“โอ๋ เด็กน้อย...สะอึกสะอื้นใหญ่เลย ใจละลายนะเนี่ย” น้ำเสียงขี้เล่นทว่าอาบยาพิษกระซิบข้างหูฉัน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันที่เขาวางฉันลงบนเตียง แต่ฉันดิ้นอย่างไม่คิดชีวิต ดิ้นอยู่อย่างนั้นจนเตโชต้องโยนลงบนฟูกจนรู้สึกจุก
ต้องหนีให้ได้...
สิ่งแรกที่ฉันคิดได้เมื่อลงมานอนจุกอยู่บนเตียงคือการหนีไปจากที่นี่ ยอมเปลือยทั้งตัวดีกว่าอยู่ให้คนเลวทรามต่ำช้าอย่างเตโชกระทำชำเรา คนอย่างมันถ้าได้ลงมือ...ใครหน้าไหนก็หยุดมันไม่ได้
อสูรที่ว่าร้าย อักขระที่ว่าเลว คนที่ฉันรู้จักมาทั้งหมด ไม่มีใครได้ครึ่งของเตโชเลย
หมับ!
เฮือก
ฉันสะดุ้งเมื่อฝ่ามือหนาตะปบเข้าที่ข้อเท้า ก่อนออกแรงลากจนร่างถลากลับไปอย่างช่วยไม่ได้ ปลายนิ้วทั้งหมดพยายามคว้าอะไรสักอย่างไว้
แต่...ก็คว้าได้มาเพียงอากาศเท่านั้น
“ปล่อยฉันนะ!” ฉันยกเท้าถีบท่อนแขนที่เต็มไปด้วยรอยสักของมัน แต่กลับกลายเป็นว่า...
“เพิ่งเจอหน้ากันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงเอง จะให้ปล่อยง่าย ๆ ได้ไง หื้ม?” มันกลับพูดอย่างไม่รู้สึกรู้สาและขึ้นมาคร่อมร่างฉันไว้เป็นการพันธนาการ
ฉันเบิกตาโพลง ภาพในอดีตชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
เสียงกรีดร้องของฉัน...เสียงหัวเราะของมัน
ความเจ็บปวดของฉัน...ความสุขของมัน
เรารู้สึกต่างกัน แต่มันกลับบรรจบลงที่เดียวกันโดยฉันเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ร่ำไป
ผู้หญิงต้องเป็นฝ่ายโดนทำร้ายตลอดเลยใช่ไหม แล้วทำไมต้องเป็นฉัน ทั้งเพื่อน ทั้งคนรัก ฉันก็สูญเสียมันไปหมดแล้ว
แล้วไอ้เวรนี่...มันยังต้องการอะไรอีก
“ชาตินี้แกก็ทำเป็นอยู่อย่างเดียว...” ฉันมองสบตามันทั้งน้ำตา ในขณะที่คนเหนือร่างเอียงคอ ทำตาปริบ ๆ พร้อมรอยยิ้มกวนประสาท “ทำชั่วเป็นอยู่อย่างเดียวไงไอ้หน้าตัวเมีย”
“เมียเหรอ...ก็จริงนะ” เตโชหลุบตามองริมฝีปากฉัน “ในเมื่อ ‘ตรงหน้า’ ฉันคือ ‘เธอ’ ”
“...”
“ก็ ‘เมีย’ ไม่ใช่เหรอ ‘ตรงหน้า’ ฉันเนี่ย”
“ฉันไม่อยากมีผัวระยำแบบแก!”
ฉันกรีดร้องจนแสบคอ ทุกคำพูดของเตโชล้วนไร้จิตสำนึก และมันทำให้ฉันเคียดแค้นจนสั่นไปทั้งตัว
คนเราจะชั่วแค่ไหน อย่างน้อยก็ต้องคิดได้บ้าง
แต่นี่...แม้แต่เศษเสี้ยวฉันยังมองไม่เห็น
ยังเป็นคนอยู่เหรอ...
เดรัจฉานมันยังดีกว่า ดีกว่าเป็นไหน ๆ
“ปากแรงด่าเจ็บใช้ได้ แต่คงเจ็บกว่านี้ถ้าเธอไม่ร้องไห้ขี้มูกโป่งนะ” เตโชทำท่าจะยื่นมือข้างหนึ่งมาสัมผัสแก้มฉัน แต่ฉันใช้มือปัดออกอย่างไร้เยื่อใย
อย่าคิดจะเสแสร้งทำเป็นเห็นใจ ทำให้ตายยังไงชาตินี้ทั้งชาติฉันก็ไม่มีวันมองเห็นความเป็นคนของมันหรอก
“ยะ อย่าหน้าด้านเอานิ้วสกปรก ๆ มาสัมผัสฉัน!”
บ้าชะมัด ฉันจะหนีได้ยังไง ดิ้นจนหมดแรงก็ไม่สะเทือนมันเลย ความกลัวก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แล้วด้วย...
“ดูสิ ขนาดจะเกรี้ยวกราดก็ยังเสียงสั่น อิ ๆ”
Techo Describe
น่ารักและน่าตบไปพร้อมกัน
แต่จะตบก็ต้องตบด้วยปาก กระชากด้วยลิ้น และกินซ้ำ ๆ ให้สมอยาก
ผู้ชายมักมีอารมณ์ตอนเห็นผู้หญิงเปลือยเปล่า...ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่น้ำตาและท่าทางหวาดกลัวของเอื้องขวัญในตอนนี้กลับมีอิทธิพลยิ่งกว่า
เกิดอยากถนอม แต่ลืมไป...ผมถนอมใครไม่เป็น
ปล้ำเป็นอย่างเดียว
ต่อให้เอื้องขวัญปัดมือผมออกอย่างรังเกียจ แต่ผมก็ยังหน้าด้านยื่นมันไปใกล้ผิวแก้มซีดเผือดซึ่งเปียกชื้นไปด้วยหยดน้ำตา
ร้องไห้งอแงเป็นเด็กเลยแฮะ
“บอกอย่าเอามือมาสัมผัสฉันไงไอ้เลว!” เอื้องขวัญพยายามจะปัดมือผมทิ้งอีกครั้ง ทว่าผมใช้มือข้างเดิมคว้าฝ่ามือบางเอาไว้ก่อนกดลงเตียงนุ่มที่เต็มไปด้วยรอยยับ สักพักหนึ่ง...เรียวนิ้วเล็ก ๆ ทั้งห้าก็ถูกผมสอดประสานไว้ด้วยนิ้วของตัวเอง
ทำไมน่ะเหรอ?
ไม่บอก...อิ ๆ
“เออน่า รู้แล้วว่าเลว” ผมยิ้มรับในขณะที่ระยะห่างระหว่างเราลดลงเรื่อย ๆ
คือผมเป็นฝ่ายขยับเข้าไปใกล้เองไง ยิ่งเห็นว่าริมฝีปากที่เคยสัมผัสมาแล้วหลายครั้งกำลังสั่นระริกเหมือนเด็กน้อย ผมก็ยิ่งอยาก..
อยากจูบ...
แต่ขอแรงกว่าจูบนิดหนึ่ง อะไรเบา ๆ มันไม่ถึงใจ
“กะ แกจะทำอะไร ออกไปนะ!”
ยัยเด็กปากดีตะโกนอย่างก้าวร้าว พยายามดิ้นเป็นการต่อต้าน แต่พละของเรามันต่างกันอยู่แล้ว เพราะงั้นดิ้นให้ตายก็ไม่สะเทือนผมหรอก เว้นเสียแต่ผมจะเผลอหรือต่อให้
“อยู่ดี ๆ ก็คิดถึงอดีต ทำไงดี”
เพียงเสี้ยววินาที ปลายจมูกผมก็ขยับมาชิดปลายจมูกมนชื้นเหงื่อของเอื้องขวัญ และเสียงกระซิบแหบพร่าของผมที่ดังอยู่ตรงนี้ ทำให้ผู้หญิงใต้ร่างชะงักอย่างรุนแรง มีอาการหวั่นวิตก ขวัญหนีดีฝ่ออย่างเห็นได้ชัด
“มะ ไม่เอา ฮึก...”
น้ำเสียงกระท่อนกระแท่นเปล่งออกมาเหมือนเป็นการวอนขอ แต่กลับแข็งกร้าว ไม่ว่ายังไงผมก็ยังน่าขยะแขยงสำหรับเอื้องขวัญอยู่ดี แหม...ผมก็ไม่ได้พิศวาสหรอกน่า
จะมีเซ็กซ์กับผู้หญิงสักคน ไม่จำเป็นว่าต้องรู้สึกอะไรด้วยหรอก ไม่จำเป็นต้องพิศวาส ไม่จำเป็นต้องรัก รู้แค่ว่าอยากทำก็ทำเลย สนอะไร...
ถามว่าถ้าไม่สนแล้วลากเอื้องขวัญมาที่นี่ทำไม ก็นะ...บอกแล้วว่าผมมีเหตุผล
ครืด...
ผมกำลังจะประกบริมฝีปากลงไปตามสัญชาตญาณ หากแต่โทรศัพท์มือถือที่เงียบได้สักพักแล้วกลับสั่นขึ้นมาอีกครั้งอย่างรู้เวลา
ในวูบนั้นผมตวัดสายตามองหน้าจอที่สว่างวาบจึงเห็นว่าเป็นไอ้เหี้ยตะวันจริง ๆ ด้วย
นิสัยอีกอย่างหนึ่งของผมคือ ไม่ว่าผู้หญิงตรงหน้าเป็นใคร รักไหม เกลียดหรือเปล่า สายฝอ สายเกา หรืออะไรยังไง แต่ถ้ายังติดพันกับผมอยู่ ผมไม่ชอบให้หมาตัวไหนเข้ามาขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยเหตุและผลอะไรก็ตาม
เตโชไม่โอเคอย่างแรงครับผม
“อย่าคิด”
ผมส่งเสียงเย็นเมื่อเห็นเอื้องขวัญมีท่าทีอาลัยอาวรณ์ไอ้โทรศัพท์มือถือนั่นมาก คล้ายกับว่ากำลังขอความช่วยเหลือจากใครสักคน
“ไอ้สวะ...”
เอื้องขวัญเค้นเสียงด่าผมอีกครั้ง ใช้ปลายเล็บของมือข้างที่ผมสอดประสานเอาไว้จิกเข้าหลังมืออย่างไม่ออมแรง และใช่...เสียงครูดของเนื้อเป็นเครื่องยืนยันว่ามันกำลังสร้างบาดแผลให้ผม
“ได้แค่นี้ก็หยุดดีกว่า ฉันไม่สะเทือนหรอก”
ก็ไม่เชิง แต่ผมชินต่างหาก
ครืด...
“จะสะเทือนอะไรล่ะ ก็แกมันไม่ใช่ คะ คน อื้อ!” โอเค ก็แล้วแต่... อยากด่าอะไรก็ตามใจ แต่หลังจากนี้หาทางง้างปากด่าให้ได้แล้วกัน
ผมปิดปากเอื้องขวัญด้วยริมฝีปากของตัวเองทันที เรี่ยวแรงยัยนั่นแทบไม่มีอยู่แล้ว ไม่ต้องใช้มือบีบก็อ้าปากหอบหายใจเปิดทางให้ผมได้สอดปลายลิ้นเข้าไปข้างในอย่างง่ายดาย
จิลเงินที่ผมเจาะบริเวณกลางลิ้นกระทบไรฟันของยัยนั่นในจังหวะดุดันแข่งกับเสียงเปียกชื้นของริมฝีปาก รสชาติที่หวานและข่มเฝื่อนไปพร้อมกันทำให้ผมเสียสติมากขึ้นทุกที โคตรชอบความรู้สึกแบบนี้เลย...
เสียงสะอึกสะอื้นและแรงจิกบริเวณหลังฝ่ามือทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกกระตุ้นจนต้องทิ้งน้าหนักลงไป ฟูกยุบลง เสียงสปริงของเตียงดังขึ้นหนึ่งครั้งในช่วงนั้น
“ฮึก”
เอื้องขวัญร้องอื้ออึงทั้งน้ำตา รู้แล้ว...หยดน้ำบริเวณมุมปากเมื่อครู่นี้คือน้ำตาของยัยนั่นเองสินะ จะร้องไห้ไปถึงเมื่อไหร่ ไม่ได้จะฆ่าสักหน่อย
แต่ก็นะ ผู้หญิงที่ผมเคยมีสัมพันธ์ด้วย ครึ่งหนึ่งก็มักจะป่วย เป็นไข้ ซมไปหลายวัน นั่นเพราะผมไม่เหมือนใคร ในขณะที่ผู้หญิงต้องการผม พวกเธอก็หวาดกลัวผมเหมือนกัน เพราะแบบนั้นจึงไม่มีใครทนอยู่กับผมได้เกินสามวัน น่าภูมิใจไหมนะเรื่องแบบนี้
อ่า...
ครืด
ดูท่าว่าไอ้ตะวันนั่นคงรั้นน่าดู ดึกดื่นขนาดนี้ไม่คิดว่าเอื้องขวัญจะนอนแล้วบ้างเหรอ โทรย้ำอยู่ได้ตั้งหลายครั้ง
รับเลยดีไหม มันจะได้รู้ว่าผู้หญิงของมันเอากับผมอยู่
พึ่บ
ไวเท่าความคิด ผมก็ขยับตัวเล็กน้อยเพื่อเอื้อมมืออีกข้างไปคว้ามันมาถือไว้ วินาทีนั้นเอื้องขวัญเบิกตาโพลง กระวนกระวายทั้งน้ำตา
-คุณตะวัน-
แหวะ เมมซะไพเราะเพราะพริ้ง ขนลุกยันไข่
“เอามา!”
คนตัวเล็กตะคอกแสดงความเป็นเจ้าของ “บอกให้เอามาไง”
“เชื่องสักหน่อยแล้วจะให้” ผมต่อรองพร้อมรอยยิ้มเย็นยะเยือก แน่นอนว่าคนอย่างเอื้องขวัญไม่มีทางยอม แถมยังใช้สายตาเหยียดขยาดแบบสุด ๆ ถลึงมองชนิดที่ว่าถ้าฆ่ากันได้คงทำไปแล้ว
“ใครเชื่อแกก็ประสาทแล้ว!”
ด่าได้ด่าดี แต่น้ำตายังคลอเบ้าคืออะไร ควรสงสารหรือหมั่นไส้ก่อนดีล่ะ
“งั้นก็ช่างมันเนอะ...”
เกร๊ง
สิ้นคำพูด ผมก็ทำเป็นมือไม้อ่อนปล่อยโทรศัพท์ลงพื้นทันที แรงสั่นสะเทือนและการกระทบกันของวัตถุและพื้นที่แข็งกว่าทำให้หน้าจอดับพึ่บลงอย่างไม่ต้องสงสัย
“...!” เอื้องขวัญมองตามอย่างโหยหาราวกับว่านั่นคือที่พึ่งสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ แต่ก็พังพินาศเพราะน้ำมือผม ผมมันก็อย่างนี้ ไม่พอใจก็ทำลาย ถ้าเธอให้ความสนใจกับสิ่งไหนอีกผมก็จะเผาทิ้งไม่ให้เหลือซาก จะพูดว่าเป็นการเรียกร้องความสนใจก็ถูกนะ
“ไม่มีใครโทรมาหาแล้ว เพราะงั้นมาสานต่อกันให้จบเรื่องจบราวดีกว่า”
“ไม่ อื้อ”
เสียงประท้วงเล็ดลอดมาเพียงเล็กน้อยก็ถูกผมสูบกลืนด้วยริมฝีปากซึ่งยังมีบาดแผลจากการโดนตบ และจุดที่กำลังบดขยี้ก็มีแผลเล็ก ๆ จากการถูกผมเอาคืนด้วยการจูบเช่นกัน เรียกได้ว่าการเสียดสีในครั้งนี้รุนแรงพอจะทำให้แผลปริจนเลือดซิบ...เพียงไม่นาน รสชาติขมปร่าและกลิ่นคาวก็คละคลุ้งอยู่ในโพรงปาก
เหมือนกองเพลิงที่ถูกราดด้วยน้ำมันก็ไม่ปาน...เพราะหลังจากนั้นไม่กี่วินาที แรงคัดตึงบริเวณเป้ากางเกงก็ส่งสัญญาณเตือนจนผมต้องเปลี่ยนมาใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างลากมากอบกำหน้าอกอวบอูม ออกแรงเค้นคลึงตามความรู้สึกที่พุ่งทะยานขึ้นเรื่อย ๆ ไร้ทีท่าจะสงบ
พึ่บ!
ผมรู้สึกว่าจูบของตัวเองกำลังทำให้วิญญาณของเอื้องขวัญลอยออกจากร่าง จึงค่อย ๆ ผละออกมา ในครั้งที่เห็นสีหน้าของคนใต้ร่าง ผมชะงักไปชั่วครู่... ยัยนั่นกำลังหลับตาเหมือนหวาดกลัวทุกอย่าง สะอึกสะอื้นไม่หยุดเจียนจะขาดใจ เมื่อก่อนเอื้องขวัญก็มีท่าทีกลัวผมอยู่เหมือนกัน
แต่มันต่างจากครั้งนี้...ผมรู้สึกว่ายัยเด็กนี่ดูจิตตก