แขกที่ไม่ได้รับเชิญ

1726 Words
‘พอถึงบ้านแล้วให้จุดธูปสักการะเจ้าที่และเทพเจ้าในบ้านแล้วอธิษฐานจิตให้ท่านช่วยปกป้องดูแลครอบครัวคุณ เสร็จแล้วก็ใช้กิ่งหลิวจุ่มน้ำมนต์แล้วพรมตามขอบหน้าต่างกับธรณีประตูทุกบานในบ้าน ส่วนยันต์ให้ติดคู่กับกระพวนปลุกเสกไว้เหนือประตูทางเข้าที่เป็นประตูหลัก ถ้ามีภูตผีปีศาจผ่านมากระพวนจะส่งเสียงและยันต์จะทำให้มันผ่านประตูมาไม่ได้…’ อาหญิงคับข้องใจจนต้องพึ่งพาไสยศาสตร์และทำตามคำทุกขั้นตอนอย่างถึงขั้นปีนขึ้นไปติดยันต์ด้วยมือตัวเองเลย หล่อนมั่นใจว่าแววตาคู่นั้นไม่ใช่หลานชายอย่างแน่นอน แต่พูดไปใครจะเชื่อเลยต้องหาทางพิสูจน์ให้เห็นโดยทั่วกันในวันที่ธามไทกลับมาบ้าน “พรุ่งนี้แล้วสินะ รีบมาเลยคิว โกจะมารอรับด้วยตัวเองเลย” ศิรินญากอดอกชื่นชมผลงานด้วยความภาคภูมิใจได้ไม่นาน พี่สะใภ้ผู้ทำหน้าที่ดูแลอาม่าก็ตรงเข้ามาพร้อมยัดแบงก์สีเทาใส่มือให้หลายใบ “อาบุ้ง ๆ อาม่าให้บอกให้บุ้งไปซื้อปลาเต๋าเต้ยให้หน่อย แกบอกเอาตัวโต ๆ สด ๆ เงินเท่านี้ซื้อได้เท่าไหร่ก็เอาเท่านั้น” “อ้าว! ทำไมม่าต้องมาใช้บุ้งด้วยละกิ๋ม ทำไมไม่ให้แม่บ้านไปซื้อ” นั่นสินะ ทำไมต้องเป็นธุระหลานคนเล็กด้วย “แกบอกให้ไปซื้อซูเปอร์มาร์เก็ตที่พารากอนเท่านั้น แกอยากได้แบบพรีเมียมน่ะแล้วมีบุ้งคนเดียวที่ซื้อเป็น อืม…ก็ตามนั้นนะ เดี๋ยวเจ๊ไปต้มยาให้อาม่าก่อน…” คนมาวานเดินจากไป คนถูกไหว้วานถอนหายใจแรงต้องจำใจทำอย่างเสียไม่ได้ เดิมทีศิรินญาแค่ซื้ออาหารสดเกรดภัตรคารมาเอาใจอาม่า พออาม่าชิมแค่คำเดียวก็หันมาชมยกใหญ่ว่าเลือกแต่ของดี ๆ มา ก่อนจะยกปลาเต๋าเต้ยซึ่งซีอิ๊วทั้งจานให้เหลนชายทั้งสองไป คนซื้อก็ได้แต่นั่งยิ้มเจื่อนกลางวงอาหาร ครั้งนี้รู้เลยว่าปลาเต๋าเต้ยจะซื้อมาเตรียมไว้ให้ใคร แต่หล่อนคิดในแง่ดีว่าซื้อไปเถอะสุดท้ายธามไทก็ไม่ได้กินอยู่ดี ‘พรุ่งนี้บุ้งลางานหนึ่งวันนะคะ พอดีจะพาอาม่าไปหาหมอ’ มันน่าตื่นเต้นขนาดไหนจนต้องขอลางานเลยทีเดียว …………………….. “ละทิ้งเท่ากับตาย หึ! แต่เจ้าตายไปแล้วไอ้ลูกเจี๊ยบ” กริมริปเปอร์พูดกับเงาสะท้อนบนกระจก ก่อนสวมเสื้อยืดสีฟ้าอ่อนลายโดราเอมอนมาสวมทับร่างที่ดูกำยำขึ้นกว่าเดิม ทั้งแผงอกกว้างจนถึงหัวไหล่และต้นแขนหนาจนเห็นเป็นมัดกล้ามเรื่อยมาจนถึงแนวซิกแพคราง ๆ บนหน้าท้องที่เป็นเช่นนี้ได้เพราะพลังอมนุษย์ระดับเทวฑูต แม้จะน้อยนิดแต่ล้นเหลือพอที่จะซ่อมแซมร่างนี้ให้แข็งแรงเหมือนไม่เคยเป็นมาก่อนได้ ยกเว้นรอยแผลผ่าตัดที่ยังต้องคงไว้เพื่อไม่ให้ผิดสังเกตุ ธามไทสางปอยผมปรกหน้าผากขึ้นเล็กน้อย สำรวจความเรียบร้อยแล้วเดินออกจากห้องน้ำ “กลับถึงบ้านแล้ว คิวไปกอดอาเหล่าม่าก่อนเลยนะลูก แกบ่นหาคิวทั้งวันเลย” มารดาหันมาพูดด้วยรอยยิ้ม ขณะหันมากำชับให้ลูกชายคาดเข็มขัดนิรภัย หลังจากคืนนั้นที่หน้าห้องฉุกเฉินอาเหล่าม่าก็ได้แต่นอนอยู่บ้านอย่างเดียวเนื่องจากร่างกายอ่อนล้าจนไปไหนต่อไม่ไหว แต่โชคยังดีตรงที่ทานข้าวได้บ้างเพราะเห็นหน้าเหลนผ่านวิดีโอคอล “ครับม้า” “ส่วนเรื่องสอบของคิว ไม่ต้องกังวลไปนะ ป๊าไปคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาให้แล้ว เดี๋ยวท่านจะนัดวันสอบให้ คิวจะได้ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่” วรพลมองหน้าเรียบนิ่งของลูกชายผ่านกระจกมองหลัง “ครับป๊า” “เสียดายจังเนอะเฮียที่วันนี้เป็นวันธรรมดา ทุกคนต้องไปเรียนไปทำงานกันหมดเลยไม่ได้มารับเจ้าคิว” สุรีย์พรหันไปคุยกับสามีที่พยักหน้าเห็นด้วย “เอาน่าอาผิง เดี๋ยวก็เจอกันตอนเย็น นี่คิวรู้มั้ยเหล่าม่าให้โกบุ้งซื้อปลามาเตรียมไว้ทำเมนูโปรดของเราเลยนะ เราก็อย่าลืมไปขอบคุณโกบุ้งด้วยล่ะ วันนี้แกอุตส่าห์หยุดงานมารอทำกับข้าวให้คิวเลย” “ได้รับป๊า” ธามไทตอบรับโดยไม่มีข้อโต้แย้ง แม้ภาพจำจะชัดเจนว่าผู้หญิงคนนั้นเหม็นขี้หน้าร่างเดิมขนาดไหน แต่…สั่งอะไรมาก็ทำตามไปเถอะเพราะอีกไม่นานก็เป็นอิสระ ทั้งสามใช้เวลาเดินทางเกือบหนึ่งชั่วโมงจนถึงสถานที่ที่เรียกว่าบ้านที่ตั้งอยู่ย่านเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ มันใหญ่โตเหมาะกับครอบครัวใหญ่และมีพื้นที่กว้างขวางสมฐานะเถ้าแก่เซียงกง ทั้งทีที่เห็นกำแพงบ้านกริมริปเปอร์สัมผัสได้ว่าสถานที่แห่งนี้มีอมนุษย์สิงสถิตอยู่มากมาย ตั้งแต่วิญญาณที่มีความอาลัยอาวรณ์ เทวดาผู้ปกปักษ์รักษาและ…หลายตนที่มีพลังแก่กล้าจากการสรรเสริญภาวนา เทวฑูตแห่งความตายรวบมือยาวเป็นกำปั้นหนา หรี่ตาลงปลายตามองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง เมื่อศิรินญาเห็นพี่ชายกับพี่สะใภ้ลงจากรถยนต์ ก็ปรี่มาเปิดประตูรอแล้วถอยเข้าไปยืนนในบ้าน ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปวีดิโอ อีกไม่กี่อึดใจก็จะจุดสกัดภูตผีแล้ว “เฮียกลับมาแล้วเหรอ” “อ้าว บุ้งเองเหรอ ทำไมวันนี้เปิดประตูอ้าซ่าเลย ลมมันเย็นเหรอ ฮ่า ๆ” สองสามีภรรยาหัวเราะร่วนแล้วผ่านเข้ามาได้ตามปกติ แต่ลูกชายไม่ตามเข้ามาด้วย “คิวทำไมไม่เข้าบ้านล่ะ ข้างนอกร้อนจะตาย เข้ามาเร็ว” อาหญิงเห็นเช่นนั้นก็รีบตะโกนแล้วกวักมือเรียก วินาทีเดียวกันก็มีเสียงกุ๊งกิ๊งแว่วลอยมาตามสายลม “คิวยืนรออะไรล่ะลูก มาเร็วสิ อุ๊ย! บุ้งดึงแขนเจ๊ทำไมล่ะ…ปล่อยสิ” สุรีย์พรกำลังจะเดินออกไปหาแต่ถูกรั้งไว้ก่อน “รอก่อนสิเจ๊” ที่ยังเข้ามาไม่ได้ก็เพราะ... กลางโถงทางเดินข้างหลังมนุษย์ทั้งสามปรากฏร่างบุรุษใบหน้าสีแดงชาด ไว้หนวดเคราสีดำขลับยาวถึงอก สวมชุดเกราะนักรบจีนยุคโบราณ มือข้างหนึ่งถือง้าวเล่มใหญ่เป็นอาวุธประจำกายกำลังจ้องเขม็งมายังแขกที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาดุดัน กริมริปเปอร์ในร่างธามไทกดคางลงเล็กน้อยแล้วจ้องตอบอย่างไม่เกรงกลัว ทันทีที่ชายหนุ่มแย้มริมฝีปากเยาะเย้ยพร้อมย่างเท้าไปข้างหนึ่งก้าวนั้น… “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละเจ้าผีร้าย มาจากไหนก็ไปทางนั้น