณยายแล้ว  “ไม่ต้องห่วงยาย ดูแลตัวเองให้ดีๆ นะลูก ยายจะรอมัสกลับมา” คนแก่ย้ำอีกครั้ง กอดหลานสาวไว้แน่น รู้สึกใจหายแปลกๆ แต่พยายามไม่คิดในทางร้าย อาจจะไม่ใช่ลางสังหรณ์บ้าบออะไร ท่านควรคิดแต่สิ่งดีๆ อวยพรให้หลานเดินทางโดยสวัสดิภาพ มากกว่าจะคิดอะไรที่ไม่ดีในยามนี้ “มัสกราบลาค่ะคุณยาย เดี๋ยวป้าแพรจะบ่นว่ามัสโอ้เอ้” มัสลินกราบลา แล้วหอมแก้มคนเป็นยายอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกจากห้องนั้นไป “เดินทางปลอดภัยนะมัส ขอให้พระคุ้มครอง ขอให้ความดีของหลานคุ้มครองหลานด้วย” คุณยายฝ้ายคำพึมพำอวยพรตามหลัง สายตาฝ้าฟางที่มองตามหลังหลานสาวด้วยความห่วงใย ทั้งสามคนเดินทางมาถึงก็มีรถของเจ้าสัวโภคินมารับที่สนามบิน รถพาผู้มาเยือนไปพักที่โรงแรมในเครือที่ท่านเจ้าสัวเป็นเจ้าของ หลังจากขนของเข้าห้องพักเรียบร้อย แพรพรรณกับสามีก็เดินทางไปยังคฤหาสน์ของเจ้าสัวโภคินทันที โดยบอกให้มัสลินรออยู่ที่โรงแรม “รออยู่ที่นี่ก่อนนะยายมัส ฉันกับคุณลุงของแกจะแวะไปคุยกับผู้ใหญ่ทางเจ้าบ่าว “ “ค่ะ ป้าแพร” มัสลินรับคำ “อ้อ... ถ้าแกลงไปเดินเล่นข้างล่าง เจอใครถามว่าเป็นอะไรกับฉัน บอกเขาไปว่าเป็นลูกสาวนะ” “ทำไมต้องโกหกคนอื่นด้วยล่ะคะ” คำสั่งนี้ทำให้คนฟังนิ่วหน้า มองผู้เป็นป้าอย่างแปลกใจ อีกฝ่ายถอนหายใจแรงอธิบายให้ฟังว่า  “ฉันไม่อยากให้คนมองว่ายายป่านไม่สนใจงานแต่ง พี่สาวแกเขามีธุระจะบินตามมาในสองสามวันนี่แหละ แกก็เนียนๆ แกล้งแสดงว่าเป็นเขาไปก่อน” “มัสว่า มัสไม่ลงไปเจอใครดีกว่าค่ะ” มัสลินไม่ชอบการโกหก ดังนั้นคิดว่าการอยู่แต่ในห้องพัก เลี่ยงพบปะผู้คนคงจะดีกว่าไปปั้นหน้าพูดโกหก “เออ... แล้วแต่แกเถอะ ฉันจะไปแล้ว หิวก็โทรสั่งอะไรมากินนะ” แพรพรรณพอใจที่มัสลินไม่เรื่องมาก “มัส... ไม่มีเงินค่ะ” มัสลินแทบไม่มีเงินติดตัวมากนัก อาหารในโรงแรมระดับห้าดาวแบบนี้คงราคาแพงไม่เบา เธอไม่กล้าสั่งมากินแน่นอน “อยากกินอะไรก็สั่งมากิน ว่าที่พ่อสามีของยายป่านเขาเป็นเจ้าของที่นี่ เขาให้พักฟรีกินฟรี แกจะกินหูฉลามน้ำแดงเขาก็ไม่ว่าอะไรหรอก ฉันไปล่ะ ล็อกประตูห้องดีๆ นะ” พูดจบแพรพรรณก็เดินออกไป ปล่อยให้หลานสาวอยู่ในห้องเพียงลำพัง