โรงพยาบาล B
ถ้าการถีบเรือเป็ดคือคนเดียวคือเลเวล 99 ของคนโสด
แพททริเซียคิดว่า การแอดมิตโรงพยาบาลคนเดียวคือเลเวล 100
บรรยากาศในห้องพักผู้ป่วยในแบบวีไอพีในโรงพยาบาลนั้นแสนเงียบเหงานัก เธอนอนมองหยดน้ำเกลือที่หยดลงสู่สายน้ำเกลือเพื่อที่จะไหลเข้าเส้นเลือดของตัวเองหยดแล้วหยดเล่า
ช่วงนี้เธอรู้สึกว่าคนรอบข้างเธอยุ่งกันหมด แม้แต่พี่เคก็มาเฝ้าเธอไม่ได้เพราะต้องแบ่งเวลาไปดูแลนักแสดงคนอื่น หญิงสาวเลยนอนเหงาอยู่ในห้องพักผู้ป่วยคนเดียว แพททริเซียไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้ แต่อาการที่ร่างกายต่อต้านการทำงานหนักจนร่วงคากองถ่ายทำให้เธอต้องพักผ่อนโดยไม่มีข้อแม้
พออยู่กับตัวเองมาก ๆ ความคิดฟุ้งซ่านในใจก็เสียงดังขึ้น หญิงสาวไถอินสตาแกรมก็แล้ว ลงคลิปที่นักตัดต่อส่งมาให้ในช่องทางโซเชียลก็แล้ว เวลาก็ยังผ่านไปอย่างเชื่องช้าอยู่เหมือนเดิม
หมอให้เธอค้างคืนที่นี่หนึ่งคืน แต่แพททริเซียรู้สึกยาวนานเป็นปี
นางเอกสาวนึกถึงคนหนึ่งที่เธอเคยคิดว่าหากอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เธอจะขอให้มาหา...เพื่อนสนิทที่เป็นนักแสดงด้วยกันก็ออกงานในวันนี้กันหมด ส่วนษมานั้นก็ไม่รับสายเธอเลย
เท่านี้ก็เหลือณพลอยู่คนเดียวที่เธอพอจะนึกถึง
แต่... การพยายามของเธอที่ผ่านมาไร้การตอบสนอง
จากเขา ณพลเลยถูกตัดออกจากลิสต์คนใกล้ตัวเพราะเธอกำลังพยายามมูฟออนจากเขาอยู่
หญิงสาวถอนหายใจออกมาดังพรืดแล้วก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหา 'ปวีนา' เพื่อนสนิทที่เรียนโรงเรียนนานาชาติมาด้วยกันตั้งแต่ตอนอยู่ภูเก็ต เธอย้ายมาเรียนและทำงานที่กรุงเทพฯ แต่ปวีนาเลือกที่จะอยู่ในเส้นทางการเป็นเด็กเลี้ยงของผู้มีอิทธิพลในภูเก็ตด้วยเหตุผลบางอย่างในชีวิต
แพททริเซียคุยกับปวีนาแทบทุกวัน โดยเฉพาะวันไหนที่ต้องการกำลังใจเป็นอย่างมาก ปวีนาเป็นเพื่อนที่คอยเป็นพลังบวกให้เสมอแม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากกว่าหลายเท่า
แม้จะอยู่ไกลกันมากแต่พวกเธอสองคนต่างโทรหากันเพื่อเล่าเรื่องราวในชีวิตให้กันฟังแทบทุกวันเพื่อปรึกษาหารือและเติมพลังให้กันตลอดมา
"แก ว่างคุยปะ"
[คุยได้ ฉันเพิ่งตื่นมาทำอะไรง่าย ๆ น่ะ ]
"เพิ่งตื่นเวลานี้นี่นะ"
พอแพททริเซียสงสัย อีกฝ่ายก็นิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง แล้วก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเหมือนเกินใจจะอดทนแล้ว
[เมื่อคืนคุณพีร์มาหาฉัน ฉันแทบจะไม่ได้นอนเลยตื่นเอาป่านนี้น่ะสิแก]
"อุ๊บส์" แพททริเซียแก้มแดงเมื่อคิดว่าสองคนนั้นทำอะไรกันจนเพื่อนเธอไม่ได้หลับไม่ได้นอน
[อุ๊บส์อะไรก่อน ฉันจะตายอยู่แล้ว... แกเคยบอกไม่ใช่เหรอว่าเขาเบื่อคนง่าย เมื่อไหร่เขาจะเบื่อฉันแล้วทิ้งฉันสักที]
พอคนปลายสายบ่นแพททริเซียก็ขำพรืด ตอนปวีนาจะเข้าไปเสนอตัวกับ 'พีร์ ทรัพย์ทวิพงษ์' แพททริเซียรู้จักพีร์ดีเพราะเขาเป็นเพื่อนในกลุ่มของษมา ตอนนั้นเธอเตือนปวีนาว่าอย่าไปข้องเกี่ยวกับพีร์อย่างเด็ดขาดเพราะเขาใช้ผู้หญิงเปลืองยิ่งกว่าทิชชู
พอได้แล้วก็เบื่อและทิ้งกันง่าย ๆ การเป็นเด็กเลี้ยงของเขาอาจจะ
ไม่ส่งผลดีต่อเพื่อนเธอเท่าไร
แม้จะรู้ว่าพีร์น่ากลัวแต่ปวีนาก็เข้าหาอยู่ดีเพราะต้องการมีอีกฝ่ายแค่ชั่วคราว แต่ก็ผิดคาดเพราะความสัมพันธ์ของทั้งคู่มัน
ดันยืดเยื้อมาจนวันนี้ กลับเป็นเจ้าตัวเองที่ดิ้นหลุดออกมาจากการครอบครองของพีร์ไม่ได้เลย นี่ก็ผ่านมาพักหนึ่งแล้วแต่พีร์ยังคงหลงปวีนาและใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากจนปวีนาต้องร้องขอชีวิต
นักแสดงสาวสังเกตว่าช่วงนี้ปวีนาบ่นบ่อยขึ้นว่าพีร์มาหา
"หรือว่าเขาชอบแกวะปุ่น" ปวีนาเป็นคนสวยมาก หากมาแคสต์เป็นนักแสดงพร้อม ๆ กับเธอ นางเอกสาวเชื่อว่าปวีนาคง
โลดแล่นในวงการบันเทิงได้สบาย ๆ เพราะฉะนั้นคนโฉดแบบพีร์อาจจะตกหลุมรักปวีนาก็ได้ ความสัมพันธ์ของพวกเขาจึงไม่ได้เป็นแบบที่แพททริเซียคาดการณ์ไว้
[ถ้ามันเป็นอย่างนั้นฉันจะไม่พยายามเอาตัวออกมาจากสถานะนี้หรอกแก แต่แกเชื่อฉันเถอะว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้
ฉันอยากให้เขาเบื่อแล้วทิ้งฉันสักที จะได้เป็นอิสระ]
"งั้น... แกลองไถเงินเขาเยอะ ๆ ดู ถ้าแกเรียกร้องมากเกินกว่าที่เขาคิดว่าคุ้มค่าที่จะจ่าย บางทีเขาอาจจะปล่อยแก" แพททริเซีย
ลองแก้ปัญหาช่วยเพื่อน
[เออ ฉันจะลองไถเงินทันทีที่เขามาเจอเลย ไถไปทุกวันคงมีเบื่อกันบ้างแหละ ว่าแต่แกเป็นไง ฉันเห็นข่าวแชร์เยอะมากเลยว่าแกมีงานเยอะมาก เห็นคนเขียนว่าเจอหน้าแกออกสื่อทุกช่องทางจนหลอน ฉันนี่ขำเลย]
"อือ ทำงานเจ็ดวันเจ็ดคืน เหนื่อยจนกายหยาบเกือบสู่ขิตแล้วเหลือแต่รูปที่ติดอยู่ทั่วทุกมุมเมืองไว้เป็นความทรงจำ"
แพททริเซียว่าแล้วก็หัวเราะ ตอนเธอถ่ายละครแล้ววูบจนร่วงไปกองกับพื้น ช่วงนั้นเหมือนช่วงนาทีชีวิต เธอเหนื่อยจนคิด
ว่าตัวเองอาจจะวูบแล้วตายจริง ๆ ด้วยซ้ำไป แต่เธอก็โวยวายกับ
พระเจ้าว่าเธอยังมีอะไรที่อยากทำแต่ยังไม่ได้ทำอยู่ แพททริเซียเลยรอดมาได้
[เออ ฉันก็เหนื่อยจนเกือบสู่ขิตเหมือนกัน]
"แกอย่าเพิ่งขิต เหนื่อยแค่ไหนก็ต้องสู้ เรายังมีวันข้างหน้าให้เดินต่อ" แพททริเซียถอนหายใจ เธอมีไอเดียการเอาตัวรอดจากปัญหาชีวิตด้วยการเสนอตัวเป็นเด็กเลี้ยงของณพลเพราะเห็น
ปวีนาทำแล้วให้ผลลัพธ์ในแบบที่เธอสนใจ
แม้จะทำไม่สำเร็จและถอดใจไปแล้วแต่กระนั้นก็ไม่ได้คิดว่าชีวิตนี้จะแพ้ไปทุกอย่าง
"เออ สู้เขาสิวะอีหญิง" ปวีนาหัวเราะ
หลังจากคุยกันไปมากมาย แพททริเซียจึงนึกได้ว่าวันนี้เธอเหมือนโทรไปฟังปวีนาเล่าเรื่องนั่นนี่โน่นให้ฟัง ทั้งที่เธอเองมีเรื่องหนึ่งหนักหน่วงอยู่ในใจ แต่เธอเลือกจะเก็บไว้ในใจคนเดียว ไม่เคยกล้าหาญแชร์ให้ใครรับฟัง...
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
แพททริเซียหันไปทางประตูด้วยสีหน้าเนือย ๆ เพราะคิดว่าน่าจะเป็นผู้ช่วยพยาบาลที่จะเข้ามาวัดไข้และเช็กความดันตามหน้าที่ แต่เธอก็ต้องกะพริบตาปริบ ๆ เมื่อบานประตูเปิดออกแล้วเห็นคนที่ยืนอยู่
แสงแดดยามเย็นสาดส่องผ่านรูปร่างสมบูรณ์แบบทำให้เสี้ยวหน้าเขามีแสงและเงาสะท้อนเหมือนแสงที่ส่องผ่านเทพสักองค์จนแสงออร่าแผ่กระจายออกมา ชุดสูทสีเข้มเรียบ ๆ บนเรือนกายสูงยาว ใบหน้าหล่อเหลาเรียบนิ่ง ดวงตาคมกริบที่จ้องมายังเธอน้อย ๆ ทำให้หัวใจของแพททริเซียสั่นไหว
วินาทีที่สบตากับท่านประธานแห่งพลอยมันตราหญิงสาว
ก็หายใจไม่ทั่วท้อง
เพราะมันต้องใช้พลังในการมูฟออนจากคนเพอร์เฟ็กต์อย่างเขามากเกินไป... แถมช่วงนี้แพททริเซียร่างกายอ่อนแอมาก เธอคงไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะทำอะไรแบบนั้นหรอก
ยิ่งเห็นกระเช้าผลไม้พร้อมถุงอาหารคลีนร้านโปรดของเธอในมือเขา หัวใจที่ว่างเปล่าก็รู้สึกเหมือนถูกเติมเต็มจากความใส่ใจของท่านประธานหนุ่ม
เรื่องมูฟองมูฟออนก็ถือเสียว่าเธอไม่เคยนึกถึงมันก็แล้วกัน!
ว่ากันว่าคนเรามันจะอ่อนไหวเป็นพิเศษในตอนที่ไม่สบาย แพททริเซียคิดว่ามันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ จากที่อ่อนไหวเพราะเขาอยู่แล้ว ตอนนี้อ่อนไหวมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก
ใครก็ได้ ช่วยด้วยยยยย