ตอนที่ 4 ตัวต่อตัวกับผู้ร้ายปากแข็ง

1131 Words
พวกเธออาศัยอยู่ในไร่ส้มภูลมอย่างมีความสุข จนถึงวันเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อนายใหญ่ป่วยหนัก ภูสิงห์ก็กลับมาอีกครั้งเวลาไม่นานนายใหญ่ก็เสียชีวิต ทุกอย่างในไร่จึงตกอยู่ภายใต้การบริหารของ     ภูสิงห์ ไร่ขนาดกลางที่ปลูกส้มจำนวนสองพันไร่ ส่งออกขายต่างประเทศเพียงอย่างเดียว เมื่อภูสิงห์เข้ามาดูแลบริหารจัดการไร่ส้มภูลมก็พัฒนาขยายใหญ่โตขึ้น มีการทดลองปลูกองุ่นและได้ผลดีจนต้องเพิ่มพื้นที่ปลูก รวมทั้งกาแฟอราบิกา อีกหลายร้อยไร่ ต้องยอมรับว่า ถึงแม้ภูสิงห์จะเป็นคนที่ไม่ควรเข้าใกล้หรือเสวนาด้วย แต่เรื่องงานก็เก่งพอๆ กันกับความร้ายกาจของเขา  ส่วนราเชน หลังจากเรียนจบม.ปลายก็ขอพ่อออกเดินทางไปกับเพื่อน เพื่อไปหางานทำ และก็หายเงียบไปไม่ส่งข่าวคราว จะติดต่อกลับมาบ้างก็นานเป็นปี บางครั้งยาวนานถึงสามปีสี่ปี นรีรินจึงอาศัยอยู่กับไพศาลสองคนพ่อลูกในไร่แห่งนี้อย่างสงบ จนวันที่ภูสิงห์กลับมาอีกครั้ง สังหรณ์ใจว่าความสงบสุขในชีวิตของเธอคงจะหมดสิ้นลงในอีกไม่นานนี้   “ถ้าไม่อยากเจ็บตัว...ถอยไป!!” ภูสิงห์รู้สึกรำคาญสายตาจึงผลักหญิงสาวให้พ้นทาง การรื้อค้นของเขาถ้ามัวแต่ชักช้าเสียเวลากับเรื่อง ไม่เป็นเรื่อง ดีไม่ดีไอ้หัวขโมยนั่นมันคงหนีไปไกลแล้ว ภูสิงห์เดินเข้าไปในห้องหญิงสาวเพียงลำพัง สายตากวาดมองรอบห้อง และเดินสำรวจทุกมุม โดยมีนรีรินเดินตามเข้ามาห่าง ๆ มองดูเขารื้อค้นของภายในห้อง เมื่อไม่พบอะไรเขาก็ขยับขาก้าวเดินไปสำรวจบริเวณริมหน้าต่าง พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นหยดเลือดเล็ก ๆ ที่แห้งติดขอบหน้าต่าง ขยับขาเดินเข้าไปใกล้และ     ยกมือขึ้นลูบดู จากนั้นก็เดินสำรวจต่อ ใบหน้าท่าทางภูสิงห์ยังเป็นปกติไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา เดินเกือบจะถึงเตียงนอนของหญิงสาว สายตามองเห็นเงินปึกใหญ่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งหัวคิ้วของเขา  ขมวดมุ่น เสียงหญิงสาวก็เอ่ยขึ้น “นายสิงห์หาอะไร” นรีรินยืนอยู่ไกลๆ เอ่ยปากถามด้วยความสงสัย “....” ภูสิงห์ยังคงเงียบไม่พูดอะไร หลังจากนั้นก็ก้าวเท้าออกไปจากห้องเธอ และส่งเสียงเรียกลูกน้องคนสนิทที่เดินสำรวจห้องอื่น วันนี้มาแปลกเข้ามาดูแล้วไม่โวย แต่เดินออกไปเงียบผิดวิสัยของนายสิงห์มาก นรีรินมองตามไปด้วยความสงสัย แกมโล่งอก ตอนเข้ามาเหมือนมั่นใจมากว่าสิ่งที่เขาต้องการจะต้องอยู่ในห้องนี้ แต่พอสำรวจห้องเธอจนทั่วกลับไม่พูดหรือเอ่ยอะไรออกมา หลังจากนั้นก็เดินออกไปเงียบๆ เขาต้องการอะไรกันแน่?? พลันหญิงสาวก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองวางเงินที่ราเชนให้ไว้บนโต๊ะ เครื่องแป้ง จึงรีบก้าวเท้าเข้าไปดู มองเห็นธนบัตรพวกนั้นยังวางอยู่ที่เดิม หรือว่าจะเกี่ยวกับเงินก้อนนี้ แต่ไม่น่าใช่ในเมื่อราเชนเป็นคนมอบให้ คงไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องตามหาโจรของภูสิงห์ เธอจึงหยิบเงินปึกนั้นเก็บไว้ในลิ้นชัก พร้อมกับล็อคกุญแจเรียบร้อย               เวลา 03.00 น.             ประตูไม้หน้าห้องเปิดออกช้าๆ ร่างสูงใหญ่เห็นเป็นเงาตะคุ่มกำลังเปิดเข้ามาภายในห้อง หญิงสาวที่เพิ่งเคลิ้มหลับไปไม่นานต้องสะดุ้งตื่น เมื่อมีบางอย่างมากดทับร่างไว้จนดิ้นไม่หลุด             “อื้อ อื้อ” เสียงอู้อี้ที่เปล่งออกมาด้วยความตื่นตระหนก วันนี้คือฤกษ์ดาวโจรหรือยังไง ทำไมมีแต่คนแอบเข้ามาในห้องของเธอ ทั้งที่ปิดหน้าต่างล็อคประตูอย่างดี แต่กลับเปิดเข้ามาได้ง่ายดาย             นรีรินตื่นกลัวจนตัวสั่น อาศัยอยู่ในไร่นี้มานานไม่เคยเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้มาก่อน หรือว่าจะเป็นเหมือนที่นายสิงห์บอก มีโจรบุกเข้ามาในไร่ แค่คิดก็รู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ความรู้สึกกลัวจับใจ เหงื่อเย็นไหลซึมตามแผ่นหลัง หญิงสาวเริ่มดิ้นรนขัดขืนด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี เธอขอสู้ตาย ถ้าเกิดมันจะข่มขืน ถึงตายก็ไม่ยอมให้ต้องอับอาย ขายหน้าผู้คน ในใจคิดถึงไพศาลขึ้นมา จะเป็นอย่างไรหากกลับมาเห็นเธอในสภาพเลวร้าย น้ำตาค่อยๆ ไหลซึมออกมา ไม่ได้!! นรีรินไม่ยอมแพ้ ขยับตัวดิ้นสุดแรงเกิด             “หยุด!!” เสียงขู่กดต่ำ ตะคอกใส่ ทำให้เธอชะงัก             เสียงคุ้น ๆ             “ถ้าไม่หยุด ฉันจะบีบคอเธอให้ตายสมใจ เอาไหม??”             “นะ..นายสิงห์” นรีรินเอ่ยออกมาตะกุกตะกัก เธอจำได้แล้วว่าเป็นใคร             “ใช่” เสียงตอบรับเพียงคำเดียว ก่อนที่เขาจะลุกออกไปจากตัวเธอ             ไฟสว่างขึ้นทั่วบริเวณห้อง นรีรินจ้องไปยังผู้ชายตัวโตที่ยืนนิ่งอยู่ภายในห้องส่วนตัวของเธอ สายตาเขาจ้องมองมาที่เธอโดยไม่เอ่ยอะไรออกมา แล้วเขาก็เดินตรงไปที่ลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งใกล้กับหัวเตียง    ราวกับรู้ว่ามีอะไรอยู่ในนั้น ดึงกระชากแรงๆ สองสามครั้ง ก่อนลิ้นชักอันเก่าแก่ที่เธอถนอมใช้มานานหลายปีจะหลุดออกมา และหยิบธนบัตรปึกใหญ่ที่อยู่ในนั้น ยื่นมาตรงหน้าเธอ             “เงินใคร??”             “เอ่อ..เงินของรินกับพ่อ” นรีรินเอ่ยออกมาในที่สุด             “ตอแหล ฉันถามว่าเงินของใคร” เสียงเข้มกดต่ำ สายตาหรี่มอง จนเธอรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ทั้งที่มั่นใจว่าตัวเองไม่ผิดอะไร แต่สายตาเขาที่มองมาบังคับให้เธอสารภาพความจริงตามที่เขาต้องการ             “เงินของริน” เงินนี้เป็นเงินที่ราเชนให้เธอกับไพศาลไว้ใช้ ฉะนั้นมันก็คือเงินของเธอแน่นอน             “ในเมื่อฉันให้โอกาสเธอพูด แล้วเธอไม่พูด ...” เขายื่นมือเข้ามาจับคอเธอเบา ๆ นรีรินขนลุกเกรียวด้วยความตื่นกลัว             เขาจะฆ่าเธอเหรอ             “นายสิงห์ จะ... จะทำอะไร” เธอไม่กล้าขัดขืน ได้แต่ส่งเสียงออกไป คิดถึงคำพูดที่คนงานให้ไร่เคยเล่าเรื่องความโหดร้ายของเขาให้ฟัง ภูสิงห์สามารถยิงโจรที่เข้ามาขโมยของในไร่ตายด้วยปืนนัดเดียวโดยไม่กระพริบตา ด้วยอายุเพียงสิบแปดปี แล้วตอนนี้เขาอายุสามสิบสองปี ความโหดเหี้ยมจะมากแค่ไหนไม่กล้าคาดเดา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD