ตอนที่ 5 หลักฐานชัดเต็มตา

1173 Words
“เด็กน้อย ฉันฆ่าเธอได้ง่ายเพียงนิดเดียว ถ้าฉันจะทำ…ตัวแค่นี้ เอาศพไปโยนทิ้งริมป่าให้สัตว์มันแทะกินเล่น ๆ” ปากพูดขู่ มือก็ลูบคลำลำคอเธอแผ่วเบา ก่อนจะลากลงมาเรื่อย ๆ จนถึงบริเวณหน้าอกของเธอ             “อย่า...” นรีรินเอ่ยประท้วงออกมา ความรู้สึกกลัวจับใจมันเป็นแบบนี้นี่เอง เธอเคยรู้จักเขาเมื่อตอนเป็นวัยรุ่นรู้สึกทั้งเกลียดทั้งกลัว แต่เทียบไม่ได้เลยกับความรู้สึกตอนนี้ เขาเหมือนไม่ใช่คน เป็นพญามัจจุราชที่สามารถเอาวิญญาณเธอไปได้เลย             “เธอจะพูด หรือไม่พูดเลือกเอา” มือหนาใหญ่กระชากกระดุมเสื้อชุดนอนเธอหลุดทั้งแถบ อย่างไม่มีความปราณีใด ๆ             “ก็บอกนายสิงห์แล้วว่าเงินรินกับพ่อ” เธอตอบปากคอสั่น             “ได้!!” ภูสิงห์จับตัวหญิงสาวที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยลากไปยังหน้าต่างที่ปิดสนิท ก่อนจะผลักเปิดออก และกดหัวเธอลงไปตรงขอบหน้าต่าง นรีรินหลับตาปี๋ด้วยความตื่นกลัว ในใจเตรียมรับความเจ็บปวด             “ลืมตาดู นี่มันอะไร” เสียงเขาดังอยู่เหนือหัวเธอ             นรีรินลืมตามองในจุดที่เขาจับหัวเธอจ่อไว้ รอยหยดสีดำคล้ำจุดเล็ก ๆ เธอมองด้วยความงุนงง พยายามคิดว่าเขาให้ดูทำไม ต้องการอะไร   เธอเดาใจเขาไม่ออก จึงเงยหน้าขึ้นสบตาเขาด้วยสีหน้าฉงนผสมกับอาการตื่น ๆ             “จุดสีดำ??”             “เลือด” สิ้นคำของนายสิงห์ นรีรินหน้าซีดเผือด             เลือด!!             พี่เชนหรือเปล่า เขาเป็นอะไร ทำไมไม่บอกเธอ           ใช่แล้ว เขาไม่ยอมให้เธอเปิดไฟ ไม่ยอมให้เธอกอด ต้องเป็นเลือดเขาแน่           “เลือดเหรอนายสิงห์” นรีรินยกหัวขึ้นอย่างรวดเร็ว จ้องมองใบหน้านายหนุ่มที่อยู่ห่างจากใบหน้าเธอแค่คืบเดียว             “ใช่ ถ้าเธอไม่ยอมบอกว่าเงินนั่นเป็นของใคร ฉันก็มีวิธีจัดการจนเธอต้องมาอ้อนวอนขอร้อง อยากลองไหม??” ภูสิงห์ให้โอกาสผู้ร้ายปากแข็ง อย่างที่ไม่เคยให้โอกาสใครมาก่อน อาจจะเพราะสีหน้าที่เธอแสดงออกมาเหมือนไม่รู้เรื่องจริงๆ หรืออาจจะเป็นเพราะเขาเคยมีเรื่องติดค้างกับเธอตั้งแต่วัยเด็ก จึงให้โอกาสเธอ แค่เพียงครั้งเดียว             “นายบอกว่าโจรเหรอ ที่เข้ามาในไร่ หมาย..ความว่าไง” นรีรินเริ่มสงสัยแล้วว่าจะเกี่ยวกับพี่ชายของเธอหรือไม่             “ใครเข้ามาในห้องนี้ ก่อนหน้าฉัน” เขาไม่ตอบคำถามเธอ แต่เอ่ยถามในสิ่งที่นรีรินฟังแล้วก็รู้สึก หวั่นกลัว             “เอ่อ...เอ่อ” ความกล้าที่มีในตอนแรกหายไปแทบไม่เหลือ             “พูด!!” เขาตะคอกใส่ จนสติเธอแทบจะบินหนีหายไป หัวใจก็ร่วงไปอยู่ตาตุ่มเรียบร้อย             “พี่... พี่เชน” นรีรินตอบออกมาตามจริง             “พี่เชนแวะมาหารินแป๊บเดียวก่อนจะไป นายสิงห์จะมาหาว่าเป็นขโมยไม่ได้นะ พี่เชนไม่ใช่คนแบบนั้น” เธอรีบชี้แจงให้เขาฟัง             “เหอะ เธอเอาอะไรมามั่นใจ เจอกับไอ้เชนบ่อยแค่ไหนถึงจะรู้สันดานมัน”             “นายสิงห์ พี่เชนเป็นคนยังไงรินย่อมรู้ดี เพราะเราเป็นพี่น้องกัน” เธอจ้องหน้าเขา ไม่พอใจเล็กน้อย หลงลืมความกลัวไปชั่วขณะ             “เดี๋ยวเธอก็รู้ คราวนี้บอกได้หรือยังว่าเงินนั่นเป็นของใคร”             “เอ่อ..พี่เชนให้รินกับพ่อ แล้วมันก็เป็นเงินของริน” เธอชี้แจงเสียงอ่อย ๆ             “ดี!!”             ภูสิงห์เดินกลับไปนั่งบนเตียง สายตาจ้องมาที่เธอบังคับให้เดินเข้าไปหา เธอได้แต่รวบสาบเสื้อไว้แน่นเพราะตอนนี้ไม่มีกระดุมซักเม็ดให้กลัดเสื้อ จึงมองหาตัวช่วยก่อนจะมองเห็นผ้าเช็ดตัวแขวนอยู่ใกล้ตู้เสื้อผ้าขนาดเล็ก   จึงดึงมาคลุมตัวไว้ เพราะสภาพของเธอตอนนี้ไม่เหมาะที่นั่งคุยอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่กล้าขัดขืนหรือไล่เขาให้ออกไป             “นายสิงห์จะทำอะไรพี่เชน” เธอถามอย่างขลาด ๆ กลัวใจเขา             “เธอคิดว่ายังไงดีล่ะ จะเก็บมันไว้ หรือจะทำให้มันหายไปเลย”  เขาพูดเสียงเนิบ ๆ พร้อมกับหยิบเงินปึกนั้นขึ้นมาโยนเดาะเล่นในมือเขา  อย่างกำลังชั่งใจ             “นายจะทำแบบนั้นได้ยังไง ในเมื่อนายยังไม่รู้เลยว่าพี่เชนเป็นขโมยจริงหรือเปล่า แล้วไปขโมยอะไรของนาย” เธอปกป้องพี่ชายของตนเองก่อน กลัวคนที่ได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมจะตัดสินใจทำอะไรโดยไม่ฟังเหตุผล             “ไม่ใช่เรื่องของเธอ สิ่งที่เธอต้องบอกคือไอ้เชนมันไปไหน”             “ไปทำงานกับเพื่อน อีกนานกว่าจะมาหา พี่เชนแวะมาบอกแค่นี้”             “ฉันจะคุยกับพ่อเธอ บางทีอาจจะคุยง่ายกว่าเธอก็ได้”             “อย่านะ!!” นรีรินรีบพูดออกมา เธอรู้ว่าพ่อรักราเชนมาก หากเรื่องนี้เลวร้ายจริง พ่อคงผิดหวังรุนแรง กับสิ่งที่พ่อพยายามบอกลูกๆ ซึ่งพวกเธอไม่ค่อยมีใครสนใจว่า เขาคือลูกของผู้มีพระคุณ ใช่แล้ว...นายใหญ่เป็นผู้มีพระคุณ ส่วนเขาไม่ใช่ และไม่มีวันใช่ หากไม่มีความจำเป็นพวกเธอก็ไม่มีวันเฉียดใกล้คนแบบเขาเด็ดขาด             ภูสิงห์กระชากแขนเธอขึ้นไปบนเตียง โดยไม่ทันตั้งตัว ใบหน้าเธอเกยอยู่บนหน้าตักเขาในสภาพล่อแหลม นรีรินรีบดีดตัวออก ยิ่งทำให้ผ้าเช็ดตัวที่เธอใช้คลุมตัวพันตัวเองแน่น เหมือนตัวจำอวดต่อหน้าเขา         ยิ่งอยากหนียิ่งพันหนักจนอยากร้องไห้ออกมา จะเฟอะฟะต่อหน้าใครก็ได้  แต่ต้องไม่ใช่คนบ้าคนนี้             เขาคงทนมองไม่ได้จึงกระชากผ้าเช็ดตัวดึงออกให้ หน้าตาหญิงสาวแดงกล่ำ ผมยุ่ง ยื่นหัวโผล่ออกมาหอบหายใจ ด้วยความที่เธอมัวแต่ยุ่งอยู่กับผ้าคลุม จึงไม่รู้ว่าแทบจะเปลือยกายส่วนบน หน้าอกอวบอิ่มโผล่ออกมาโชว์ต่อหน้าต่อตาภูสิงห์ โดยที่หญิงสาวไม่ทันรู้ตัว             “อย่าคิดใช้วิธีนี้กับฉัน” ชายหนุ่มจ้องมาที่เธอเขม็ง ไม่มองหน้าเธอแต่กลับมองต่ำลงไป             “ว้ายยย..” นรีรินรีบกอดอกตัวเองไว้แน่น และลนลานขยับถอยห่างจากเขา             “ตกลงจะบอกหรือยังว่าไอ้เชนมันไปหลบอยู่ที่ไหน”             “ไม่รู้..ค่ะ”             นรีรินยังเชื่อมั่นในตัวพี่ชายของตัวเอง ถึงแม้จะไม่เต็มร้อยก็ตาม ยังคงคิดปฏิเสธ เพราะเธอเชื่อว่า ภูสิงห์เคยโกรธเกลียดพวกเธอมาก่อน กำลังหาทางเล่นงานพี่ชายของเธอ คืนนี้เขาอาจจะเห็นว่าราเชนโผล่มาที่นี่จึงตามมา แล้วหยดเลือดที่เห็นนั่น ภูสิงห์หรือเปล่าเป็นคนทำร้ายราเชน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD