ตั้งแต่วันนั้นผ่านไปเกือบหนึ่งเดือน รสรินก็ไม่ได้เจอกับชัยรัฐอีกเลย เธอไม่รู้หรอกว่าเขาจะมานั่งทานข้าวเช้าที่โรงอาหารเหมือนกิจวัตรเดิมๆ หรือเปล่า เพราะตอนนี้เธอเลี่ยงที่จะแวะโรงอาหารข้างตึกคณะของเขา และไปใช้บริการที่โรงอาหารกลางแทน
มาวินเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องในคืนนั้น ได้แต่คอยให้กำลังใจอยู่ห่างๆ และบอกเพื่อนๆ ว่าห้ามพูดถึงเรื่องนี้ให้เธอได้ยิน เพราะรสรินคงกำลังอยู่ในช่วงที่กำลังทำใจ และพยายามจะลืมชัยรัฐ ซึ่งทุกคนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
รสรินเองเธอเสียใจแต่ก็ไม่ได้อาลัยอาวรณ์ชัยรัฐมากถึงขนาดที่จะฟูมฟาย เพราะทั้งคู่ยังไม่ได้เป็นแฟนและยังไม่เคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน มันจึงทำให้เธอตัดใจได้ง่าย เธอเอาคำพูดของชัยรัฐมาคิดเรื่องมาวิน แต่เห็นว่ามาวินไม่ได้อาสามาช่วยดูแลแผลใจให้เธอตอนที่เธอเจ็บเหมือนผู้ชายทั่วไปทำกัน เธอเลยคิดเอาเองว่าชัยรัฐคงพูดไปอย่างนั้น
ซึ่งจริงๆ แล้วมาวินไม่อยากสารภาพรักในตอนที่เธอกำลังอ่อนแอเพราะคิดว่ามันไม่ยุติธรรมหากเขาจะฉวยโอกาสทำแบบนี้ และจะรอเวลาให้เธอเข้มแข็งกว่านี้เขาถึงจะบอกความในใจออกไป
รสรินนึกถึงการที่มาวินทำตัวติดกับเธอตลอดเวลา มาหาทันทีที่เธอเรียก ยอมเธอทุกอย่าง และคอยให้กำลังใจอยู่ข้างๆ เธอเสมอ มันทำให้เธออดประทับใจในสิ่งที่ผ่านมาไม่ได้ และคิดว่าหากมาวินรักเธอจริงเธอก็คงไม่ได้รังเกียจอะไร เพราะว่าทั้งคู่ชอบอะไรที่เหมือนๆ กัน อยู่ในชนชั้นกลางเหมือนๆ กัน และเธออยู่กับมาวินก็รู้สึกมีความสุขและสามารถปล่อยตัวตามสบายได้อย่างแท้จริง
“วันนี้สอบเสร็จ ดื่มฉลองกันที่ไหนดี” เพื่อนคนหนึ่งถามขึ้น เป็นนัยว่าอยากไปฉลองที่ร้านเหล้า
“ร้านหมูกระทะดีกว่า ง่ายดี” รสรินบอก เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มและอยู่หอพักในมหาวิทยาลัยถ้าจะให้ออกไปดื่มเหล้าก็กลัวว่าจะยาวแล้วกลับเข้าหอพักไม่ทันสี่ทุ่ม มาวินเองก็เห็นด้วย
“นานๆ ที ไม่เป็นไรหรอก กลัวกลับเข้าหอไม่ทันก็ไปนอนห้องฉันก่อนก็ได้ ฉันจะยกเตียงฉันให้แกกับแฟนฉันนอนด้วยกันเอง” เพื่อนอีกคนเสนอขึ้นมา
“พวกแกไปเถอะ ฉันไม่อยากไป” รสรินยืนยันคำเดิม
“เอาอย่างนี้ ไปกินหมูกระทะกันก่อน เสร็จแล้วใครจะไปต่อร้านเหล้า หรือซื้อไปกินที่ห้องก็ค่อยว่ากันอีกที” มาวินเสนอความเห็น ทุกคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับเขา
ทั้งสี่คนไปที่ร้านหมูกระทะห้องแอร์ที่รสรินอยากไป ดื่มกินกันอย่างสนุกสนานแล้วก็พบว่าชัยรัฐกับกลุ่มเพื่อนก็มาที่ร้านนี้เหมือนกัน
“กินกันเงียบๆ หน่อยนะพวกแก เห็นพวกไฮโซนั่นไหม มานั่งกินที่ร้านนี้เหมือนกัน เดี๋ยวเคี้ยวข้าวดังจะโดนเหยียดได้นะ” เพื่อนอีกคนพูดเล่นขึ้นมา มาวินสะกิดไว้กลัวแทงใจดำรสริน แต่ดูเหมือนว่ารสรินไม่ได้สนใจและไม่ปรายตามองไปทางนั้นเสียด้วยซ้ำ
“ฉันไม่ได้คิดอะไรแล้ว พูดตามสบาย” รสรินบอกแล้วทานหมูกระทะตรงหน้าไปตามปกติ
“เอาอะไรเพิ่มไหมฉันจะไปตักเพิ่ม” รสรินถามเพื่อนๆ
“งั้นฉันไปถือช่วย” มาวินอาสาแล้วลุกพารสรินเดินไปตักอาหาร
“ไหวไหมริน กลับก่อนดีไหม” มาวินถามด้วยความเป็นห่วง
“ยังไม่อิ่มเลย จะกลับได้ยังไงล่ะ” รสรินบอกแล้วยิ้มให้เขา
“ฉันเป็นห่วงแกจริงๆ นะริน” มาวินบอกเสียงเครียด ทำเอารสรินแอบยิ้มที่เขานั้นเป็นห่วงความรู้สึกเธอ
“นี่ฉันชักจะสงสัยแล้วนะที่พี่รัฐพูดว่าแกชอบฉันมันเป็นเรื่องจริง” รสรินพูด
“ก็เรื่องจริงนะสิ ฉันรักแกนะริน” มาวินบอกด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ไอ้บ้า” รสรินด่าเขาเบาๆ แล้วรีบเดินกลับไปที่โต๊ะด้วยสีหน้าที่ดูหงุดหงิดเล็กน้อย มาวินเลยเดาเอาว่าเธอไม่พอใจที่เขาบอกรักเธอแล้วรีบเดินตามเธอไป
รสรินไม่พูดไม่จาเอาแต่กินอย่างเดียวโดยไม่สนใจว่าใครจะมองเห็นว่าเธอกินมูมมามแค่ไหน มาวินได้แต่มองอย่างเป็นกังวลกลัวว่ารสรินจะโกรธเขา เธอไม่พูดกับเขาเลยตั้งแต่ที่เขาบอกว่ารักเธอออกไป
“จะไปไหนต่อ ว่ามา” เพื่อนในกลุ่มพูดขึ้นหลังจากคิดเงินเสร็จแล้ว
“ร้านเหล้า” รสรินบอก
“มันต้องให้ได้อย่างนี้สิ” เพื่อนอีกคนพูดขึ้น
มาวินถอนหายใจเบาๆ เขานึกแล้วว่าการเจอชัยรัฐที่ร้านนี้มันทำให้รสรินคิดมาก แล้วเขายังไปบอกว่ารักเธออีก เธอคงเครียดมากถึงกับออกปากไปร้านเหล้าทั้งที่ตอนแรกปฏิเสธไปแล้ว
**********************
มาวินกับรสรินกลับไปเปลี่ยนเป็นชุดลำลองที่หอพักก่อนจะออกไปพร้อมกันโดยเรียกรถแท็กซี่ให้ไปส่ง
“โกรธฉันหรือเปล่า” มาวินถามเธอเสียงเบา
“เรื่องอะไร” รสรินแกล้งถาม
“เรื่องที่ฉันบอกแกที่ร้านหมูกระทะ” มาวินบอก