มัสลินรีบกดล็อกประตูห้องตามคำสั่ง แล้วเดินมานั่งที่เตียงนอน ถอนหายใจแรง “เฮ้อ... คงต้องอุดอู้อยู่แต่ในห้องนี่ละ จะได้ไม่ต้องผิดศีลข้อมุสา” มัสลินยอมอุดอู้อยู่ในห้อง ดีกว่าต้องออกไปโกหกใครๆ ตามคำสั่งของผู้เป็นป้า หญิงสาวเดินไปที่ระเบียงนั่งเล่นมองดูวิวทิวทัศน์รอบๆ บริเวณ สายลมพัดไอทะเลมาจางๆ มองจากตรงนี้เห็นทะเลและชายหาดไม่ไกล ด้วยด้านหน้าของโรงแรมติดกับชายหาด มีนักท่องเที่ยวอยู่คับคั่ง น่าลงไปเดินเล่น เสียดายที่เธอไม่สามารถลงไปได้ จึงต้องนั่งมองอยู่แบบนี้ ก๊อก ก๊อก ก๊อก !!! นั่งเล่นอยู่ครู่ใหญ่ประตูห้องก็มีเสียงเคาะเรียก มัสลินรีบเดินมาส่องดูที่รูตาแมวทันที มีคนยืนรออยู่หน้าห้องสามคนเป็นผู้หญิงแท้สองคน อีกคนเป็นกะเทยร่างท้วมแต่งหน้าจัด “ใครกัน มาเคาะผิดห้องหรือเปล่านะ” มัสลินไม่กล้าเปิด แต่คนที่รออยู่ก็เคาะอีกครั้ง ทำให้ต้องเปิดออกมา “ห้องของคุณมัสลินใช่ไหมคะ” พอเปิดประตู กะเทยนางเดียวในกลุ่มก็เอ่ยถาม ด้วยน้ำเสียงที่เจ้าตัวพยายามดัดให้อ่อนหวาน “เอ่อ... ค่ะ พวกคุณเป็นใครคะ” มัสลินตอบรับอย่างแปลกใจที่อีกฝ่ายรู้จักชื่อของเธอ มองดูผู้หญิงสองคนก็พบว่าคนหนึ่งหิ้วถุงใส่ชุดเจ้าสาวมาด้วย อีกคนหอบกล่องใส่อุปกรณ์อะไรสักอย่างไว้พะรุงพะรัง “พวกเรามาจากห้องเสื้อวีว่าค่ะ เอาชุดเจ้าสาวมาให้ลอง แล้วก็จะลองแต่งงานทำผมให้ดูด้วยค่ะ เผื่อจะได้ปรับแก้หากไม่ถูกใจอะไร แกสองคนเอาของเข้าไปในห้องสิ ยืนเกะกะอยู่ได้” คำตอบนั้นทำให้มัสลินนิ่วหน้า แต่ไม่ทันจะเอ่ยอะไรสองสาวก็พากันดันประตู หอบหิ้วข้าวของเดินเข้ามาในห้องเรียบร้อย กะเทยร่างท้วมจูงแขนหญิงสาวพาเข้าห้องไปด้วย พร้อมปิดประตูให้เสร็จสรรพ “นั่งตรงนี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวขอเอาชุดให้ลองก่อน” มัสลินถูกพามานั่งที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง สองสาวที่เดินเข้ามาก่อน จัดการเปิดถุงใส่ชุดเจ้าสาว เอาออกมาพาดไว้บนเตียง อีกคนเปิดกล่องอุปกรณ์แต่งหน้ามาจัดเรียงไว้บนโต๊ะ พร้อมทั้งเครื่องประดับผมแบบต่างๆ “เอ่อ... คือว่าฉันไม่...” มัสลินกำลังจะบอกว่าเธอไม่ใช่เจ้าสาว เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น หน้าจอโชว์หมายเลขของผู้เป็นป้าจำต้องกดรับ “ยายมัส ช่างเสื้อกับช่างแต่งหน้าไปหาแกแล้วใช่ไหม” เสียงของแพรพรรณดังมาตามสาย “ค่ะ เพิ่งมาถึงค่ะ” มัสลินตอบผู้เป็นป้าเสียงเบา ค่อยๆ ลุกหนีมาคุยที่ระเบียงห้อง “เจ้าสัวโภคินว่าที่พ่อสามีของยายป่าน ท่านส่งไปน่ะ แกก็ตามน้ำไปแล้วกัน เขาให้ลองชุดหรือทำอะไรก็ยอมทำตามเขาไป” “ค่ะ มัสจะทำตามค่ะ” มัสลินจำต้องตกกะไดพลอยโจนไปอย่างลำบากใจ นึกว่าหลบอยู่แต่ในห้องแล้ว จะไม่ต้องมุสาใคร แต่ก็จำเป็นต้องปั้นหน้าโกหกตาใสตามคำสั่งของผู้เป็นป้า  “อีกเดี๋ยวคุณภานุเจ้าบ่าวของยายป่าน อาจจะแวะไปหา เขาไม่เคยเจอยายป่านมาก่อน แกก็เนียนๆ คุยกับเขาไปนะ อย่าทำเสียเรื่องล่ะ แค่นี้นะ” พูดจบก็วางสายไป “โอย... นี่ต้องโกหกใครต่อใครอีกหลายคนเลยเหรอ” มัสลินหนักใจกับคำสั่งของผู้เป็นป้า ไม่ทำตามก็ไม่ได้ นางแพรพรรณคงไปโกหกอะไรไว้มากมาย เธอไม่ทำตามก็เท่ากับเปิดโปง อาจจะทำให้อีกฝ่ายเดือดร้อนได้ “ขอโทษนะคะ เชิญมาลองชุดก่อนค่ะ” ช่างเสื้อเดินออกมาตาม มัสลินต้องกลั้นใจยอมเป็นหุ่น ปล่อยให้ช่างเสื้อจับลองชุดเจ้าสาวที่อีกฝ่ายขนมาถึงห้าชุด มีทั้งแบบสุ่มไก่ แบบกระโปรงสั้น แบบเปิดไหล่ เกาะอก และชายกระโปรงยาวหลายเมตร “ใส่ชุดไหนก็สวยทุกชุด ผิวขาวเนียนแบบนี้ ใส่อะไรก็ผ่องไปหมด” ผิวของมัสลินขาวนวลราวกับไข่มุกเนื้อดี เนียนละเอียดไร้ไฝฝ้า รูปร่างก็สมส่วนอรชร มีทรวดทรงองเอวที่ผู้หญิงด้วยกันยังอิจฉา ยิ่งถูกจับเกล้าผม แต่งหน้าเต็มที่ ยิ่งสวยจนตะลึง สมกับเป็นว่าที่เจ้าสาวของลูกชายเจ้าสัวใหญ่ “เสร็จแล้วใช่ไหมคะ” มัสลินเริ่มอึดอัดใจจนทนไม่ไหว “เสร็จแล้วค่ะ ตกลงเอาชุดแบบสุ่มไก่เกาะอกแบบนี้นะคะ ทำผมเกล้ามวยปล่อยไรผมเคลียกรอบหน้านิดๆ ติดดอกไม้กับกิ๊ฟประดับเพชรอีกสักหน่อย สวยจนโลกตะลึงเลยค่ะ” ใบหน้ารูปไข่มีหน้าผากมนได้รูป แต่งหน้าสไตล์ไหนก็สวยไปหมด ยิ่งเจ้าตัวมีความสวยหวานเป็นทุนเดิม ยิ่งแทบไม่ต้องแก้ไขจุดบกพร่องอะไรอีก มองผาดๆ ราวกับเจ้าหญิงหรือนางฟ้าเดินดิน สวยจนต้องเอ่ยคำชมซ้ำซาก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD