“ผมจะพูดขอคุณทุกวันเลย” เขาพูดอ้อน ๆ ก่อนจะหอมแก้มเธออีกหนึ่งครั้ง ทำเอาแม่สาวซอมพอหน้าแดงออกมา
“คุณชอบอะไรมั่งครับ แบบว่าเป็นพิเศษ” เขาถามขึ้น ก่อนจะทรุดนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้ ๆ
“ฉันเหรอคะ” ซอมพอทำท่านึก แต่ก็หัวเราะออกมา
“ฉันไม่ชอบไปไหน ชอบอยู่บ้าน ชอบอ่านหนังสือ ชอบออกกำลังกาย กินอาหารเพื่อสุขภาพ ตื่นนอนเป็นเวลา หลับเป็นเวลา”
“โห่...” ตรงข้ามกับผมเลย
“ผมไม่ชอบอยู่บ้าน อยู่คนเดียวมันเหงา ชอบดูหนัง ฟังเพลงเปิดให้ดัง ๆ กินนอนง่าย ๆ เวลาหลับไม่รู้ แต่เวลาตื่นต้องรีบเกือบแย่ทุกวัน เฮ้อ...” เอ้ยถอนหายใจออกมาดัง ๆ
“ถ้าคุณมาอยู่กับผมก็ดีนะสิ ผมอาจจะได้กินอยู่ตื่นและก็นอนเป็นเวลา” เขาพูดเข้าข้างตัวเองอีกครั้ง ซอมพอหันหน้ามามองเขา ทำใบหน้าค้อนให้เขานิด ๆ ก่อนจะหันหน้ากลับไป
“ยังงี้ เราสองคนจะอยู่ด้วยกันได้หรือคะ” ซอมพอถามขึ้น ขณะที่ยกชามใส่ต้มจืดร้อนมาวางบนโต๊ะกินข้าว แล้วตักข้าวให้เขาก่อนที่จะเอาหมูปิ้งในเวฟออกมาให้
“อยู่ได้สิครับ ทำไมจะอยู่ไม่ได้ ไม่ลองไม่รู้นะครับผม” ไวทินพูดพลาง ขยับตัวนั่งตรง ๆ ยกมือขึ้นถูกันมองอาหารตรงหน้าที่มีควันลอยกรุ่นขึ้น ทำจมูกสูดดมเอาความหอมเข้าจมูก ยิ่งตอนที่เห็นข้าวร้อนในจานที่ซอมพอกำลังนำลงมาวางตรงหน้า
“กินด้วยกันสิครับ” เขาเอ่ยชวน
“ค่ะ” เธอรับปากเบา ๆ ซอมพอหันไปตักข้าวให้ตัวเอง วันนี้วุ่น ๆ จนลืมหิว
“อร่อยจัง...อือ...” เอ้ยเอ่ยชม ทำท่าทางตอนกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย
“ขอบคุณนะครับ” เขาบอกเธอหลังจากกินอาหารเสร็จ เขาลุกขึ้นหยิบจานรวบช้อนจะเอาไปล้างให้ ซอมพอรีบบอกให้เอ้ยไปทำงานต่อ เธออาสาจะล้างจานชามให้เอง เอ้ยยิ้มออกมาแบบขอบคุณ ตอนนี้หัวใจของเขาเต้นตึก ๆ รู้สึกดีที่มีเธออยู่ตรงนี้
ผู้ชายที่บ้างาน หวังเพียงความก้าวหน้า ทุ่มเทจนบางครั้งลืมนึกถึงเรื่องคู่ครองไปเลย ผู้เป็นพ่อโทรศัพท์มาถามไถ่บ้าง และมักจะเอ่ยถามเรื่องคู่ของเขาอยู่เสมอ เอ้ยก็ได้แต่ปฏิเสธไปว่ายังไม่พร้อม
“ฉันจะกลับห้องแล้วนะ” เธอมายืนบิดอยู่ข้างหลัง ตอนนี้ยังใจเต้นแรงเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา เอ้ยเงยหน้าขึ้น ก่อนจะหมุนเก้าอี้หันหน้ามาหา เอื้อมมือไปเอามือถือของซอมพอมาถือเอง ก่อนจะบังคับให้เธอปลดล็อกแล้ว โทรหาตัวเขาเอง
“เบอร์ผม คุณต้องเมมฯ ไว้ด้วย อีกอย่าง นี่กุญแจห้องผม” เขาหยิบกุญแจที่อยู่ในพวงเหมือนเตรียมไว้ให้เธอเรียบร้อยแล้ว ปุณฑราทำสีหน้าแปลกใจ แต่ก็รับเอาไว้ สีหน้าอมยิ้มหัวใจเต้นเร็วเมื่ออยู่ใกล้ ๆ เขา
“กลับแล้วนะ” ซอมพอพูดออกมาแบบเก้อเขิน เธอไม่รู้ตัวเลย ว่าทำหน้าตาน่ารักแค่ไหน เอ้ยยิ้มมุมปาก ก่อนจะพยักหน้าให้ เธอเดินถอยหลังก่อนจะเปิดประตูออกไป พอพ้นประตูห้องออกไปถึงกับพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง
ปุณฑราดูกุญแจห้องของเขาที่อยู่ในมือ ก่อนจะหันไปมองที่ประตูห้องนั้นอีกครั้ง สีหน้าและแววตาเปลี่ยนไป หัวใจดวงน้อย ๆ ของเธอเต้นระยิบ มีความรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
เอ้ยนั่งยิ้มอยู่ที่โต๊ะทำงาน ก่อนจะลงมือทำงานต่อไปอย่างมีความสุข
“อ้าว มาได้เวลาพอดี กำลังจะกินข้าวกัน” เสียงพี่ตั้วดังขึ้น
“กินมาแล้วค่ะ” ซอมพอรีบตอบแล้วเดินเข้าไปหา ตอนนี้เธอพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับพี่สาวแล้ว แต่ก็ยังเกรงว่าจะโดนดุ
“ไม่กินข้าว ก็นั่งก่อน พี่อยากรู้เรื่องของแฟนแก” พี่ส้มป่อยหันหน้ามาพูดขึ้นทันที ซอมพอรีบกระโดดเหยง หมุนตัวหันหลังอย่างเร็วเดินเข้าห้องไปในทันที
“ไว้ค่อยคุยนะพี่ ฉันเหนื่อยมากเลย” ซอมพอตะโกนออกมาแทน ก่อนจะปิดประตูห้องให้สนิท
“ไอ้ซอม” พี่สาวทำเสียงดัง พี่ตั้วรีบยกมือขึ้นห้าม รู้ว่าเธอต้องพ่นคำพูดออกมาไฟแลบ
“พอเลย...” เขาพูดสั้น ๆ แต่ได้ใจความ
“ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง...” เสียงมือถือเตือนว่ามีข้อความเข้าเด้งขึ้นมาในมือถือของซอมพอ
‘คืนนี้จะไม่มานอนเป็นเพื่อนผมจริง ๆ หรือ’ ข้อความจากไวทิน
“บ้าแล้ว คนบ้า ทำเอาเขินเลย” ซอมพอยิ้มให้กับโทรศัพท์นึกไปถึงใบหน้าของเขาที่ยิ้มนิด ๆ หัวใจก็พลอยลิงโลด มันอาจจะเร็วเกินไป แต่นานแล้วนะที่เธอไม่ได้รู้สึกใจเต้นแรงแบบนี้
‘ฝันดีนะคะ’ เธอส่งข้อความกลับไป นอนเงยหน้าอยู่กับที่นอน ตาจ้องมองโทรศัพท์ด้วยหัวใจที่เต้นแรง
‘ครับผม’ แค่คำตอบกลับมาของเขาทำให้เธอยิ้มแก้มแทบปริ
“เขาก็น่ารักดีแฮะ” เธอยิ้มให้กับตัวเอง คืนนั้นหลับไปด้วยความสุขใจ
“อ้าว น้องซอมพอ เมื่อวานทำไมไม่มากินส้มตำแล้วมาตีแบดฯ ด้วยกัน คุณหมอจัสเลยมาเก้อเลยค่ะ มองหาน้องซอมพอ คอแทบเคล็ด” เสียงพี่วาที่สนิทกันเอ่ยขึ้น
“พอดียุ่งนิดนึงน่ะค่ะ” เธอปฏิเสธไป นึกไปถึงคนที่ทำให้เธอไม่ได้มาร่วมกิจกรรมกับเพื่อน ๆ ถึงกับหน้าแดง
“อุ้ย เมื่อวานเขาเมาท์กันใหญ่ว่าน้องซอมพอมีแฟนมาหา คุณหมอจัสเนี่ยหน้าจ๋อยไปเลยค่ะ จริงหรือเปล่าคะว่าน้องซอมพอมีแฟนแล้ว” พี่วาทำสีหน้าอยากรู้
“อะแฮ่ม...” เสียงกระแอมดังมาแต่ไกล สองสาวต่างวัยหันไปมองในทันที
ไวทินที่มาในกางเกงขาสั้นเสื้อกล้าม พร้อมรองเท้าออกกำลังกายตรงดิ่งเข้ามาหา แทบประชิดร่างของปุณฑรา
“ผมเอ้ยครับ” เขาเอ่ยแนะนำตัวกับพี่วาทันที พี่วาออกอาการเขิน มองใบหน้าหล่อแบบตี๋ ๆ ของเขาทำสีหน้ายิ้มแย้มแบบมีไมตรีจิต
“แฟนน้องซอมพอหรือคะ” เธอเอ่ยถามขึ้นมาแทบทันที
“ครับผม” เขาก็ตอบคำถามเร็วเกินคาด เล่นเอาหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ออกอาการหน้าแดงขึ้นไปอีก
“เหมาะสมกันนะคะพี่ว่า แบบนี้หมอจัสก็อกหักล่ะสิ” พี่วาก็ยังไม่วายเอ่ยถึงบุคคลที่สาม เอ้ยทำยิ้ม ๆ แบบมีเลศนัย หันไปมองปุณฑราเต็มใบหน้า
“อุ้ย... ปากไวอีกแล้ว จริง ๆ น้องซอมพอเขาก็ไม่ได้ชอบคุณหมอจัสหรอกค่ะ พวกพี่แซวกันเล่น ๆ” พี่วาเริ่มรู้ตัวว่าพูดมากไปแล้ว หาทางตีชิ่งออกไปทันที
“ขอตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวต้องกลับไปทำอาหารเช้าให้ลูก ๆ” พี่วารีบหมุนตัววิ่งจ๊อกกิ้งออกไปทันที
“ไม่รู้นี่ว่า แฟนผมเนื้อหอมมาก” เขาทำเสียงประชดประชันเธอออกมา เธอหันหน้าไปมองเขาตรง ๆ ยิ้มให้พร้อมกับทำหน้าย่น
“ยังไม่รับปากเป็นแฟนคุณสักหน่อย อย่ามาขี้ตู่นะ” พูดจบรีบก้าวขาเดินไปข้างหน้า แสงแดดก็เริ่มส่อง ความร้อนเริ่มมาเยือน เอ้ยก้าวขายาว ๆ ของเขาตามไป
“ผมเสียใจนะ” เอ้ยพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ รีบฉวยข้อมือของซอมพอเอาไว้ทันที
“แน่ะ... ปากว่ามือถึงจะตาย” เธอตีมือลงบนหลังมือของเขาทันที
“ไปหาอะไรกินกันก่อนขึ้นห้องดีกว่า รู้ไหมผมไม่ได้ตื่นเร็วในวันหยุดมานานแล้ว ส่งข้อความหาคุณตั้งแต่เช้า เงียบไม่มีเสียงตอบ ดีนะที่ผมฉลาด นึกได้ว่าคุณชอบออกกำลังกาย จึงเสี่ยงมาตามหาที่นี่” คำพูดที่ใส่ใจของเขาทำให้เธอยิ้มออกมาได้
“จะกินอะไรดีคะ ฉันมาออกกำลังกายนะ จะให้เอาพลังงานกลับเข้าไปตอนนี้เลยหรือ” สองคนเดินจับมือคุยกันไปแบบช้า ๆ
“กินเช้าไม่อ้วนหรอกครับที่รัก”
“แน่ะ ใครที่รักคุณ” ซอมพอหันมามองเขาตาโต เอ้ยก้มหน้ามากระซิบที่ข้างหู
“ไม่รู้แหละ คุณเป็นของผมแล้วนะ ผมทึกทักเอาเอง” เธอทำก้มหน้างุด ใบหน้าร้อนออกผ่าว ๆ นึกกระดากอายตามที่เขาบอก แต่ก็พูดออกไป
“อย่าเรียกฉันแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นนะคะ ฉันเขิน”
“ผมยอมคุณก็ได้ แต่เดินไปกินอะไรเป็นเพื่อนผมหน่อยแล้วกันนะ...” เอ้ยทำน้ำเสียงออดอ้อน เธอพยักหน้าให้ก่อนจะส่งยิ้มกลับไป