บทนำ0.1
หลายปีก่อน
“อึก...แฮ่ก...”
เอื้องขวัญปรือตาผ่านหยดน้ำตาขณะที่ร่างกายของเธอกำลังเคลื่อนไหวตามการควบคุมของชายหนุ่มรูปงามเจ้าของนัยน์ตาสีมรกต เขากำลังใช้มันจดจ้องเรือนร่างของเธอที่ไร้สิ่งใดปกปิด มีเพียงร่องรอยบอบช้ำเป็นจ้ำ ๆ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าผู้หญิงคนนี้ผ่านอะไรมาพอสมควร
ถามว่าเตโชยี่หระไหม?...
จริง ๆ ตัวเขาเองก็ไม่รู้
อย่างเดียวที่เขาต้องการคือความจริงเกี่ยวกับผู้หญิงที่ชื่อบุรินทร์...ซึ่งจนป่านนี้เอื้องขวัญก็ไม่ยอมง้างปากบอกเขาสักที
“อมพะนำต่อไปเธอจะยิ่งแย่นะ...” เตโชกระซิบด้วยน้ำเสียงขี้เล่นแต่แฝงไปด้วยความเยือกเย็น ขณะมองหน้าอกเปล่าเปลือยที่กระเพื่อมขึ้นลงตามการเคลื่อนไหว...เด็กคนนี้สวยดี สวยจนเขาอยากจะเก็บไว้เลี้ยงดู แต่ว่านะ...
“ฉันไม่บอก!!”
ผู้หญิงที่สวยและมีเสน่ห์อย่างเอื้องขวัญกลับดื้อแพ่งและกวนอารมณ์เขาซะเหลือเกิน จากความแอบหลงปลื้มเพียงเล็กน้อยจึงหายไป และถูกความคุกรุ่นเข้ามาแทนที่
ถ้าเธอเป็นแมว เป็นหมา ก็คงเป็นสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงไปก็เสียข้าวสุข เปลืองเงินเปลืองทอง เปลืองเวลา
“ดื้อจังเลยน้า ฉันเหนื่อยแล้วนะเนี่ย อิ ๆ” เตโชหัวเราะพร้อมเสียงหอบหายใจ เหงื่อโทรมกายเขา กะจะใช้เซ็กซ์บีบบังคับให้เอื้องขวัญยอมง้างปากพูด...แต่ทำไปทำมา เขากลับมีอารมณ์ร่วมจนหยุดไม่ได้ซะอย่างนั้น
เสียชื่อไอ้เตโชหมดเลย...คนหล่อรับไม่ได้
“...” เอื้องขวัญใช้ดวงตาที่เคลือบเร้นไปด้วยความเกลียดชังจ้องมองผู้ร้ายในคราบเทพบุตร น้ำตายังบดบังทัศนียภาพ แต่คนที่ทำให้เธอเจ็บ...ต่อให้ดวงตาคู่นี้มืดบอด เธอก็มีวิธีมองเห็นและจดจำมัน
กึก...
เอื้องขวัญกัดริมฝีปากแน่นจนได้กลิ่นคาวเลือด เธอทนรับสิ่งน่าขยะแขยงนี้มานานแล้ว และมันนานมากจนเธอไม่รู้แม้กระทั่งวันเวลา ม่านที่ปิดทึบยิ่งทำให้เธอสับสน
กลางคืนหรือกลางวัน...
“ยัยเด็กเหลือขอ เธออยากตายหรือไงเนี่ย ถ้าไม่พูดฉันจะไม่ปรานีแล้วนะ” เตโชเลิกคิ้วขึ้น สภาพสะบักสะบอมของเด็กผู้หญิงใต้ร่างทำให้เขามีความคิดก้ำ ๆ กึ่ง ๆ อย่างบอกไม่ถูก ใจหนึ่งก็เวทนาจนอยากพอ แต่อีกใจหนึ่งก็ยั๊วะจนอยากสั่งสอนให้สลบเหมือดไปซะ
เด็กคนนี้ไม่ได้ทำอะไรผิด เขาต่างหากที่ผิด
แต่คนเลวไม่มัวมาเสียเวลาคิดหรอกว่าใครผิดใครถูก เป็นคนดีไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้นมา
ชั่วดีกว่า...สะใจกว่าเยอะ
เตโชยิ้มเย็นและเผลอยกมือสัมผัสท้ายทอย...บาดแผลเก่าที่ได้รับมาตั้งแต่เด็กตอกย้ำความทรงจำสีเทา มันบ่มเพาะสภาพจิตใจของเขาจนเน่าเฟะไม่เหลือชิ้นดี
“ไปตายซะ!”
