บทที่2. เหยื่อ...
อิงอรเป็นคุณนายตอนนี้ บ้านช่องใหญ่โต ไม่ต้องตากหน้าขายข้าวแกงทุกเช้า จากสตางค์ที่เธอส่งให้ …มารดาไม่รู้ว่าเธอทำมาหากินอะไร ขอแค่มีสตางค์ส่งให้ทุกเดือนเป็นพอ นี่เป็นความลับที่องอรปิดบังไว้...ขอให้ร่ำรวย จะให้นอนแบ...อีกกี่ร้อยกี่พันครั้ง!! เธอก็ยอม
“แวว...”
“ฉันช่วยเธอไม่ได้หรอกแวว...ญาติๆ เธอล่ะ ไม่มีสักคนเหรอที่ช่วยได้”
มุมปากสีซีดเพราะลิปสติกจางไปเกือบหมดขยับถาม องอรแอบยิ้มเยาะ สังคมของแววนิลมีแต่ความจอมปลอม หากใครตกต่ำ คนรอบข้างพร้อมจะเหยียบซ้ำ ไม่มีใครยื่นมือมาช่วยหรอกมีแต่จะซ้ำเติมหนักขึ้นสิ!!
“อีอร...คืนนี้ว่าไง?”
แซก...โผล่หน้ามาถาม มันอวดตัวว่าเป็นผู้จัดการ ความจริงคือแมงดาดีๆ นี่เอง
“ฉันไม่สนหรอก ไอ้นั่นอ้วนฉุ!! ยังกับช้างตกมัน...แถมยังวิตถารด้วย ให้ใครไปก็ได้ คนไหนร้อนเงินน่ะ...คงยอม”
องอรตอบเสียงขุ่น ลูกค้ารายนี้จ่ายดีก็จริง แต่ไม่คุ้มที่ต้องเจ็บตัว เธอขอราคาธรรมดา ไม่ต้องอดทนมากนัก ทุกวันนี้ก็เอือมจะแย่!!
“มันระบุมาว่าจะเอามึง”
แซกตวาด มีลูกค้าเปย์ไม่อั้น เสือกไม่สน...
“ก็บอกปัดไปสิ...ฉันเป็นประจำเดือน งดรับแขก1อาทิตย์ มันอยากขนาดนั้น เดี๋ยวมันก็คว้าคนอื่นไปขย้ำแทนเองแหละ”
องอรจีบปากพูด เดี๋ยวนี้เธอไม่ต้องเร่งหาเงิน เมื่อความเป็นอยู่ของแม่ดีขึ้น บ้านใหม่ปลูกเสร็จแล้ว...ตบแต่งเหมือนวิมานฉิมพลี รถยนต์ป้ายแดงใหม่เอี่ยม...ทองหยองเต็มตัวเหมือนกับตู้ทองเคลื่อนที่ มีเงินเก็บในบัญชีธนาคาร...เพราะฉะนั้นเธอไม่จำเป็นต้องโหมหนักเหมือนเมื่อก่อน
“เออ...ตามใจมึง!!”
แซกตอบเสียงเขียว เขาตวัดตามองแววนิลซ้ำ หล่อนถอดฮู๊ดที่ปิดหน้าออกแล้ว หน้าตาดีไม่ใช่เล่น สมองแซกวิ่งฉิว เขาหลิ่วตาให้องอร และดูเหมือนเจ้าหล่อนจะรับลูกทัน
“แป๊บนะแวว ขอไปคุยกับไอ้เวรที่ก่อน เรื่องมากฉิบ!!”
องอรกระเด้งตัวลุกขึ้นยืน หล่อนเดินฉับๆ ตามไอ้หน้าดุไป ปล่อยให้แววนิลยืนหมุนคว้างอยู่กลางห้อง...ยังไงก็แล้วแต่ เธอต้องได้เงินจากองอรกลับไป ไม่อย่างนั้นคืนนี้เธอคงไม่มีที่นอน ต้องเร่ร่อนข้างนอกนั่น แค่คิดก็สยองจนชนลุกชัน
“มีอะไร? ทำตาขยิบไปขยิบมา...มีอะไรวะ บอกแล้วว่าขอพัก เครื่องในจะพัง... เดี๋ยวจะหากแดกไม่ได้”
องอรตวาดแหว หล่อนยกมือเท้าสะเอวไม่ได้กลัวท่าทางน่าเกรงขามของแซก เมื่อหล่อนคือตัวทำเงิน ไอ้เวรนี่ต้องพึ่งพาหล่อน
“อีนั่นน้องแท้ๆ มึงเหรออร?”
แซกไม่ได้สนใจท่าทีเกรี้ยวกราด เขาถามกลับ สลับกับชะเง้อมองเข้าไปในห้อง
“เปล่า...น้องต่างแม่ มีอะไร?”
องอรตอบแบบเสียไม่ได้ หล่อนเบ้ปาก ทำท่าทางเบื่อหน่ายหากมีคนสนใจแววนิลมากกว่าตัวเอง
“มันสนใจอยากทำงานแบบแกไม่ล่ะ...สวยๆ แบบนี้ ครั้งแรกคงได้โข”
ลูกคิดลางแก้วในหัวแซกวิ่งไปวิ่งมา ดีดไปดีดมาราคาค่าตัวของแววนิลน่าจะทำให้มันสบายไปหลายเดือน...
องอรชำเลืองมองแววนิลก่อนจะไหวไหล่...
“มันไม่สนหรอก...แต่ก็ไม่แน่...”
รอยหยักในสมองขององอรคิดได้ในบัดดล...หากลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของบิดา...จำเป็นต้องมีอาชีพที่สังคมเหยียดหยามเหมือนตัวเอง อยากรู้นัก สองคนผัว-เมีย นั่นจะรู้สึกอย่างไร
“เอาจริงๆ สิ...ดูจากสภาพแล้ว...น้องมึง ‘ซิง’ ชัวร์ ค่าเปิดซิงนะแพงโว้ย หากลองเอาไปเสนอดู มีคนสนใจละก็...รวย”
คนมีสตางค์ยอมควักกระเป๋าหากเขาพอใจ...เพื่อแลกสิ่งที่เขาปรารถนา...
“ฉันจะได้เท่าไร ถ้าฉันทำให้ ‘มัน’ สนใจได้”
องอรยกมือกอดอก…หล่อนกระตุกยิ้มมุมปาก...เธอจะเป็นคนป้ายรอยราคีนี้ให้แก่แววนิล อยากรู้นักมารดาหล่อนจะรู้สึกอย่างไร หากบุตรสาวตัวเองต้องมีรอยด่าง...ที่น่าอาย...
องอรย้อนกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง หลังตกลงบางอย่างกับแซกเสร็จ…หล่อนเดินไปทิ้งตัวนั่งบนที่นอนเหมือนเดิม ก่อนจะช้อนสายตามองแววนิล ด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป
“ฉันช่วยแกก็ได้แวว...แต่...”
องอรเปรย แต่คำพูดของหล่อนทำให้แววนิลดีใจ เธอถลาเข้าไปใกล้ๆ ละล่ำละลักขอบคุณเสียงสั่น
“ขอบคุณนะพี่อร...หากป๊าส่งสตางค์มา แววจะรีบเอามาคืน”
คำพูดของแววนิล ทำให้องอรตัดสินใจได้ หล่อนไม่รู้สึกผิดเลย ที่จะถีบแววนิลลงเหว เมื่อบิดาลำเอียง เขาไม่คิดว่าเธอเป็นลูก ลูกคนหนึ่งสุขสบายบนกองเงินกองทอง ไม่เคยต้องลำบาก ไม่เคยต้องดิ้นรน ในขณะเดียวกัน ลูกสาวอีกคนที่ต้องปากกัดตีนถีบ ทั้งๆ ที่เป็นลูกของเขาเช่นกัน ทรงพลทำให้เธอตัดสินใจทำแบบนี้เอง...ดูสิ หากลูกสาวสองคน มีสภาพเหมือนๆ กัน เป็นอีตัว ที่ต้องขายตัวแลกเงิน...เขาจะรังเกียจใคร ระหว่างลูกชัง กับลูกรัก
“ตอนนี้ฉันไม่มีเงินสด...ต้องรอ...”
หล่อนเปรยแบบไม่ยี่หระ...
“นานไหมคะ ป้าให้เวลาแววถึง18:00 นาฬิกา ไม่อย่างนั้นจะงัดห้องแล้วโยนของแววทิ้ง”
แววนิลพูดเสียงสลด เธอมีความหวังขึ้นมาแต่มันถูกกำหนดด้วยเวลา
“น่าจะทัน”
องอรตอบ หากมีคนสนใจ...แววนิลกลับไปทันแน่...ถ้าหล่อนไหว!!
องอรคิดในใจ หล่อนไม่ได้พูดออกมา มีแค่รอยยิ้มสาแกใจที่ผุดขึ้นบนเรียวปาก
“ยังไงแววก็ต้องรอ...แววไม่มีทางเลือก”
แววนิลคอตก...นอกจากองอรแล้ว เธอไม่รู้จะพึ่งพาใครจริงๆ
“นั่งสิ...กินอะไรก่อนไหม? เดี๋ยวฉันสั่งให้”
ดูเหมือนจะมีน้ำใจ แต่หากแววนิลรู้ หล่อนจะไม่รับน้ำใจที่องอรมอบให้เลย เมื่อมันหมายถึงความเลวร้ายที่กำลังโถมเข้าใส่
“ดีเหมือนกันพี่อร แววมัวแต่กลุ้มเลย ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง”
แววนิลทรุดนั่งบนพื้น เมื่อห้องนอนมีแต่เตียง นอกนั้นไม่มีอะไรเลย
“อืม...”
องอรรับคำเธอลุกขึ้นยืน “อย่าเดินเพ่นพ่านไปไหนล่ะ คงรู้ใช่ไหมที่นี่อันตราย”
หล่อนสั่งเหมือนหวังดี แต่เปล่าเลย องอรกลัวแววนิลเปลี่ยนใจ และเมื่อประตูห้องปิดงับลง เพราะเจ้าของห้องเดินออกไป แววนิลจึงพ่นลมหายใจแรงๆ รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกได้สำเร็จ
“ว่าไงแซก?”
องอรยืนอยู่หน้าร้านขายของในตัวอาคาร หล่อนสั่งอาหารให้แววนิลเพราะต้องการบางอย่าง และไอ้หนุ่มเถื่อนก็เดินเข้ามาหาพอดี
“ข่าวดี...แกต้องไม่เชื่อแน่อร รู้ไหมใครเอาอีนั่น?”
องอรขมวดคิ้ว “ใครวะอย่าโยกโย้น่า!!”
หญิงสาวถามกลับเสียงขุ่น
“ดุ๊ก!!” ชื่อที่ผ่านปากของแซกมาทำให้องอรหันขวับมามอง
“ดุ๊ก อีเมอร์สันคนนั้นเหรอ?”
เสียงองอรเหมือนไม่แน่ใจ เพราะผู้ชายคนที่เธอกล่าวถึง เขาไม่สนอีตัว ดุ๊กเป็นผู้ชายรูปหล่อ เขาไม่จำเป็นต้องจ่าย มีผู้หญิงเข้าแถวรอถ่างขาให้ชายหนุ่มเป็นร้อยคน
“ใช่เลย...โคตรโชคดี น้องแกนี่มันเฮงแท้...เปิด ‘ซิง’ คนแรกก็เจอของดีเลย หากเขาถูกใจขึ้นมาละก็...สวรรค์”
แซกพูดกลั้วเสียงหัวเราะ แววนิลโชคดีที่ผู้ชายอย่างดุ๊กยอมซื้อบริการ
“ฉันเปลี่ยนใจทันไหมแซก?”
องอรเปรย เธอกระหายอยากอยู่ในอ้อมอกของดุ๊กมาตลอด แต่ไม่เคยมีโอกาสนั้นเลย ผู้ชายอย่างดุ๊กไม่เคยเฉียดเข้ามาใกล้แหล่งโสมม...เขาเหมือนลอยอยู่บนฟ้า ให้คนอย่างเธอชะเง้อคอมอง แล้วอะไรทำให้เขาสนใจผู้หญิงชั้นต่ำอย่างพวกเธอล่ะ ถึงแม้แววนิลจะไม่ใช่ แต่ก็เข้าข่ายล่ะนะ
“อย่ามาตลกอีอร!!” แซกตะคอกเสียงเขียว “กูรับเงินมันมาแล้ว ไม่เอาอีนั่นไปส่ง...ก็คงต้องเลิกอาชีพนี้เชียวแหละ ก็น่าจะรู้นะ ไอ้นั่นมันเป็นคนยังไง” ดุ๊กมีเงิน มีอำนาจ เขาเป็นคนสำคัญของเมืองนี้ แม้แต่คนมีอิทธิพลยังต้องเกรงใจ นับประสาอะไรกับมดปลวกที่ต้องอาศัยอยู่ในเมืองเพื่อทำมาหากิน
องอรถอนใจเฮือก จะถีบส่งอีแววนิลลงนรก ก็เหมือนจะไม่เต็มร้อยเท่าไร นรกที่เห็นอยู่ลิบๆ อาจจะพลิกผันเป็นสวรรค์ได้ หากไอ้หมอนั่นติดใจแววนิลขึ้นมา
“เออ...ตามนั้น!!”
หล่อนภาวนาในใจ สวรรค์คงไม่เข้าข้างแววนิล ขอให้ชายหนุ่มเขี่ยมันทิ้งหลังเสพสวาทจากแววนิลจนสุขสำราญ
“มึงจะกล่อมมันยังไง กูไม่เห็นว่ามันจะเหมือนมึงเลย”