.“ค่อยๆ นั่งลง ย่อตัวแล้วคลานมาหาฉัน ช้าๆ นะ”
เขาบอกเสียงเบา สาดแสงไฟใส่ตางูให้มันอยู่นิ่ง จอมขวัญทำตามคำสั่ง ค่อยๆ คลานออกมาด้วยหัวใจเต้นระทึก ก่อนจะถอนหายพรูเมื่อออกมาจากตรงนั้นได้
“มันคงอิ่มอยู่ ไม่อย่างนั้นเธอก็คงโดนกินไปแล้ว”
เขาดึงร่างสั่นเทามาอยู่ใกล้ตัว จอมขวัญโผเข้ากอดรัดเขาไว้แน่น หญิงสาวตกใจเกินกว่าสมองจะสั่งการ นอกจากต้องการคนปกป้องตัวเองได้
“ไป ไปจากที่นี่เถอะ”
เสียงสั่นร้องบอก มือจับต้นแขนเขาไว้แน่น ท่าทางเชิดหยิ่งไม่หลงเหลือ
“กลัวรึไง” เขาถามเสียงกลั้วหัวเราะ
“บ้า ! งูนะ ไม่ใช่ไส้เดือน แกมากอดฉันทำไม ยี้”
เสียงเล็กแหวใส่ ลืมความกลัวไปชั่วขณะ ผลักอกเขาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าถูกอีกฝ่ายกอดรัดอยู่
ใบหน้ารกเรื้อบึ้งตึงทันที “เป็นคนโผเข้ามากอดฉันเองแท้ๆ ไปกลับที่พัก หรือจะอยู่นี่นอนกับงู” เขาลากแขนพาเดินกลับ
“โอ๊ย ! เบาหน่อยสิ”
จอมขวัญแหวเข้าใส่ เมื่อถูกเขาลากจนหัวซุน อีตานี่ คุ้มดีคุ้มร้าย เมื่อกี้ยังพึ่งพาได้ ตอนนี้กลับมาร้ายกาจอีกแล้ว
“กลับมาแล้วเหรอลูกพี่ ผมปิ้งปลาเสร็จพอดี มากินกัน”
คำปันจัดแจงเตรียมอาหารไว้รอท่า เขามองผู้เป็นนายกับหญิงสาวที่หายไปกันนาน แล้วอมยิ้มเมื่อเห็นมือของนายจับข้อมือเล็กของเธอเอาไว้ ปากบอกว่าเกลียดแต่จูงมือเขาเดิน มันจะเหมือนในละครหลังข่าว ที่พวกสาวๆ ชอบดูกันหรือเปล่า พระเอกเกลียดนางเอกสุดท้ายก็รักกัน
“เอามาสิ แล้วมีน้ำพริกหรือเปล่า”
เกริกปล่อยมือจอมขวัญ ขยับมานั่งข้างกองไฟ รับห่อข้าวเหนียวกับไม้เสียบปลาเผามาแกะกิน ร้องหาน้ำพริกที่เขาต้องกินทุกมื้อ
“มีน้ำพริกตาแดง นี่ครับ”
คำปันส่งประปุกพลาสติกใบเล็กมีฝาปิดสีแดงให้ผู้เป็นนาย แล้วหันมาหยิบปลากับห่อข้าวเหนียวส่งให้จอมขวัญ
“นี่ครับอาหาร ในป่าก็มีแต่อาหารพื้นๆ แบบนี้แหละครับ” เขาบอกหญิงสาว
“ขอบใจจ๊ะ”
จอมขวัญรับอาหารมาแกะกินเงียบๆ ปลาย่างรสชาติดีไม่เหม็นคาว เนื้อปลาหวานคงจะเป็นเพราะปลาสดมาก ข้าวเหนียวถึงจะเย็นแต่ก็นุ่มไม่แข็ง กินกับเนื้อปลาร้อนๆ ทำให้รู้สึกอร่อยจนเคี้ยวแทบไม่ทัน หันไปมองเจ้าโจรอีกฝ่ายกำลังปั้นข้าวเหนียวจิ้มน้ำพริกแดง ท่าทางเอร็ดอร่อย กินง่ายอยู่ง่ายเลยทำให้ตัวโตสินะ อดนึกเปรียบเทียบกับพี่ชายตัวเองไม่ได้ จอมทัพเป็นพวกเลือกกิน หากไม่อร่อย ไม่ถูกใจ หรือไม่มั่นใจว่าสะอาด พี่ชายของเธอจะไม่ยอมกิน แม่ครัวที่บ้านต้องเปลี่ยนเมนูไม่ให้ซ้ำกัน มื้อไหนเจออาหารไม่ถูกปากก็บ่น จนคนทำร้องไห้ ต่างจากเธอที่กินง่าย กินอะไรก็ได้ ขอเพียงสะอาดปลอดภัยก็พอ
“อิ่มแล้วใช่ไหม ไปนอนสิ หรือจะอยู่เป็นเพื่อนฉันเฝ้ายาม”
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวกินข้าวอิ่มหนำสำราญแล้ว เกริกก็ไล่ให้จอมขวัญกลับเข้าเต็นท์
“ใครจะอยากอยู่ใกล้นายกัน ชิ”
จอมขวัญสะบัดเสียงใส่ เดินหนีเข้าเต็นท์ไป ปล่อยให้เกริกกับลูกน้องอยู่หน้ากองไฟ หญิงสาวมองเงาสะท้อนจากแสงไฟ เห็นอีกฝ่ายเดินไปมา เสียงหรีดริ่งเรไรดังขับกล่อมทำให้ดวงตาหรี่ปิดลง รู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อมีความรู้สึกว่า มีใครกำลังเบียดอยู่ข้างๆ พอลืมตาขึ้นมองก็ตกใจ อ้าปากจะกรีดร้อง แต่ถูกอุ้งมือหนาตะปบปิดปากไว้ก่อน
“กรี๊ด อื้อ”
“จะร้องโวยวายทำไม”
เสียงดุ กระซิบดังข้างหู ใบหน้ารกเรื้อยื่นมาจนชิดใบหน้างาม จอมขวัญส่ายหน้าหนี เอามือแกะมือเขาออกจากปาก
“ไปนอนข้างนอกสิ มานอนที่เดียวกับฉันทำไม”
หญิงสาวขับไล่เขา
“เต็นท์มีหลังเดียว จะให้ฉันนอนที่ไหน”
เขาถอนหายใจแรง สีหน้าเข้มดุดัน อารมณ์เริ่มเสียเมื่อง่วงนอนแต่โดนหญิงสาวส่งเสียงดังรบกวน
“ลูกน้องแกนอนที่ไหน ก็ไปนอนกับเขาสิ”
จอมขวัญขยับลุกขึ้นนั่ง ถดตัวถอยห่างร่างหนาใหญ่ เต็นท์เล็กแค่นี้เขาเข้ามาก็เกือบเต็มพื้นที่แล้ว จะนอนไปได้ยังไง แล้วเธอก็ไม่เคยนอนใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนด้วย จะให้เขามานอนข้างๆ ทำใจไม่ได้
“นี่แม่คุณ หุบปากแล้วนอนไปเลยนะ ถ้าไม่อยากนอนก็ออกไปนอนข้างนอกโน่น”
เขาล้มตัวลงนอนหันหลังให้ ไม่สนใจว่าหญิงสาวจะโวยวาย
“แกนั่นแหละออกไป”
จอมขวัญกำหมัดทุบหลังหนาของเขาแรงๆ ไล่ให้ออกไป
“โอ๊ย ! มาทุบฉันทำไม”
มือหนาคว้ามือน้อยไม่ให้ประทุษร้ายอีก กระชากร่างเล็กจนเซล้มลงบนอก
“จะนอนดีๆ หรือให้ฉันจับโยนออกไป หรืออยากไปนอนเล่นกับไอ้งู ฉันจะจับไปมัดไว้ที่นั่น”
“บ้าสิ ปล่อยฉันนะ!”
จอมขวัญดิ้นรนตบตีเขาไม่ยอมหยุด ปลอกแขนแข็งแกร่งนั้นก็รัดแรงขึ้น จนเนื้อตัวนุ่มนิ่มบดเบียดกับแผงอกหนา ร่างเล็กเกยอยู่บนร่างของเขา ไม่ต่างจากนอนทับฟูกแข็งๆ
“อืม สงสัยไม่อยากนอน แต่อยากทำอย่างอื่นใช่มั้ย”
ดวงตาคมวาววับ ริมฝีปากไต้หนวดรกเรื้อขยับแย้มยิ้มกรุ้มกริ่ม ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดแก้มนวลผะแผ่ว ชวนขนลุก
“อย่านะ อย่าคิดทำอะไรบ้าๆ นะ”
จอมขวัญตัวแข็งทื่อ นึกหวาดหวั่นกับท่าทีคุกคามนั้น ร่างของเขาอุ่นจัด มันรัดเธอไว้ทั้งตัวจนแนบชิดแทบจะกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน จนแทบได้ยินเสียงหัวใจของเขากับเสียงหัวใจของเธอดังประสานกัน