เจ้าเข้ามาที่นี่ไม่ได้!!!” ผู้เทพปกปักษ์รักษาตะคอกเสียงดัง กระทุ้งด้ามง้าวลงพื้นอย่างแรง ภพมนุษย์นิ่งสนิทไปในฉับพลัน กริมริปเปอร์แยกตัวเผยร่างที่แท้จริงให้เห็นเป็นขวัญตา แม้จะเป็นชายหนุ่มรูปงามสุดแสนเย็นชาในอาภรณ์สีดำสนิท ในมือมีเคียวยมฑูตสีเงินวาววับช่างน่าเกรงขามสมกับเป็นเทวฑูตจากโลกันต์ “ข้าไม่ใช่ภูตผีชั้นต่ำ ข้าคือยมฑูตมีนามว่ากริมริปเปอร์ ส่วนนามของเจ้าก็ไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องรับรู้” แขกไม่ได้รับเชิญดวงตาเปลี่ยนเป็นสีเพลิง แม้จะรู้อยู่แล้วว่าเทพเจ้าองค์นั้นนามว่ากวนอู “หึ! ที่นี่ไม่ใช่ที่ของยมฑูต รีบไสหัวไปเสีย” “หากไล่ข้าไปไอ้มนุษย์นี้ก็จะเป็นก้อนเนื้อไร้ค่า เพราะมันตายไปแล้ว!” “มนุษย์จะเป็นอยู่หรือตายก็มิใช่กงการของเทพเจ้า ข้ามีหน้าที่ปกปักษ์ดูแลคนตระกูลนี้ เจ้ามีกลิ่นไอความอัปมงคลรุนแรงยิ่งนัก จงไสหัวไปเสียอย่าหาว่าข้าไม่เตือน…” เทพกวนอูชี้ปลายง้าวใส่กริมริปเปอร์ “แต่ข้าได้กลิ่นความอาดูรโศกเศร้า หากไอ้ลูกเจี๊ยบนี้ตายไปจริง ๆ บ้านหลังนี้จะมีทั้งมนุษย์ที่ตรอมใจตายและตายทั้งเป็นมากกว่าสามคน เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าก็ไม่สามารถรักษาชีวิตใครได้!” “บังอาจนัก! ไม่มีภูตผีตนใดต่อรองกับข้ามาก่อน!” “ข้ามิใช่ภูตผี ข้าคือเทวฑูตแห่งความตายและข้าก็มิได้ด้อยกว่าเจ้า!” แต่สภาพของเขาไม่ต่างจากเสือโคร่งไร้เขี้ยวเล็บ กริมริปเปอร์รู้ดีกว่าพลังที่มีอยู่ไม่พอที่จะสู้รบตบมือกับเทพารักษ์ที่พลังแก่กล้าถึงเพียงนี้ แต่จะให้ยอมจำนนก็จะขัดกับความหยิ่งผยองของตนเอง หากอีกฝ่ายเอาจริงขึ้นมาดวงจิตคงสลายชั่วนิรันดรเป็นแน่ ไม่ทันขาดคำ เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ถลึงตาโตน่ากลัว พุ่งง้าวคู่กายตรงมายังผีร้ายนัยน์ตาสีแดง กริมริปเปอร์เอี้ยวตัวหลบได้หวุดหวิดพอสบโอกาสก็เหวี่ยงเคียวยมฑูตเข้าใส่หมายจะฟาดฟันง้าวโบราณให้หักสองท่อน ทว่าสิ่งที่แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ กลายเป็นอาวุธของตนเอง “เป็นไปไม่ได้!” กริมริปเปอร์ขบกรามแน่นปล่อยพายุแห่งโทสะเข้าครอบงำจนลืมไปว่าพลังยังอ่อนแอยิ่งนัก หากฝืนเค้นมากจนเกินไปจิตก็ดับสูญได้เช่นกัน “ไม่ไหว พลังข้ามีไม่พอจริงด้วย” ง้าวเล่มใหญ่เหนือลอยอยู่กลางอากาศพร้อมจะจวงแทงยมฑูตตนนั้นกำลังรอคำสั่งผู้เป็นนาย “ข้าเตือนเจ้าแล้วนะเจ้าผีร้าย จงแตกดับไปเสีย!” เทพกวนอูคำรามดัง ทำท่าเงื้อมือขึ้นเหนือศีรษะและฟาดลงมาเต็มแรง… เพียงพริบตาเดียวมีแสงสีทองอร่ามก็สว่างวาบขึ้นตามด้วยกลีบดอกบัวนับพันกลีบมาเป็นกำแพงปกป้องภูตแปลกหน้าจากคมอาวุธไว้ได้ทัน “หยุดก่อนท่านกวนอู โปรดละเว้นบุรุษอาภรณ์สีกาฬนี้ไว้ก่อนเถิด” พระโพธิสัตว์อาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ประทับยืนบนดอกบัวได้ปรากฏกายขึ้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD