ความเดียวดายนั้นไร้ซึ่งความอบอุ่น เขว้งขว้างภายใต้ผืนนภาแม้แสงสุรยาคอยโอบล้อมแผ่ซึ่งความอบอุ่น ผู้คนมากมายมุงดูเจ้าหน้าที่กำลังหาหลักฐานในที่เกิดเหตุ กลิ่นไหม้คละคลุ้งทั่วประจักษ์ ใครนอจะกล้าคิดยามเห็นชายที่คุ้นเคยนอนไร้สิ้นลมหายใจภายในรถ สภาพศพมีโลหิตท่วมตัวชวนใจหวิว ทว่า ลมเจ้าแรงพอสมควรที่จะทำให้ผ้าคลุมศพเปิดออก ครานั้นถึงรู้ชัดเจน ใบหน้าเปื้อนยิ้มของคุณลุงตอนนี้ไร้ซึ่งความสุข ปากที่เคยเปล่งเสียงปลอบยามนี้กลับปิดสนิทมืดมิดดั่งดวงหฤทัย
เนื้อตัวสั่นเทาไร้สิ้นความสุข หัวใจหน่วงหนักจ้องมองเด็กน้อยกอดศพบิดาของตน น้ำตาดั่งสายธารหยดลงไม่รู้จักสิ้น
"พ่อคะ ฮึก แล้วหนูจะอยู่กับใคร" เสียงร้องแทบขาดใจปนเปื้อนด้วยใจที่เศร้าหมอง หากได้ฟังกลับใจสลายชั่วพริบตา
คงจะเจ็บปวดมากสินะ เด็กที่อยู่กับพ่อแค่สองคน แล้วมาวันนี้เธอต้องเสียพ่อไปเป็นเราก็ทำใจไม่ได้ สีหน้าเจ็บปวดของเด็กคนนั้นทำให้พู่กันค่อยๆย่อตัวลงนั่งตรงหน้าพลางยกมือเช็ดน้ำตาให้
หยดน้ำตาไม่คู่ควรกับคนบริสุทธิ์เลยสักนิด
"กอดพี่ได้นะคะ" มือบางดึงน้องเข้ามากอดพลางลูบหลังปลอบ คราวนี้คงทำอะไรได้ไม่มาก นี่คงเป็นชะตาชีวิตที่แสนเจ็บปวดของเด็กคนหนึ่ง คุณลงเคยปลอบพู่กันและตอนนี้ฑุ่กันก็กำลังทำหน้าที่เป็นกำแพงที่คอยโอบล้อมแก้วตาดวงใจของคุณลุง ถึงแม้ได้พูดคุยกันชั่วคราว แต่แล้วกลับรู้สึกผูกพันธ์ไม่เสื่อมคลาย
ศพที่ถูกนำขึ้นรถก่อนจะขับออกไป ไม่นานก็มีผู้ชายคนหนึ่งคาดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าก้มมองเด็กน้อยในอ้อมกอด ผู้ชายตัวสูง หน้าตาคมคาย เหมือนเคยเจอที่ไหนแต่กลับนึกไม่ออก
"เธอกำลังเสียใจ ให้ฉันไปกับเธอได้หรือเปล่าคะ"
"ฉันเป็นแพทย์จิตเวชค่ะ" เพราะคนตรงหน้าเงียบจึงพูดขึ้น ซึ่งทำให้เขาพยักหน้าตอบรับ
ภายในห้องโล่ง สภาพค่อนข้างดี เด็กน้อยหลับตาพริ้มถ้าหากมีคราบน้ำตายังคงปนเปื้อนแก้มใส เสียงสะอื้นดังเป็นระยะถึงแม้ร่างกายจะอยู่ในห้างแห่งนิทรา ทว่า จิตใต้สำนึกยังคงตื่นในวังวนความเจ็บปวด หากปีศาจร้ายกำลังกัดกินดวงใจอันบริสุทธิ์
ยื่นมือไปลูบผมน้องแผ่วเบา เมื่อเห็นคนที่นอนอยู่ขมวดคิ้ว 'คงจะฝันร้ายสินะ'
เสียงประตูที่กำลังเปิดอ้าชวนหันไปมองทางประตู ก็เห็นตำรวจหน้าตาดีคนหนึ่งเดินเข้ามา ซึ่งเป็นคนเดียวกันกับที่พู่กันขอติดรถมากับน้อง
"ผู้หมวดมาพอดีเลย งั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ ดึกแล้วด้วย" พู่กันอยู่ที่ตึกห้องพักของตำรวจนานพอสมควร ตอนนี้ก็เกือบสามทุ่มแล้ว ควรจะกลับ
"ผมไปส่ง" กระพริบตาปริบๆจะอ้าปากพูดปฎิเสธ นายตำรวจก็เดินออกจากห้องแล้ว
"เอ่อ ฉันชื่อพู่กันค่ะ แล้ว..."
"ผมชื่อศิลา" ชื่อศิลา เหมาะกับชื่อดี ศิลาคนเย็นชา
"ไหนๆก็รู้จักกันแล้ว ดูไปหมวดก็อายุมากกว่า งั้นขอเรียกพี่ศิลาได้หรือเปล่า" ตลกชะมัด รู้จักกันได้ไม่ถึงครึ่งวันก็ขอเรียกเขาว่าพี่ซ่ะแล้ว ถ้าหากคนที่ตั้งใจขับรถทำเพียงพยักหน้าตอบเท่านั้น
"พู่กันกำลังเรียนจบ ถ้าหากต้องการคนช่วยดูแลน้อง พู่กันยินดีนะคะ"
"ครับ"
รถเคลื่อนมาจอดหน้าบ้าน มองด้านข้างก็พบว่ามีรถหรูไม่คุ้นจอดอยู่หน้าบ้านคล้ายมีแขกคนสำคัญมา แต่ด้วยอาการอ่อนเพลียมาทั้งวันจึงไม่ได้คิดอะไรมาก แค่สงสัยเพื่อนม๊าจะมาเยี่ยมเท่านั้น
"ขอบคุณนะคะที่มาส่ง" เจ้าของรถแค่พยักหน้าตอบนิ่งๆ ขณะที่พู่กันเอื้อมมือจะเปิดประตูก็ต้องชะงัก หันมาถามพี่ศิลา
" พุ่กันคุ้นหน้าพี่มากเลย เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า"
"เคย ที่สนามบิน" ที่สนามบิน...
"อ้อ ว่าแล้วเชียวไม่น่าละถึงว่าคุ้น แหม่โลกกลมจริงๆ ตอนนั้นถ้าไม่ได้ผู้หมวดช่วย มีหวังเจ้บตัวแน่" หากรู้ตัวอีกที มือที่เคยแนบลำตัวก็วางแมะอยู่ที่ไหล่กว้างเสียแล้ว พู่กันยกมืออกจากไหล่กว้างเมื่อถูกสายตาดุดันจ้องมอง ก็ปกติเธอมักจะพูดคุยกับเพื่อนเชิงหยอกล้อจึงติดนิสัยขี้เล่นมา แต่สำหรับคนตรงหน้าขอบายดีกว่า ไม่อยากเจอข้อหาตบไหล่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
"ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะคะ"
"คุณหนูใครมาส่งเหรอคะ ทำไมไม่ชวนเข้าไปข้างในก่อน" ป้าแจ่มซึ่งเดินเข้ามาหา ต่างจากร่างบางที่เอาแต่จ้องมองเข้าไปในบ้าน
" อ๋อ เขาไม่ว่างหรอกค่ะ"
" ว่าแต่ใครมาบ้านเหรอคะ" ไร้ซึ่งคำตอบ แต่ป้าแจ่มกลับส่งยิ้มมาให้
"พู่กันกลับมาแล้วเหรอลูก" เฮ้อ ให้ตายสิ หน้าเบื่อชะมัด' ริมฝีปากบางเผยยิ้มแบบที่เธอมักยิ้มบ่อยๆพร้อมกับมองไปที่ร่างสูงของคนที่ทำให้เธอร้องไห้ แถมข้างๆยังมีคนสำคัญของเขาอยู่ด้วย
"สวัสดีค่ะ" ฉีกปากยิ้มอย่างเป็นมิตร ยกมือไหว้ผู้ใหญ่รวมทั้งคนสองคนนั่นด้วย แต่ภายในใจอยากจะเดินหนีไปให้พ้น
มันรู้สึกไม่สนุกเสียด้วยซ้ำ
"วันนี้ไม่ได้เข้าโรงพยาบาล แล้วไปไหนมา เด็กตัวแสบ" เจไดเอ่ยถามลูกสาวน้ำเสียงเกี้ยวกร๊าดมาแต่ไกล จนทำให้ลูกสาวตกใจไม่น้อย แต่ก็ดึงสติตัวเองกลับมาคืนได้
"ว้าว วันนี้วันอะไรเหรอคะ ทุกคนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเลย หรือ... ฉลองสะใภ้ใหม่" ถึงแม้ริมฝีปากจะคลี่ยิ้มแต่นัยตากลับเจ็บปวด พู่กันหันไปสบตากับเจ้าของดวงตาสีนิลก่อนที่จะเบือนหน้าหนี ยามคราวนั้นพู่กันเฝ้ารอพี่ภามด้วยความหวัง หวังว่าสักวันพี่ภามจะกลับมาและบอกรักกันสักนิด ทว่า ตอนนี้แม้คำทักทายพี่กลับไม่เอ่ยมาสักคำ
" พู่กัน.. "
"ป๊าเจ พู่กันพูดเล่นน๊า"
"หนูพู่กันมาแล้ว มา มาทานข้าวกัน" พ่อของภามพูดขึ้นซึ่งพู่กันก็ยิ้มตอบ
" อาหารม๊าเบลอร่อยนะคะ แต่พอดีพู่กันทานมาจากข้างนอกแล้ว อีกอย่าง...." ร่างบางเลิกคิ้วเดินมานั่งข้างๆภาม จริงๆถ้าเป็นไปได้เธอจะไม่นั่งแต่มันกลับมีที่เดียวที่ว่าง
พู่กันมองทุกคนที่จ้องมาที่เธอเป็นตาเดียว " พู่กันพึ่งออกมาจากห้องดับจิตค่ะ กลิ่นฟอมาลีนติดตัวหึ่งเลย พี่ภามลองดมดูไหมคะ"
ยกแขนเสื้อขึ้นหวังจะให้ร่างสูงข้างๆดม แต่เขากลับเบือนหน้าหนี พู่กันแซะยิ้มนึกตลก กาลเวลามันเปลี่ยนใจคนมากขนาดนี้เชียวหรือ
"ไปแกล้งพี่เขาแบบนั้นได้ไง ขึ้นไปอาบน้ำเลยเรา" จบประโยคของแม่เบล พู่กันก็ลุกขึ้นโค้งบอกลาอย่างอ่อนน้อมก่อนจะเดินขึ้นห้อง
หลังจากอาบน้ำเสร็จก็เดินลงไปที่ครัวเพื่อหาอะไรกิน ก็ใช่น่ะสิ เธอยังไม่ได้ข้าวตกถึงท้องแม้แต่น้อยที่บอกลุงติณไปเพราะไม่อยากเห็นสองคนนั่นแค่นั้นแหละ ป่านนี้คงกลับไปแล้วมั่ง แต่กลับผิดคาด
"พู่กัน มานั่งนี่สิลูก" สิ้นเสียงผู้เป็นแม่ก็ทำให้พู่กันถอนหายใจเฮือกใหญ่ทันที
"ยังไม่กลับอีกเหรอคะ" เพราะเห็นแค่ภามกับแฟนของเขาเธอจึงถามขึ้น แต่กลับถูกม๊าเบลหรี่ตามองซ่ะงั้น เธอผิดตรงไหน มืดค่ำไม่ยอมกลับบ้าน มาบ้านคนอื่นก็หัดเกรงใจเจ้าของบ้านบ้าง
"อยู่คุยกันก่อนนะ พู่กันนี่บ่นคิดถึงภามทุกวันเลย"
"ม๊า" หลังจากผู้เป็นแม่เดินไปบรรยากาศก็เงียบทันที เขาไม่พูด เธอไม่พูด เอาสิ เงียบมาเงียบกลับ ไอ้คนผิดสัญญา คอยดูนะจะแช่งให้เลิกกันเร็วๆเลย ชิ๊
"ไม่คิดว่าน้องสาวภามจะสวยขนาดนี้" อยู่แล้วย่ะ สวย รวย เก่ง
"ครับ"
"เฮ้อ ถ้าภามไม่ประสบอุบัติเหตุจนสมองได้รับการกระทบกระเทือน เกิดความจำเสื่อม ป่านนี้เราก็คงได้กลับไทยเร็วกว่านี้"
"ว่าไงนะคะ พี่ภามเคยประสบอุบัติเหตุจนความจำเสื่อม" ทำไมไม่มีใครบอกเลย
"ใช่จ้ะ ภามถูกรถชนตอนไปเรียนที่นั่นใหม่ๆน่ะ" เพราะแบบนี้สินะเขาจึงจำเธอไม่ได้ แต่ก็ไม่เข้าใจ ทำไมทุกคนต้องปิดบังเธอด้วย เห็นเธอเป็นเด็กหรือไงถึงไม่มีใครบอก
"ช่วยเล่าเรื่องของเราได้ไหม" ดวงตากลมโตจ้องหน้าร่างสูงนิ่งๆเมื่อเขาต้องการให้เล่าเรื่องราวตอนเด็กระหว่างเธอกับเขา
"ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ เราไม่ได้สนิทกันมาก เรารู้จักกันได้ไม่ถึงเดือนพี่ภามก็ไปเรียนต่างประเทศ มันก็มีแค่นี้แหละ" ถ้าหากความจริงที่พูดก็แค่เศษเสี่ยว ในเมื่อมันคืออดีตและเขาก็มีคนรักแล้ว จะรื้อฟื้นไปให้ได้อะไร หากจะต้องมีคนเจ็บปวด
"โชคดีที่พี่ไม่ได้เป็นอะไรมาก ขอให้หาย กลับมาจำเรื่องราวทั้งหมดได้ไวๆนะคะ"
ก็ขอเป็นคนรับไว้เอง
ให้ตายสิ ทำไมรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ ทำไมต้องมาเล่นบทนางเอกผู้ใสซื่อด้วย อยากจะตะโกนออกไปว่า เธอคือรักแรกของเขา แต่ก็ทำได้แค่คิดในเมื่อมีผู้หญิงอีกคนมาแทนที่แล้ว ทำไปมันก็เปล่าประโยชน์
"ดึกแล้ว พี่กับนาเดียร์ขอตัวกลับก่อนนะ" พู่กันพยักหน้าก่อนจะเดินไปส่งแขกที่รถ ยืนมองรถหรูขับออกไปด้วยสายอาลัยอาวร ถ้าที่ตรงนั้นเป็นของเธอก็ดีน่ะสิ มันจะมีวันนั้นไหมนะ
ทว่า เสียงแจ้งเตือนจากแอพสีเขียวกลับดึงในพู่กันหยุดจมอยู่กับความคิด
หมวดศิลา : ผมมีเรื่องให้ช่วย ว่างหรือเปล่า
พู่กัน : ว่างค่ะ
หมวดศิลา : ผมรออยู่ที่สถานีตำรวจ
มือบางกดปิดมือถือก่อนจะเดินไปหยิบกุญแจรถ แต่ไม่ทันได้เดินออกจากบ้าน เสียงป๊าเจก็ดังขึ้น "ดึกแล้วจะออกไปไหนพู่กัน"
"พอดีนัดมายเฟรนไว้อ่ะป๊า"
"อย่ามาโกหกป๊า เคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าทำอะไรที่เกินตัว" พู่กันเบือนหน้าหนีทันที ใช่ ป๊าไม่ชอบให้เธอเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับงานที่เกี่ยวข้องกับคดีความ
"แต่ป๊า...มีเด็กตาดำๆคนหนึ่งที่กำลังต้องการความช่วยเหลืออยู่นะ ถ้าพู่กันไม่ช่วย..."
"แพทย์จิตเวชมีตั้งเยอะแยะ ไม่จำเป็นต้องเป็นพู่กันก็ได้นี่ ใช่ไหม"
"ไม่ใช่ค่ะ ที่หนูทำไปเพราะอยากช่วยเด็กคนนั้น ซึ่งมันออกมาจากตรงนี้ ที่หัวใจ พู่กันสงสารน้องที่ จู่ ๆ ก็เสียพ่อที่รักไป มันเจ็บปวดมากนะคะ" ภายในบ้านเงียบลงอีกครั้ง
"ก็ได้ แต่ป๊าจะให้พี่ภามส่งเราไป"
"ว่าไงนะป๊า จะไปรบกวนเขาทำไมกัน ดึกดื่นแล้วเขาก็ต้องไปส่งแฟนเขานะ อีกอย่างพู่กันดูแลตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาคอยรับคอยส่ง"
"พู่กัน อย่าดื้อให้มากความ"
พู่กันเผลอกำมือแน่น "ก็ได้ค่ะ"