“โกรธสิ” รสรินบอก มาวินเลยไม่กล้าถามอะไรต่อ ในเมื่อเธอโกรธก็หมายความว่าเธอไม่พอใจ และไม่ยอมรับความรู้สึกของเขานั่นเอง
ทั้งสองคนนั่งเงียบไปจนถึงร้านเหล้า รสรินมองมาวินที่เงียบผิดปกติ เขาคงรู้สึกแย่ที่เธอบอกว่าโกรธที่เขาสารภาพรัก แต่รสรินไม่ได้โกรธเขาที่เขาบอกรักเธอ แต่เธอหมั่นไส้ที่เขาบอกรักโดยไม่เลือกสถานที่และสถานการณ์ที่มันดูโรแมนติกกว่านี้ เล่นบอกรักตอนกำลังตักอาหารในร้านหมูกระทะ มันดูตรงและทื่อๆ เกินไป ไม่ใช่ว่าเธอไม่ดีใจแค่เธออยากให้เขาบอกเธอในสถานการณ์อื่นมากกว่า
“วันนี้ห้ามเมานะ แกกับฉันมีเรื่องต้องเคลียร์กัน” รสรินบอกเขาก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปสมทบกับเพื่อนๆ ที่มาถึงก่อนหน้านี้
รสรินกับมาวินดื่มเพียงเล็กน้อยตามที่ตกลงกันไว้ ทิ้งเรื่องทุกอย่างไว้แล้วคุยเรื่องสอบที่ผ่านมากันอย่างสนุกสนาน แล้วโยกเบาๆ ตามจังหวะเพลงที่เปิด ทั้งคู่สนุกจนลืมเวลา พอรู้ตัวอีกทีก็เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว หอพักปิดไปแล้วพวกเขาต้องหาที่นอนในคืนนี้
“ไปพักห้องฉันก็ได้” เพื่อนของทั้งคู่ชวน
“ไม่ล่ะ เดี๋ยวลองไปขอพี่หอดู พี่หอไม่น่าจะใจร้ายหรอกมั้ง นานๆ ที” รสรินบอกแล้วชวนมาวินกลับแท็กซี่ไปด้วยกัน
“พี่หอดุจะตาย จะให้เข้าหอหรือเปล่าก็ไม่รู้” มาวินบ่น
“อืม ลองดูก่อน” รสริน เธอดื่มไปแค่สองแก้วยังไม่เมา แต่ว่าที่แก้มนั้นมีเลือดฝาด ดูน่ารักในสายตาของมาวินเป็นอย่างมาก
“ฉันว่าเราหาที่นอนกันเถอะ จะได้คุยกันด้วย” มาวินเสนอ
“นี่แกคิดทะลึ่งอะไรอยู่หรือเปล่า” รสรินถามเขาเสียงเข้ม และอดคิดไม่ได้ว่ามาวินจะทำอะไรเธอ
“เห้ย เปล่า ก็แกบอกมีเรื่องจะคุยห้ามฉันเมา แสดงว่ามีเรื่องจะคุยคืนนี้ไม่ใช่หรือไง” มาวินบอก
“อืม งั้นหาที่พักก่อนแล้วกัน” รสรินบอก
มาวินเลยให้แท็กซี่พาพวกเขาไปส่งที่โรงแรมสามดาวที่อยู่ใกล้ๆ แล้วเลือกพักห้องเตียงคู่ด้วยกันเพื่อประหยัดเงิน
รสรินล้างหน้าล้างตาแล้วเลือกนอนเตียงด้านใน มาวินก็นอนอีกเตียง ทั้งสองหันหน้ามองกันแล้วมาวินก็ถามว่ารสรินอยากพูดอะไรกับเขา
“ที่แกบอกว่ารักฉัน รักแบบไหน” รสรินถามตามตรง
“รักแบบมากกว่าเพื่อน อยากเป็นแฟน อยาก..นอนกอดทุกวัน” มาวินพูดตามตรงลงท้ายกวนเธอหน่อยๆ
“ไอ้บ้า เอาดีๆ” รสรินด่าเขา
“ก็รักแบบอยากเป็นแฟนนั่นแหละ” มาวินบอก
“รักแล้วทำไมไม่บอกแต่แรกล่ะ” รสรินถาม
“ฉันกลัวเสียแกไป อย่างน้อยเป็นเพื่อนกัน ยังดีกว่าแกหนีหน้าฉัน” มาวินบอก
“แล้วที่แกโกรธ ที่ฉันบอกว่ารักแก ฉันขอโทษนะ ฉันไม่ได้อยากให้แกมารับรักฉันหรอก แกไม่ต้องคิดมากนะ” มาวินบอก
“ที่ฉันโกรธ เพราะว่าแกบอกฉันแบบส่งๆ บอกรักตอนตักหมูหมักพริกไทยดำในร้านหมูกระทะเนี่ยนะ ผู้หญิงที่ไหนเขาจะเคลิ้มว่ะ” รสรินบอกเสียงเครียดกลบเกลื่อนความเขิน
“แสดงว่าถ้าฉันบอกรักแกในบรรยากาศดีๆ แกก็โอเคใช่ไหม” มาวินถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ไม่รู้สิ อย่าถามเยอะ คนจะนอน” รสรินบอกแล้วแกล้งหลับตาไป มาวินเองก็หลับตาลงแล้วยิ้มอย่างมีความหวัง
**********************
ผ่านไปสองเดือนกว่าแล้ว หลังจากที่เปิดอกคุยกัน มาวินก็ยังไม่ได้บอกรักรสริน แต่การกระทำของเขาชัดเจนขึ้น จนเพื่อนๆ นั้นดูออกแล้วเริ่มแซวทั้งคู่ แต่ว่ามาวินก็ยังไม่ได้ขอรสรินเป็นแฟนอย่างเป็นทางการ
กิจวัตรทั้งคู่ก็ยังเป็นกิจวัตรเดิมๆ เหมือนที่ผ่านมา ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด แต่ที่ต่างออกไปคือมาวินย้ายไปอยู่หอนอกมหาวิทยาลัยแล้ว แต่เขาก็มารอรสรินทุกเช้าเพื่อไปทานอาหารด้วยกันเหมือนเดิม และดูแลเธอมากขึ้น ยอมเธอทุกอย่างมากกว่าเดิม
รสรินเองก็ดูมีความสุขมากและรอว่าเมื่อไรที่เขาจะหาโอกาสมาสารภาพรักเสียที จนถึงวันวาเลนไทน์ เธอรู้ว่าอย่างไรวันนี้มาวินต้องมาสารภาพรักกับเธออย่างแน่นอน แต่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็แค่นั้นเอง เธอจึงกำลังรออย่างตื่นเต้นว่าเขาจะสารภาพรักกับเธออย่างไร
“ไปที่ห้องฉันนะ” มาวินชวนเธอ ขณะที่กำลังเลิกเรียน และกำลังเดินไปส่งเธอที่หอพัก
“ชวนกันง่ายๆ อย่างนี้เลยนะ” รสรินพูดแล้วทำหน้าครุ่นคิด
“วันนี้วาเลนไทน์นะ ฉันอยากพาแกไปกินข้าวที่ห้อง ดูหนังกัน แล้วก็..” มาวินแกล้งหยุดพูดให้รสรินคิดลึก
“แล้วก็อะไร” รสรินถาม
“แล้วก็พูดคุยกันไง” เขาบอกแล้วหัวเราะออกมา แล้วโดยรสรินตีต้นแขนไปหนึ่งที
“อืม แต่ขออาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนนะ” รสรินบอก
พอรสรินอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จมาวินก็พาเธอไปที่ห้องของเขา พอเปิดห้องเข้าไปรสรินก็พบว่าเขาติดลูกโป่งรูปหัวใจไว้ตามมุมห้อง แล้วมาวินก็พาเธอไปนั่งที่เก้าอี้ ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วเอาดอกกุหลาบที่เขาแช่ตู้เย็นออกมาให้เธอพร้อมด้วยช็อกโกแลตรูปหัวใจ
“ฉันอาจไม่โรแมนติกพอสำหรับแก แต่ว่าทั้งหมดออกมาจากใจของฉัน แฮปปี้วาเวนไทน์เดย์นะริน ฉันรักแกนะ รักตั้งแต่แรกเจอ และอยากรักแกไปนานๆ เป็นแฟนกันนะ” มาวินขอเธอ
“อืม เป็นแฟนกัน” รสรินรับปาก มาวินดึงเธอลุกขึ้นมายืนกอดเอาไว้แน่น เขารอวันนี้มาเกือบสองปี ในที่สุดก็สมหวังเสียที
“ริน ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว วันนี้ฉันขอเลยแล้วกัน” มาวินบอก
“ไอ้วิน ไอ้บ้า” รสรินว่าให้เขาแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือว่าผลักเขาออกไป เธออมยิ้มอยู่ในอ้อมกอดเขาอย่างเขินอาย
มาวินดันเธอไปจนถึงเตียงแล้วดันเธอให้ล้มลงไปนอน ทาบทับร่างเธอเอาไว้ เขายกหัวขึ้นมามองเธอที่กำลังหลับตาปี๋เม้มปากด้วยความเขินอายปนตื่นเต้น แล้วก้มลงหอมแก้มเธอ รสรินลืมตามองหน้าเขาแล้วพบว่าเขามองมาด้วยสายตาที่ทำเอาเธอขนลุกซู่
“ฉันรักแกนะริน แล้วแกล่ะรักฉันไหม” มาวินถาม
“อืม รักสิ” รสรินบอกเสียงเบาแล้วหลบสายตาที่เต็มไปด้วยความต้องการนั้น
มาวินยิ้มทันทีที่ได้ยินคำตอบ เขาก้มลงจูบปากเธอแล้วค่อยๆ แทรกปลายลิ้นเข้าไปอย่างแผ่วเบาแล้วจูบแลกลิ้นเธออย่างนุ่มนวลและดูดดื่ม จนรสรินเคลิบเคลิ้มแล้วโอบคอเขาจูบตอบเขาเช่นกัน
เธอกับมาวินช่วยกันถอดเสื้อผ้าออกจนหมดแล้วกอดรัดเล้าโลมกันอย่างรัญจวน เขาดูดยอดอกของเธอแล้วขยำอย่างเบามือ อีกมือก็ล้วงควักตรงร่องคับแคบจนรสรินหลุดครางออกมา
เขาใช้นิ้วปลุกเร้าเธอจนเธอพร้อมก็ค่อยๆ สอดใส่เข้าไปจนสุดปลายลำแล้วโยกเข้าออกเบาๆ อย่างนุ่มนวล รสรินดึงเขาโน้มตัวลงมาจูบแล้วครางในลำคออย่างสุขสมกับสัมผัสที่แสนเร้าใจนั้น
มาวินควงสะโพกแล้วเริ่มกระแทกเข้าออกหนักหน่วงขึ้น รสรินครางลั่นแล้วแอ่นสะโพกเข้าหาเขาไม่หยุด
สักพักมาวินก็ถอนแท่งลำออกเพื่อเปลี่ยนท่า รสรินยกสะโพกตามอย่างเสียดายแล้วโดนเขาจับเธอดึงลงมาจากเตียงให้ไปยืนค้ำผนังไว้ กางขาออกแล้วย่อตัวลงมานิดหนึ่ง ก่อนจะประกบจากด้านหลังแล้วยืนงัดเข้าออกอยู่อย่างนั้น รสรินพยายามกลั้นเสียงคราง จึงทำได้แค่สูดปากเบาๆ ขณะที่มาวินกำลังกระแทกอย่างเมามันและใช้มือสองข้างอ้อมมาขยำเต้าทั้งสองของเธออย่างมันมือแล้วกัดฟันครางเสียงดังอื้ออึงไปทั่วห้อง
รสรินสูดปากแล้วครางออกมาถี่ขึ้น เธอถึงเส้นชัยแล้วขาอ่อนลงจนหลุดออกจากแท่งลำ มาวินรีบผลักเธอนอนลงที่เตียงครึ่งตัวให้สะโพกพาดที่ขอบเตียงแล้วยกขาเธอพาดบ่า ยืนชิดขอบเตียงแล้วกระหน่ำใส่เข้าไปอย่างดุดันจนเกิดเสียงดังของเนื้อกระทบกัน
เมื่อใกล้จะถึงจุดหมาย มาวินก็ดึงแท่งลำออกมาพัก แล้วเดินไปหยิบถุงยางอนามัยมาเตรียมไว้ เขาใช้ปากฉีกถุงแล้วสวมเครื่องป้องกันผิวขรุขระที่แท่งลำ มองหน้ารสรินที่กำลังมองอย่างตื่นเต้นแล้วเขาก็พาดมันไว้ที่หน้าท้องเธอเพื่อคลายความเสียวซ่านที่กำลังจะปะทุออกมา
มาวินจูบปากแล้วไซร้ลำคอเธอ ฝังจมูกที่ซอกคอแล้วใช้ปลายลิ้นเลียไล่ลงมาจนถึงหน้าอกแล้วเลียรอบฐานอกอย่างหลงใหล
“ไม่ไหวแล้ว เอาใส่เถอะ” รสรินขอร้องเขาเสียงกระเส่า แล้วอ้าขารออย่างรีบร้อนจนมาวินยิ้มออกมาพอใจในท่าทีร้องขอตามสัญชาตญาณของเธอ แล้วเขาก็รีบจัดให้ตามคำขอทันที
มาวินซอยถี่ๆ อย่างดุดันจนรสรินจิกผ้าปูที่นอนด้วยความเสียวซ่านแล้วครางออกมาเสียงกระเส่าเมื่อโดนสัมผัสขรุขระจากถุงยางอนามัยนั้นเสียดสีเข้าออกกระตุ้นจุดกระสันเธอเต็มๆ จนเธอแทบอดกลั้นไม่ไหว
รสรินทุบที่นอนสลับกับจิกผ้าปูด้วยความเสียวซ่านก่อน มาวินที่ใกล้จะถึงเส้นชัยแล้วเขาก้มลงไปจูบปากเธอแล้วครางผ่านลำคอเสียงดังอื้ออึงสลับกับเสียงครางรสริน เน้นกระแทกสะโพกหนักๆ ลงไปจนในที่สุดรสรินก็จิกหลังเขาแน่นแล้วตัวอ่อนลง แล้วมาวินก็ปลดปล่อยออกมาพร้อมๆ กับเธอ
รสรินดึงผ้าห่มมาคลุมปิดร่างแล้วนอนยิ้มอยู่บนเตียงขณะที่มาวินจัดการถอดเครื่องป้องกันทิ้งแล้วเดินมานอนซุกใต้ผ้าห่มกอดเธอเอาไว้
“โคตรมีความสุขเลย” มาวินบอกแล้วกอดรสรินแนบอก
“ได้ฉันแล้วอย่าทิ้งกันนะ” รสรินแกล้งพูดเสียงดุแล้วมุดหน้ากับอกของเขา ยิ้มอย่างเขินอาย
“ใครจะทิ้งคนที่รักได้ลงคอล่ะ ไม่มีทาง” มาวินบอกแล้วกระชับอ้อมแขนของเขาให้เธอรู้ว่าอ้อมแขนนี้จะไม่มีวันปล่อยเธอให้หลุดมือไปอย่างแน่นอน
รสรินหลับตาพริ้มในอ้อมกอดของเขา เธอสามารถรักมาวินได้อย่างสบายใจ และเป็นตัวของตัวเองที่สุด และเธอรู้ว่าตัดสินใจมอบความรักและไว้ใจให้ไม่ผิดคน เพราะมาวินนั้นทำให้เธอมั่นใจว่าเขาสามารถก้าวไปพร้อมๆ กับเธอได้ในทุกเส้นทางนับจากนี้ไป
-------- จบ --------