เอื้องขวัญตวาดใส่หน้าเตโช และนั่นทำให้ชายหนุ่มรูปงามเอียงคอสี่สิบห้าองศา...ก่อนทำให้ผู้หญิงปากดีได้รู้ซึ้งถึงความเอาใจที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถควบคุมมันได้
สติของเอื้องขวัญหายไป...เธอคิดว่ามันจะจบ แต่ก็เปล่า
หัวใจ ร่างกาย และเลือดของเธอมันไม่บริสุทธิ์อีกต่อไป
ความสัมพันธ์ในครั้งนั้นทำให้เอื้องขวัญได้รู้ว่าผู้ชายที่ชื่อเตโชเกิดมาเพื่อทำลายชีวิตเธอโดยแท้จริง
เฮือก!
“บ้าเอ๊ย...”
ฉันสบถทั้งน้ำตาทันทีที่สะดุ้งตื่นจากความฝัน...ฝันอันน่ารังเกียจนั่น
ขยะแขยงสิ้นดี!
ภาพพวกนั้นเป็นเหมือนตราบาป ฉันเจ็บเจียนตายทุกครั้งเมื่อนึกถึงมัน ทั้งเคียดแค้น ทั้งโกรธ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากกัดริมฝีปากข่มกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
ไอ้เวรนั่น
เตโช...ฉันไม่เคยลืมชื่อของมัน
ไม่เคยลืมช่วงเวลาที่ตัวเองต้องนอนสั่นระริกอยู่ใต้ร่างสูงใหญ่ สะอึกสะอื้นจะเป็นจะตาย สภาพใกล้เคียงศพเข้าไปทุกที...
ไม่เคยลืมเสียงคำรามดุดันในครั้งที่ร่างกายของฉันกำลังถูกกระทำย่ำยีอย่างโหดร้าย
ไม่เคยลืมสีหน้า แววตา รอยยิ้มกวนประสาทที่ดูไร้มนุษยธรรมของเขา...ไม่เคยลืมว่าตัวเองต้องแบกรับอะไรไว้หลังจากโดนรังแกจนสาแก่ใจ
ไม่เคยลืมเลยสักอย่าง...
ไม่เคยลืมแม้กระทั่งช่วงเวลาที่ตัวเองต้องสูญเสียทุกอย่าง ทั้งเพื่อน คนรัก...
หลายปีก่อนฉันเคยมีเพื่อนสนิทอยู่หนึ่งคน เขาเป็นคนเกเร หัวขบถ นิสัยไม่ค่อยดี ออกแนวนักเลงหัวไม้หน่อย ๆ แต่ก็พึ่งพาได้...
ชื่อของเขาคือ ‘อักขระ’
ทว่าความคิดที่เขาคือเพื่อนผู้แสนดีก็พังทลายเพียงเพราะผู้หญิงที่ชื่อ ‘บุรินทร์’... เธอทำให้อักขระหักหลังฉัน เหมือนอย่างที่ ‘อสูร’ อดีตคนรักของฉันทำ
ความจริงอสูรไม่เคยเห็นหัวฉันหรอก
เขาไม่เคยพิศวาสหรือใยดีฉันสักนิด เขาใช้ฉันเป็นเครื่องมือ วิธีการอาจแตกต่างไปจากอักขระ แต่จุดประสงค์ก็ยังเป็นผู้หญิงคนเดียวกัน
เตโชเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้...
“อ้าวขวัญ ตื่นแล้วเหรอ” เสียงทุ้มที่ดังมาจากทิศทางหนึ่งเรียกให้ฉันหันกลับไปมอง “สีหน้าดูไม่ดีเลยนะ กลับไปพักผ่อนไหม”
ผู้ชายคนนั้นชื่อตะวัน...เป็นผู้จัดการร้านอาหารที่ฉันทำงานอยู่
“ขวัญว่าจะขอกลับอยู่พอดี” ฉันลุกขึ้นจากโซฟาก่อนเดินไปคว้ากระเป๋าเป้ใบเล็กมาสะพาย วันนี้รู้สึกเวียนหัวและครั่นเนื้อครั่นตัวอย่างบอกไม่ถูก ผลพวงคงมาจากการตากฝนเมื่อวานแน่ ๆ
“โอเค งั้นกลับดี ๆ มีอะไรโทรมาละกัน”
คุณตะวันเดินมาลูบศีรษะฉันเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มที่ใครเห็นต้องใจจะลาย...แต่ฉันทำได้แค่ยกมือไหว้อย่างมีมารยาทเท่านั้น ก่อนเดินออกมาจากร้านอาหารกึ่งบาร์ซึ่งยังคงมีลูกค้าใช้บริการอยู่พอสมควร
ปกติฉันไม่หลับในเวลาทำงานหรอก แต่วันนี้ไม่ไหวจริง ๆ
หากทว่าเมื่อออกมาด้านนอกแล้ว ฉันกลับสัมผัสได้ว่ามีใครสักคนกำลังจ้องมองมาทางนี้ ลองหันซ้าย แลขวา หรือหมุนไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นใคร หรือฉันแค่เบลอจนคิดไปเองกันนะ...
ตึก ตึก ตึก
ฉันส่ายศีรษะไปมาและกำลังจะก้าวท้าวเดินต่อ
ทว่าฝีเท้าหนักหน่วงที่กระทบกับพื้นคอนกรีตทำให้ฉันชะงักอีกครั้ง... เสียงของมันก้องสะท้อนไปทั่วจนหาทิศทางที่ถูกต้องไม่เจอ
“ให้ตายสิ...”
ฉันขยุ้มมือกับชายเสื้อด้วยความกลัว ช่วงนี้มีข่าวถูกปลิ้นชิงทรัพย์เยอะมาก หนักหน่อยก็ฆ่าปิดปากเพื่ออำพรางคดี
เตือนสติตัวเองอีกรอบฉันก็ตัดสินใจจะวิ่งให้เร็วที่สุด แต่...
หมับ!!!
กลับมีท่อนแขนของใครบางคนโอบกอดจากทางด้านหลังพร้อมรั้งเข้าหาจนเท้าฉันลอยเหนือพื้น...ยิ่งไปกว่านั้นริมฝีปากยังถูกฝ่ามือหยาบหนาปิดเอาไว้อย่างแนบแน่น! แน่นจนไม่สามารถเปล่งเสียงร้องได้
“อื้อ!”
ฉันพยายามดิ้นเพื่อเอาตัวรอดจากการกระทำอุกอาจของบุคคลนิรนาม แต่ลมหายใจร้อนผ่าวอันเจือด้วยกลิ่นบุหรี่กับน้ำเสียงแหบพร่าชวนขนลุกที่กระซิบชิดใบหูทำให้ฉันตัวแข็งเกร็งคล้ายถูกสาป...
“ไม่เอา ไม่ดิ้นนะเด็กดี...นี่เตโชไงจำไม่ได้เหรอ? อิ ๆ”
หัวใจของฉันแทบหยุดเต้น...ความกลัวและความเกลียดชังถูกแสดงออกผ่านร่างกายอันสั่นระริก สั่นมาก...สั่นจนไม่คิดว่านี่คือร่างกายของตัวเอง
ไอ้ปีศาจนั่น...
“นะ...นาย...” เสียงที่เปล่งออกไปค่อนข้างกระท่อนกระแท่น แม้แต่น้ำลายที่เพิ่งกลืนลงคอเมื่อครู่ก็แสบร้อนเสมือนว่าเป็นน้ำกรด
“ตัวสั่นเหมือนลูกหมาเลย กลัวหรือไง หื้ม?” ขนอ่อนทั่วร่างลุกชันอย่างพร้อมเพรียงทันทีที่เสียงแหบพร่าของบุคคลด้านหลังกระซิบอย่างใกล้ชิด และมันใกล้มากชนิดที่ริมฝีปากร้อนระอุสัมผัสโดนใบหูฉัน
ไม่รู้ทำไม...ฉันถึงรู้สึกว่าบางอย่างที่เปียกชื้นกำลังแตะเบา ๆ ณ จุดนั้น มันกำลังเลีย...
ใช้ปลายลิ้นลามเลียจนปอยผมส่วนนั้นพลอยเปียกชื้นไปด้วย
“ปะ ปล่อย! ไอ้ชั่ว!” ฉันรวบรวมสติและออกแรงดิ้นอีกครั้ง ทว่าการที่ฉันต่อต้านเขาก็เหมือนยั่วยุให้คนจิตใจต่ำทรามโอบรัดแนบแน่นมากยิ่งขึ้น แน่นจนสัมผัสได้ถึงเรือนกายแข็งแกร่ง รวมถึงกลิ่นบุรุษเพศที่ผสมกับกลิ่นบุหรี่เจือจาง
“ไม่เจอหน้ากันหลายปี พูดจาไม่น่ารักเลยนะ...” เสียงกระซิบของปีศาจทำให้ฉันผวาเฮือกจนต้องจิกนิ้วกับท่อนแขนของเขา ถ้าเป็นคนอื่นคงจะเจ็บจนสะดุ้ง แต่กับเตโช...เขากลับครางออกมาอย่างน่าหวาดเสียวด้วยน้ำเสียงพร่ากระเส่า
ไอ้โรคจิต
“เมื่อไหร่จะตาย ๆ ไปซะที!” ฉันเค้นเสียงถามอย่างเกรี้ยวกราด ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะต้องกลับมาเจอเขาอีก...
“แหม...เสียดายหน้าตาสวย ๆ ไม่น่าปากหมาเลยเนอะ” เตโชหัวเราะคิกคักและทำเสียงซี๊ดซ๊าดในครั้งที่ฉันเพิ่มแรงจิกจนได้กลิ่นเลือดตามมา
“ไอ้สารเลว! ฉันขยะแขยง!” ฉันตะเบ็งเสียง
แค่คิดว่าต้องเห็นหน้าหมอนี่อีกครั้งก็เจ็บจนอยากบ้าแล้ว นับประสาอะไรกับการโดนโอบกอดด้วยท่อนแขนที่เคยใช้ทำร้ายกัน
ทำไมล่ะ ทำไมต้องกลับมาด้วย!
ฉันกัดริมฝีปากเพื่อระงับความรู้สึกมากมายที่ทะลักเข้ามาในอก ก่อนออกแรงดิ้นสุดชีวิต คิดไว้ว่าถ้าหลุดจากพันธนาการมันได้ ฉันจะเอาคัตเตอร์ในกระเป๋าแทงหมอนั่นให้ตายไปซะ...
แต่...
พลั่ก
เตโชไม่เปิดช่องโหว่ใด ๆ ทั้งสิ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังพลิกให้ฉันหันกลับไปเผชิญหน้า ก่อนผลักติดเสาไฟฟ้าเย็นเฉียบ
สัมผัสได้ถึงความรุนแรงที่ซึมผ่านกระดูกสันหลัง...และนั่นทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นถลึงตามองไอ้สารเลวด้วยความเกลียดชัง
เตโชจัดว่าเป็นคนหล่อมากคนหนึ่ง เขาไม่เคยเปลี่ยนไป...ทั้งหน้าตาและสันดาน
“...” เกิดความเงียบ ฉันไม่รู้ว่าเตโชกำลังคิดอะไร แต่แววตาที่เต็มไปด้วยความสกปรกและน่าขนลุกกำลังสำรวจฉันตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ก่อนมาบรรจบยังริมฝีปากที่กำลังเม้มแน่นของฉัน
วินาทีนั้นเขาใช้ปลายลิ้นตวัดไล้ริมฝีปากตัวเองและส่งยิ้มเย็น ๆ มาให้...