หม่อมแม่ของยัยเฌอ : พรุ่งนี้บ่ายเราจะไปเยี่ยมอิคคิวที่โรงบาลยนะแตม อย่ากลับดึกนักล่ะ
เฌอแตมเอง : รับทราบจ้ะหม่อมแม่
เฌอแตมเอง : แตมแค่ไปนั่งเป็นเพื่อนไอ้กิ๊ฟมันเฉย ๆ
เฌอแตมเอง : แตมไม่ดื่มหรอก สบายใจได้
ความจริงก็คือ…ลูกสาวแม่เพิ่งอกหักเพราะสารภาพรักกับรุ่นพี่แล้วถูกปฏิเสธจึงต้องไปปรับทุกข์กับเพื่อนสนิทที่ร้านนั่งชิลล์และซดคราฟต์เบียร์ดีกรีแรง ๆ ซ่อมแซมใจดวงน้อยสักหน่อย
“ฉันอุตส่าห์ทำขนมอร่อย ๆ ไปฝากพี่พีชทุกวัน ส่งข้อความไปบอกฝันดีก่อนนอน ส่งไปอรุณสวัสดิ์ทุกเช้าทำมาตั้งสามเดือนเต็ม ๆ ตามที่โค้ชความรักบอกทุกอย่าง แต่ไม่เห็นพี่พีชจะไม่รับรักฉันเลยน่ะ ฮือ…ฉันมันขี้เหร่ขนาดนั้นเลยเหรอกิ๊ฟ” เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้ม กระจับปากนิด จมูกหน่อย ดวงตากลมโตเหมือนลูกกวางอย่างเฌอรินทร์ยังห่างไกลจากคำว่าขี้เหร่ยิ่งนัก แถมไม่ประสีประสากับความรักเพราะไม่เคยมีแฟนเลยสักคน
“ความรักไม่ใช่สูตรบลูเบอร์รี่ชีสเค้กสักหน่อย แกก็ซื่อเกินนะไอ้แตม ดูซิ! กระหน่ำส่งข้อความไม่พอยังตามไปจ๊ะเอ๋เขาที่ห้องเรียนอีก พี่เขาไม่ว่าแกเป็นพวกโรคจิตก็ดีแค่ไหนแล้ว” เพื่อนสาวเคยเตือนจนปากจะฉีกถึงหูหยิบเม็ดมะม่วงอบมาเคี้ยวแทนการกระดกเบียร์
“ฉันเกิดมาตั้งสิบเก้าปียังโสดอยู่เลยจะมีคนรู้ใจสักคนทำไมมันยากจังวะแก”
“ก็แกสเปคสูงไงอีเฌอแตม พี่พีชเป็นทั้งเดือนคณะ เป็นนักกีฬามหาลัย เรียนก็เก่ง แถมเป็นผู้แทนนิสิตแข่งโต้วาทีระดับประเทศอีก ไม่ต่างจากจีบเทวดาเลยนะ เขาคงยอมลดตัวลงมาอยู่หรอก”
“ใคร ๆ ก็อยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองไม่ใช่เหรอกิ๊ฟ ฉันเลือกพี่พีชมันผิดตรงไหน” เฌอรินทร์แก้มแดงก่ำ ตาเริ่มปรือเยิ้มแต่ดูท่าจะไม่รามือง่าย ๆ
“แกไม่ผิดหรอกแค่เขาไม่เลือกแกเฉย ๆ ทำใจเถอะที่ผ่านมาได้เป็นแค่คนคุยก็นับว่าบุญโขแล้วนะ” แค่คนคุย? พูดงี้เอามีดมาแทงกันเลยดีกว่า
“ฮือ~ ฉันไปชอบใครเขาก็ไม่ชอบฉัน เขามาชอบเราเราก็ไม่ชอบเขาเหมือนกัน…ความรักนี้มันประหลาด ปัดโธ่สิพับผ่า~” คนอกหักแหกปากร้องเพลงแบบเพี้ยนคีย์ไปพร้อมกับดนตรีสด
4 ชั่วโมงต่อมาเฌอรินทร์ถูกพามาส่งถึงบ้าน
“งืม ๆ พี่พีชไม่รับรักแตมจริง ๆ เหรอ” เธอตาปรือเยิ้ม ยืนเกาะรั้วส่งเสียยานคางได้สักพัก จู่ ๆ ก็เกิดอารมณ์คึกอยากวิ่งออกกำลังกายกลางดึกซะอย่างงั้น ร่างเล็กวิ่งฝ่าความมืดสลัวมุ่งไปยังพื้นที่รกร้างท้ายหมู่บ้านซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าแม่ต้นไทรที่คนระแวกนั้นให้ความนับถือเป็นอย่างยิ่ง
ที่สำคัญจะเฮี้ยนมากเป็นพิเศษในคืนจันทร์เพ็ญ
ต้นไทรลำต้นหนาขนาดสามคนโอบรายล้อมไปด้วยชุดไทยหลากสีที่คนนำมาแก้บน บรรยากาศยามดึกวังเวงน่ากลัวยิ่งนัก เฌอรินทร์ที่ถูกฤทธิ์แอลกอฮอล์ครอบงำได้ล้มตัวลงนั่งตรงโคนต้นไทรที่เต็มไปด้วยเครื่องเซ่นไหว้ เอนศีรษะแนบชิดกับศาลไม้แล้วพร่ำเพ้อถึงความรักที่ไม่สมหวัง หนำซ้ำยังหยิบตุ๊กตานางรำมาถือเล่นอีกต่างหาก
“อู้หู! พระจันทร์ดวงเบ่อเร่อเลย เสียดายจังเราไม่มีโอกาสได้ดูพระจันทร์เคียงข้างพี่พีช ฮือ~ เฌอแตมคนอาภัพรักแห่งทียู”
เธอนั่งเหม่อลอยอยู่เกือบชั่วโมง ก่อนจะฉุกคิดได้ว่าวันพรุ่งนี้มีธุระสำคัญเลยพยุงร่างปวกเปียกลุกขึ้น ชั่ววูบหนึ่งมีความคิดพิเรนท์ขึ้นมาจึงฉวยชุดไทยสไบสีแดงที่แขวนอยู่มาสวมทับแล้วเดินโซเซกลับบ้าน
ด้วยเหตุนี้กลุ่มไลน์หมู่บ้านก็ลุกเป็นไฟช่วงเช้ามืด
ก๊อก ๆ ๆ ๆ ๆ
“แตมเอ๊ย แตมตื่นเร็ว ตื่นเดี๋ยวนี้นะ” มาริสาเคาะประตูเรียกอยู่นานถึงพบว่าห้องไม่ได้ล็อค พอผลักเข้าไปแทบจะเป็นลมล้มตึง ทั้งกลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนแสบจมูกลอยมาเตะจมูก ทั้งชุดประหลาด ๆ ที่สวมอยู่นั่นอีก ไม่แปลกที่เพื่อนบ้านจะลือว่าเด็กบ้านนี้โดยผีเข้าเพราะใส่ชุดไทยมาเดินเล่นกลางดึก
“ไอ้แตมตื่นได้แล้ว นี่ไปเอาสไบที่ไหนมาใส่ล่ะเนี่ย!” นางตะโกนสั่นแล้วเขย่าปลุกลูกสาวจอมขี้เซาให้ตื่น “ตื่นมาคุยให้รู้เรื่องเลยนะยายแตม เมื่อคืนไปทำอะไรมา”
เฌอรินทร์งัวเงียลุกขึ้นนั่ง อ้าปากหาวกว้าง เอี้ยวตัวบิดขี้เกียจไปพลางเหมือนจะจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน
“อะไรอะแม่ นี่แค่สิบโมงกว่าเองนะ จะรีบมาปลุกแตมทำไม”
“ก้มดูตัวเองก่อนสิจำได้มั้ยว่าไปทำอะไรมา ไหนบอกจะไม่เมาไง นี่กลิ่นเหล้าหึ่งเลย”
“เบียร์หรอกนะไม่ใช่เหล้า คราฟต์เบียร์รสผลไม้ด้วยอร่อย” ยังอีก…ยังจะมาตีเนียนเปลี่ยนเรื่องอีก
“เออจะอะไรก็ช่าง บอกแม่มาว่าเอาชุดไทยบ้า ๆ นี่มาจากไหน” มาริสาชี้ย้ำ ๆ บนไหล่เฌอรินทร์พลางสังหรณ์ใจแปลก ๆ ตอนนั้นเองมีคนแจ้งในไลน์ว่าชุดไทยแก้บนที่ศาลต้นไทรหายไปหนึ่งชุดพร้อมกับส่งรูปมาให้ดู
เฌอรินทร์เห็นภาพและคลิปจากกล้องวงจรปิดก็หน้าซีดเผือดทันควัน
คนเป็นแม่โกรธจนปากสั่น พอตั้งสติได้ลากลูกสาวจอมแก่นไปขอขมาเจ้าแม่ต้นไทรพร้อมของเซ่นไหว้ชุดใหญ่
ทว่าน่าจะสายเกินแก้
เพราะป้าข้างบ้านเห็นผู้หญิงผมยาวสวมชุดไทยเดินอยู่ในห้องนั่งเล่นของบ้านเธอ หมาที่เลี้ยงไว้กับหมาจรจัดยังส่งเสียงเห่าแปลก ๆ สลับกับหอนตั้งแต่เช้ามืด
‘ใส่สวยดีนะ…นี่มีอีกตั้งหลายชุด…ไปอยู่ด้วยกันมั้ย…ไปใส่ชุดสวย ๆ ด้วยกันนะอีเด็กเปรต’ เจ้าชุดสไบสีแดงกับแรงอาฆาตที่ไม่น่าหยุดแค่การขมาลาโทษ
“ตีโต้มันเห่าอะไรตรงมุมห้องน่ะ ลากมันออกมาไว้ข้างนอกเลยแตม เราต้องไปกันแล้ว” เธอลากเจ้าเฟรนด์บูลด๊อกของพี่ชายผู้ล่วงลับไปไว้นอกบ้านแล้วเดินแบบไม่เร่งรีบไปขึ้นรถ ถ้าไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายวูบจนเข้าไอซียูก็คงไม่ตามไปเป็นแน่
สำหรับพ่อกับแม่การไปเยี่ยมเยียนธามไทจึงไม่ต่างจากเยี่ยมญาติคนหนึ่งแต่ไม่ใช่กับเฌอรินทร์ เธอลับฝีปากมาจากบ้านเตรียมเทศนาคนไม่ดูแลหัวใจเต็มที่ ยิ่งตอนนี้เฮิร์ทเรื่องความรักอยู่ด้วย
รับรองสำนึกผิดแทบไม่ทันแน่
การจราจรบนทางด่วนช่วงบ่ายวันหยุดสุดสัปดาห์คล่อองตัวดีสลับติดขัดบ้างเป็นบางจุด แต่ไม่นานนักทั้งสามก็มาถึงที่หมายพร้อมกระเช้าผลไม้ใบใหญ่
“ชั้นสิบ…ห้องหนึ่งศูนย์หนึ่งศูนย์ ห้องนี้เองเราถึงแล้ว” วิชิตกระชับหูตระกร้าเยี่ยมไข้ในมือ เคาะห้องส่งสัญญาณ ก่อนเลื่อนเปิดประตู
เตียงคนไข้ว่างเปล่าเหมือนจะมีญาติเฝ้าไข้แค่คนเดียว เธอชื่อนันทิยาพี่สาวคนโตของธามไทที่ปัจจุบันรับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัว
“อ้าว สวัสดีค่ะ คุณอาวิชิตไม่เห็นต้องลำบากเลย หลินเกรงใจจัง” สาวหมวยหน้าเก๋ละสายตาจากไอแพดมาต้อนรับแขก
“ไม่ลำบากอาเลยน้องหลิน บ้านอาเต็มใจเสมอจ้ะ” มาริสาช่วยเสริมพลางสะกิดศอกให้ลูกสาวพยักหน้าเห็นด้วยตามมารยาท แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเธอไม่เต็มใจสักเท่าไหร่
“เชิญคุณอากับน้องแตมนั่งพักก่อนนะ เดี๋ยวมาทานผลไม้กันค่ะ”
“อิคคิวไปตรวจร่างกายเหรอน้องหลิน” วิชิตถาม
“เปล่าค่ะ เขาอยู่ที่ระเบียงค่ะ คิว…บ้านคุณอาวิชิตมาเยี่ยมน่ะ เข้ามาได้แล้ว” พี่สาวเรียกหาก่อนขอตัวไปปอกผลไม้
“ครับ...เจ๊หลิน” เสียงทุ้มต่ำขานรับจากระเบียง
กริมริปเปอร์รับรู้ได้ว่ามีอมนุษย์รวมด้วยน่าจะเป็นภูตผีระดับสิงสู่มาพร้อมความพยาบาทรุนแรงกับใครบางคน
‘ไม่ใช่ธุระข้าสักหน่อย’ นัยน์ตาสีโลหิตเปลี่ยนเป็นสีดำ ได้เวลาสวมบทบาทเป็นธามไทอีกครั้ง
ในเวลานั้นเฌอรินทร์ละสายตาจากโทรศัพท์และบ่ายหน้าไปตามเสียงจากระเบียงโดยไม่ได้ตั้งใจ…เจ้าของความสูง 184 เซนติเมตรที่เดินผ่านประตูมาเงียบ ๆ เหมือนเท้าไม่สัมผัสพื้น โครงหน้าคมสันกรามชัด ผิวสีแดงเลือดฝาดมาแทนที่ความซีดเซียว ดวงตาเคยเต็มไปด้วยแววขี้เล่นกลับดูเรียบนิ่งน่าดึงดูดอย่างบอกไม่ถูก แผ่นหลังที่เคยงองุ้มไหล่ห่อตอนนี้กลับยืดตรงเผยให้เห็นบ่ากว้างรับกับเอวสอบและช่วงขายาวได้สัดส่วน
คาดไม่ถึงว่าผู้ชายที่ตัวเองเหม็นขี้หน้าจะดูดีได้ถึงเพียงนี้จนไม่อาจละสายตาจากเขาได้ นาทีนั้นคนถูกมองก็หันมาประสานสายตากับเฌอรินทร์
ความทรงจำจากร่างเดิมบอกว่า…เธอคือน้องสาวของผู้บริจาคหัวใจและไม่ชอบหน้าธามไทนัก แต่ก็ไม่ใช่ธุระที่จะต้องไปหาคำตอบ
“เฌอแตมเหรอ” ธามไทเรียกชื่อเฌอรินทร์…แล้วอีกตนคือตัวอะไร!
อมนุษย์ห่มสไบสีทองอร่ามตัดกับผิวที่เปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ ผมยาวปลิวสยายพาดผ่านหน้า ขณะจ้องเขม็งตอบด้วยดวงตาแดงก่ำแฝงความท้าทาย ทันทีที่กริมริปเปอร์เชิดหน้าแล้วโค้งยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่
กรี๊ดดดดดดดด
เจ้าแม่ต้นไทรหวีดร้องเสียงแหลม พุ่งตัวเข้าใส่เทวฑูตแห่งความตายทันที!