รสรินแต่งกายด้วยชุดเดรสประโปรงน่ารักอย่างที่ชัยรัฐขอร้องเพื่อไปงานวันเกิดของเพื่อนเขาที่จัดในร้านอาหารแห่งหนึ่ง เพื่อนๆ ของชัยรัฐเป็นกลุ่มลูกคนรวยที่มาเรียนคณะบริหารธุรกิจเพื่อไปสานต่อกิจการทางบ้าน
ดังนั้นทุกคนจึงดูดีและมีบุคลิกที่ดีจนเรียกได้ว่าถ้าเด็กวิศวะมาดเซอร์อย่างมาวินหลงเข้ามาก็คือโจรในดงผู้ดีชัดๆ พอคิดถึงมาวินแล้วรสรินก็เริ่มรู้สึกว่าตอนนี้เธออยากให้เขามานั่งอยู่ข้างๆ เธอเหลือเกิน เพราะเธออึดอัดมากที่ต้องนั่งสงบเสงี่ยมแบบนี้
รสรินได้แต่นั่งยิ้มโดยไม่รู้ว่าเธอจะพูดอะไรดี เธอเคยมีเพื่อนเรียนบริหาร แต่ว่าก็ไม่ได้วางตัวมาดผู้ดีแบบคนที่เกิดมาในตระกูลลูกคุณหนูแบบนี้
“อยู่กับพี่รินเป็นตัวของตัวเองได้ แต่เวลาอยู่ต่อหน้าเพื่อนพี่ พี่ขอนะ” ชัยรัฐที่เคยบอกให้เธอเป็นตัวของตัวเอง แต่พอมาอยู่กับเพื่อนๆ ของเขา เขากลับบอกให้เธอแต่งตัวใหม่ ให้นั่งนิ่งและไม่ต้องพูดอะไรมาก บอกว่าเธอควรทำอะไรและไม่ควรทำอะไร แม้กระทั่งการดื่มน้ำระหว่างมื้ออาหารอย่างที่เธอชอบทำเขาก็บอกว่าให้ทานเสร็จค่อยดื่มครั้งเดียว ในระหว่างอาหารให้แค่จิบเอา ซึ่งรสรินที่คุ้นเคยกับข้าวคำน้ำคำมาตลอดก็รู้สึกอึดอัด มันทำให้เธอรู้สึกว่าอยู่คนละโลกกับชัยรัฐเป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มคุยกันมาสองสัปดาห์
“น้องรินไม่ค่อยทานเลย ไม่อร่อยหรือครับ” เพื่อนของชัยรัฐถามขึ้น
“อร่อยค่ะ แต่รินไม่ค่อยหิว” รสรินบอกแล้วยิ้มบางๆ แล้วมองจานสเต็กตรงหน้า ไม่ใช่ว่าเธอทานไม่เป็น เธอก็เคยทานอยู่หลายครั้ง เพียงแต่ว่าเธอเคยหั่นทานแบบสบายๆ แต่ดูแต่ละคนหั่นแบบเชื่องช้ามาดผู้ดี รสรินเลยกลัวว่าเธอจะเผลอมูมมามให้ชัยรัฐต้องขายหน้า
“ทานเสียหน่อยสิครับ ผอมจะแย่แล้ว สงสัยเจ้ารัฐมันเลี้ยงน้องรินไม่ดี” เพื่อนอีกคนของชัยรัฐพูดขึ้น คะยั้นคะยอเธอ
รสรินจึงหยิบมีดกับส้อมขึ้นมาหั่นสเต็กตรงหน้าอย่างช้าๆ โดยจับมีดมือขวาแล้วส้อมมือซ้ายตามปกติ แต่เธอหั่นไว้หลายๆ ชิ้นเพื่อเอาไว้ทานครั้งเดียวเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ
เพื่อนของชัยรัฐมองหน้ากันแล้วส่ายหัวเบาๆ เพราะการทานสเต็กที่ถูกต้องนั้น ควรหั่นและรับประทานทีละคำ ไม่ควรหั่นไว้ทีเดียวทั้งหมด เพราะถือเป็นการผิดมารยาทบนโต๊ะอาหาร แล้วพอเธอเห็นสายตาของเพื่อนๆ ของชัยรัฐเธอก็รู้ทันทีว่ากำลังทำเรื่องขายหน้าอยู่
ชัยรัฐเลยหั่นเหมือนเธอบ้าง แล้วยิ้มให้รสรินเพื่อบอกเธอว่าเขานั้นไม่ได้ถือสาเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ และสื่อเป็นความนัยว่าไม่ให้เธอคิดมาก มันทำให้รสรินอบอุ่นใจที่ชัยรัฐคอยอยู่ข้างๆ เธออย่างนี้ และเธอก็มีกำลังใจที่จะเปลี่ยนแปลงบุคลิกของเธอให้ดูดีขึ้นเพื่อไม่ให้เขาขายหน้าอีก
**********************
“ช่วงนี้แม่แกแปลกไปนะวิน” เพื่อนในสาขาเดียวกันแซวรสรินผ่านมาวิน
“แม่ไอ้วินกำลังหาพ่อให้มัน เขาเป็นลูกผู้ดีชอบคนน่ารักเรียบร้อย แม่ไอ้วินเลยต้องฝึกมารยาทไง” เพื่อนอีกคนแซวแล้วหัวเราะอย่างสนุกสนาน
“เลิกแซวรินมันได้แล้ว น่ารักเรียบร้อยแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ค่อยดูเป็นผู้หญิงขึ้นมาหน่อย” มาวินบอกแล้วยิ้มให้กำลังใจรสริน
เธอกำลังฝึกทานอาหารแล้วเคี้ยวช้าๆ ไม่พูดตอบโต้ขณะมีอาหารในปาก จากที่เคยทานอาหารไวก็กลายเป็นคนทานอย่างละเมียดละไมและวางตัวสุภาพขึ้น พยายามไม่ดื่มน้ำคำข้าวคำเหมือนอย่างแต่ก่อน
“เพื่อนฉันอยู่คณะบริหารเหมือนกัน ไม่เห็นต้องวามาดเหมือนแฟนไอ้รินเลย หมั่นไส้จริงๆ”
“นั่นนะสิ เพื่อนฉันก็อยู่บริหาร แม่งซกมกกว่าฉันอีก”
ทั้งสองคนยังคงวิพากษ์วิจารณ์ชัยรัฐกับเพื่อนๆ ต่ออย่างสนุกปาก รสรินไม่โกรธเพราะเธอก็รู้ว่าเพื่อนๆ พูดความจริง และเธอโชคดีที่มีชัยรัฐคอยอยู่เคียงข้างและให้กำลังใจเธอการเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างนี้
มาวินเองยอมรับในความดีของชัยรัฐ ตอนนี้เขาได้แต่คอยยืนให้กำลังใจเพื่อนรักอย่างรสรินอยู่ห่างๆ และพร้อมจะพยุงเธอลุกขึ้นถ้าหากเธอล้มลงแล้วไม่มีมือของชัยรัฐยื่นเข้ามา
“พี่รัฐยังไม่ได้ขอเราเป็นแฟนเสียหน่อย ตอนนี้แค่คุยกัน” รสรินบอก
“นี่ขนาดแค่คุยเขายังล้างสมองแกขนาดนี้เลย แล้วไหนที่บอกว่าให้เป็นตัวของตัวเองไม่ต้องฝืนล่ะ สุดท้ายก็ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้เขารักอยู่ดี” มาวินพูดแซะเธอเบาๆ แล้วยิ้มกวนๆ
“ตกลงนี่จะเข้าข้างฉันหรือจะช่วยทับถม” รสรินถามแล้วทำหน้ามุ่ยในขณะมาวินที่กำลังทำหน้าทะเล้นใส่เธออยู่
“ก็แค่พูดเตือน ให้ได้สติบ้าง” มาวินบอกแล้วยิ้มให้เธอบางๆ มีแวบหนึ่งที่เผลอส่งความรู้สึกผ่านสายตาแล้วเขาก็ไหวตัวทันรีบหันไปมองทางอื่นก่อนที่เธอจะรู้ตัว
**********************
ครบรอบหนึ่งเดือนที่รสรินกับชัยรัฐได้ศึกษาดูใจกัน เขาชวนเธอไปทานอาหารที่ร้านจิ้มจุ่มปลาที่เธอบอกว่าอยากทาน แต่รสรินนั้นเห็นว่าชัยรัฐทำเพื่อเธอมามากแล้วเลยบอกว่าครั้งนี้ให้เขาเป็นคนเลือกร้านเอง หวังว่าวันนี้เขาอาจจะขอเธอขยับความสัมพันธ์
ชัยรัฐเลือกร้านอาหารไทยที่เขาเคยไปทานกับครอบครัวแล้วก็บังเอิญเจอมารดาของเขาที่ร้านอาหารแห่งนั้น เธอมาพร้อมกับเพื่อนในแวดวงสังคม พอเห็นว่าชัยรัฐควงหญิงสาวที่ดูกะโหลกกะลาอย่างรสรินมาเธอก็ดูท่าทางไม่พอใจเป็นอย่างมาก
มารดาของชัยรัฐขอตัวออกจากวงสนทนาของกลุ่มเพื่อน เพื่อมาคุยกับชัยรัฐที่โต๊ะของเขาทันที เพื่อแสดงตัวว่าเธอเป็นใคร และอยากรู้ว่ารสรินเป็นใคร
ชัยรัฐแนะนำรสรินให้มารดารู้จักในฐานะเพื่อนรุ่นน้องเธอเลยไม่ได้ว่าอะไรเขา แต่สายตาที่เธอมองรสรินนั้นช่างดูถูกดูแคลนรสรินเป็นอย่างมาก
“รุ่นน้องต่างคณะ ไปรู้จักกันได้อย่างไรล่ะ” มารดาของเขาถามออกมาเสียงเรียบ มองรสรินตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ผมจีบรินอยู่ครับแม่” ชัยรัฐบอกมารดาตามตรง รสรินดีใจที่เขานั้นกล้ายอมรับออกไปตรงๆ
“หาดีกว่านี้ไม่ได้แล้วใช่ไหม” เธอพูดออกมาเสียงเครียดจนชัยรัฐไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก
“แม่ให้โอกาสคิดทบทวนเรื่องผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อย่าใช้หัวใจในการเลือกคนที่จะเข้ามาในชีวิต แต่ให้ใช้สมอง จำเอาไว้” มารดาของชัยรัฐเดินกลับโต๊ะไป รสรินเห็นสายตาที่คุณหญิงคุณนายเหล่านั้นมองกลับมาที่โต๊ะของเธอด้วยสายตาที่ดูสมเพชก็รู้สึกแย่
“พี่ว่าเราเปลี่ยนร้านกันเถอะ” ชัยรัฐบอกเธอ รสรินพยักหน้ารับ ตอนนี้เธอคิดอะไรไม่ออกแล้ว และรู้ซึ้งถึงคำว่า ‘แม่ผัวไม่ปลื้ม’ ถึงแม้เธอจะยังไม่ตกเป็นของชัยรัฐก็ตาม
**********************
ชัยรัฐจอดส่งรสรินที่หน้าหอพักแล้วก็กลับไป รสรินยืนส่งเขาจนเขาขับรถลับตาไป เธอยังไม่เดินขึ้นห้อง แต่โทรหามาวินเพื่อให้ลงมาคุยกับเธอแทน
ไม่ถึงห้านาทีมาวินก็มาถึง ทั้งสองไปนั่งคุยกันที่ม้าหินอ่อนหน้าหอพักของรสรินที่มีนักศึกษาเดินผ่านไปมาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าทั้งสองไม่ได้แอบคุยกันในที่ลับตา
รสรินเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้มาวินฟังอย่างเป็นกังวล มาวินเอื้อมมือไปแตะหลังมือเธอเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ แล้วนั่งฟังสิ่งที่เธอเล่าอย่างตั้งใจ
“ฉันเชื่อว่าพี่รัฐต้องยืนข้างแกเหมือนที่ผ่านมาเชื่อฉันสิ” มาวินบอกแล้วตบหลังมือรสรินเบาๆ อีกครั้งหนึ่ง รสรินยิ้มออกมาที่มาวินให้คำปรึกษาที่ดีแก่เธอและเป็นผู้ฟังที่ดีไม่พูดขัดเวลาเธอเล่า
ทุกอย่างอยู่ในสายตาของชัยรัฐ เขาย้อนกลับมาอีกครั้งเพื่อที่จะคุยกับรสริน เพราะเขากำลังกังวลว่าเธอจะคิดมาก แต่กลับเจอเธอนั่งจับมือกับมาวินแล้วยิ้มให้กันหน้าระรื่น
ชัยรัฐก้าวลงจากรถแล้วเดินไปหาทั้งคู่ มาวินตั้งใจฟังรสรินเล่าเขายังไม่ทันตั้งตัวก็โดนชัยรัฐกระชากคอเสื้อแล้วต่อยเข้าที่ใบหน้าของเขาไปหนึ่งหมัด แต่ก่อนจะโดนหมัดที่สองมาวินก็ตั้งสติแล้วรับหมัดไว้ก่อนจะผลักชัยรัฐออกไปแล้วทำท่าจะสวนคืนแต่รสรินมาขวางเอาไว้ก่อน
“อย่าทะเลาะกันค่ะ” รสรินบอก
“พี่คิดว่ารินกำลังคิดมากเรื่องของแม่พี่ พี่อุตส่าห์ตีรถกลับมาเพื่อมาเห็นรินนั่งยิ้มจับมือกันกับคนที่รินเรียกว่าเพื่อนอย่างนี้หรือ” ชัยรัฐพูดเสียงดังจนคนที่เดินไปมาแถวนั้นให้ความสนใจ และยามก็เข้ามาดูเหตุการณ์
“พี่รัฐฟังรินก่อนนะคะ พี่รัฐกำลังเข้าใจผิด” รสรินบอกเขา
“พี่น่าจะเชื่อเพื่อนๆ น่าจะเชื่อแม่ตั้งแต่แรก ถ้าพี่ใช้สมองมากกว่าหัวใจ พี่ก็คงไม่ต้องเจ็บปวดแบบนี้” ชัยรัฐบอก
“มึงหมายความว่าอะไร” มาวินถามเขาเสียงเครียด
“หมายความว่ากูน่าจะรู้ไงว่ากูกับรินไม่เหมาะสมกันตั้งแต่แรก ทั้งฐานะ มารยาททางสังคม การเข้าสังคม ทุกๆ อย่างของรินไม่เหมาะสมกับกูเลย แต่กูก็พยายามมองข้ามเพราะกูรักริน พยายามทำให้คนอื่นยอมรับริน แต่สุดท้ายก็ไปกันไม่รอด นี่ไงล่ะ ผลของการใช้หัวใจมากกว่าใช้สมอง” ชัยรัฐพูดออกมา
รสรินอึ้งที่เขาพูดเหมือนว่าความรักเป็นเรื่องของธุรกิจที่ต้องใช้สมองในการคำนวณ เธอพยายามไม่โกรธในสิ่งที่เขาพูดออกมาเพราะชัยรัฐอาจกำลังเครียดเรื่องมารดากับเธออยู่ก็ได้
“มึงเว้ยไอ้พี่รัฐ มึงบอกว่าอยากให้รินเป็นตัวของตัวเอง แต่มึงดูรินสิ มึงให้รินใส่กระโปรงออกไปกินข้าวกับมึง มึงให้รินปรับเปลี่ยนตัวเองให้ดูดีขึ้นเพื่อให้อยู่ในสังคมของพวกมึงได้ รินก็ยอมทำโดยไม่ปริปากบ่น วันนี้รินเจอเรื่องแย่ๆ มาเขาแค่เล่าให้กูฟัง กูแค่ปลอบใจริน ทำไมมึงต้องโวยวายขนาดนี้ ทั้งที่ปกติมึงมีเหตุผล หรือเพราะว่ามึงตั้งใจจะขอห่างกับรินตั้งแต่ที่แม่มึงบอกให้เลิก” มาวินพูดด้วยความโกรธ ท่าทางเอาจริงของมาวินทำให้ชัยรัฐนั้นรู้ว่าเขารักและสามารถดูแลรสรินได้ดีกว่าเขาแน่นอน
“พี่ว่าคนชนชั้นกลางอย่างรินคงไม่เหมาะที่จะมาเป็นแฟนพี่ ส่วนมึง กูรู้ว่ามึงรักรินมาตลอด เอาสิ กูถอยแล้ว เชิญตามสบาย”ชัยรัฐบอก เขาเจ็บปวดไม่น้อยเมื่อต้องพูดอะไรแบบนี้ เขามองหน้ารสรินที่กำลังมองเขาด้วยความเสียใจ แล้วเดินจากไป
เขารู้ดีว่าถึงรักรสรินมากแค่ไหน แต่ถ้าแม่เขาไม่ยอมรับ สุดท้ายก็ไปด้วยกันไม่รอดอยู่ดี สู้เขาทำให้เธอเกลียดแล้วปล่อยให้มาวินได้ดูแลเธอจะดีกว่า เขาเชื่อว่ามาวินจะสามารถดูแลเธอได้ดีกว่าเขา ส่วนเขายอมเจ็บปวดหัวใจตอนนี้ ยังดีกว่ารักไปช้ำไป แล้วต้องมานั่งทะเลาะกับมารดา มาคอยกู้หน้าเธอจากเพื่อนๆ ของเขา ซึ่งเขาเหนื่อยเต็มทีแล้ว และคิดว่าเขาผิดเองที่รักเธอไม่มากพอที่จะพยายามสู้ไปด้วยกัน
‘เลิกกันตอนที่ยังไม่ได้เป็นแฟน ดีกว่าเป็นแฟนกันแล้วต้องมาเลิกกัน’ ชัยรัฐพยายามคิดในแง่ดีให้ตัวเองเจ็บปวดน้อยที่สุด แล้วเดินจากไป
รสรินน้ำตาไหลออกมาเธอไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว มองหน้ามาวินด้วยสายตาที่ตั้งคำถามกับสิ่งที่ชัยรัฐบอกว่าเขานั้นรักเธอว่าเป็นเพราะชัยรัฐพูดไปอย่างนั้นหรือว่ามันเป็นความจริงกันแน่
**********************