ภายในห้องที่มีเด็กผู้หญิงนั่งร้องให้ พู่กันเดินเข้ามาในห้องด้วยความเป็นห่วง หลังจากที่ได้รับสายจากหมวดศิลาว่าฟ้าฝนร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวเธอก็รีบมาทันที ยามเด็กน้อยพบกับพู่กันก้มีอาการตกใจ
“พี่พู่กันเอง ไม่ต้องกลัวนะคะ”
ฟ้าฝนมีอาการตกใจในตอนแรกๆเมื่อได้รู้ว่าคนนั้นคือพู่กันเธอก็วิ่งเข้าไปกอดร่างบางทันที พู่กันลูบหลังปลอบพร้อมกับเผยยิ้มที่แสนอบอุ่นออกมา
“ร้องไห้ทำไมคะ”
“หนู ฮึก เห็น…” ฟ้าฝนกอดพู่กันแน่นพร้อมกับชี้ไปที่ประตูห้อง จนทำให้พู่กันหันไปมองแต่กลับไม่พบใครสักคน บางทีนั่นคือภาพหลอนที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของฟ้าฝน เมื่อมีอาการหวาดกลัวหรือรู้สึกโดดเดี่ยว
“ไม่ต้องกลัวนะ พี่จะอยู่เป็นเพื่อน ใครทำให้ฟ้าฝนกลัว พี่จะจับตีก้นให้เข็ดเลยดีไหม”
ฟ้าฝนเงยหน้ามองพู่กันก่อนจะพยักหน้าให้ จู่ๆพู่กันก็นึกคิดได้ว่ามีของบางอย่างต้องให้ฟ้าฝน เธอหยิบสิ่งนั้นออกจากกระเป๋าก่อนจะสวมให้ฟ้าฝน
“ฟ้าฝนเคยเห็นสร้อยเส้นนี้หรือเปล่า” ใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาส่ายหน้าเบาๆ
“รู้ไหม ว่าสร้อยเส้นนี้พี่ได้มาจากคุณพ่อของฟ้าฝน เก็บไว้ดีๆนะคะ”
“พ่อ ฮึก…”
มือบางยกมือเช็ดน้ำตาให้ฟ้าฝนก่อนที่ประตูจะเปิดออกปรากฏร่างผู้ชายสองคนเดินเข้ามาและหนึ่งในนั้นมีคนที่เธอไม่อยากเจอที่สุดอยู่ด้วย เขามาได้ไง หรือตามเธอมา พู่กันได้แต่คิดในใจมองหน้าภามก่อนที่เธอจะเบือนหน้าหนี
“พี่ว่าฟ้าฝนนอนดีกว่านะ ดึกแล้วด้วย” ฟ้าฝนเดินไปนอนที่เตียงอย่างว่าง่าย พู่กันลูบผมเธอเบาๆไม่นานภายในห้องก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
“ฟ้าฝนมีอาการดีขึ้นนะคะ จากที่ไม่เคยพูดหรือแสดงความรู้สึกออก แต่วันนี้กลับตรงกันข้าม แต่ยังไม่ดีมากเท่าไหร่เพราะตอนนี้เธอมีอาการหวาดกลัวอยู่” แต่ก็อดคิดไม่ได้ ฟ้าฝนเหมือนกลัวอะไรสักอย่าง แต่จากประวัติการรักษาเธอไม่เคยถูกทำร้ายเลยสักนิด
“นี่ครับ” ศิลายื่นเอกสารบางอย่างให้ก่อนที่พู่กันจะเปิดดู ในเอกสารใบนั้นมีข้อความที่เขียนไว้ว่าฟ้าฝนไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้า
“ผมพาฟ้าฝนไปรักษาเมื่อวานอีกครั้ง แต่แพทย์กลับบอกว่าฟ้าฝนไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้า เธอปกติดี แค่อาจจะยังทำใจไม่ได้ที่รู้ว่าพ่อจากไป”
“เพราะฉะนั้น เราต้องให้ความอบอุ่นกับฟ้าฝน ทำให้ฟ้าฝนรู้ว่ามีคนคอยอยู่ข้างๆ ฉันเชื่อค่ะว่าเธอต้องหาย”
พูดจบพู่กันก็หันไปมองคนที่ยืนข้างๆ ร่างสูงของภามมองใบหน้าหวานๆด้วยสายตาอ่อนลงกว่าเดิม
“มาได้ยังไงคะ”
“พี่เป็นห่วงเลยตามเรามา”
“ฉันปลอดภัยดีค่ะ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”
ร่างบางพูดเชิงไล่ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ทำไมผู้ชายคนนี้ต้องคอยตามเป็นห่วงเธอด้วย ทั้งๆที่เขามีแฟนอยู่แล้ว รู้สึกว่ายิ่งเธอพยายามวิ่งหนีออกมาไกลเท่าไรแต่รู้สึกว่ามันยิ่งถูกดึงให้เข้าใกล้เขามากเท่านั้น
เธอไม่อยากกลับเข้าไปในความรู้สึกเดิมอีกแล้ว แต่มันก็ทำไม่ได้สักที
“แต่พี่…”
“ภามคะ”
น้ำเสียงหวานใสที่เรียกชื่อผู้ชายตรงหน้าแต่ละครั้งกลับทำให้เธอเจ็บหน่วงอยากจะร้องไห้ทุกครั้ง นาเดียร์แพทย์สาวที่ได้ครอบครองหัวใจหนุ่มหล่อนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงอย่างภามเดินเข้ามาที่ห้องหมวดศิลา ก่อนที่เธอจะชะงักมองเจ้าของห้องด้วยสายตาตกใจ
“เดียร์” เสียงทุ้มของศิลาดังขึ้น ทำให้พู่กันมองหน้าเขาพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ คุณสบายดีหรือเปล่า”
“ฉันสบายดีค่ะ”
สายตาห่วงใยของนายตำรวจที่มองไปยังหญิงสาวทำให้พู่กันยิ่งสงสัยเข้าไปกันใหญ่ ‘หมวดศิลากับนาเดียร์รู้จักกันด้วยเหรอ’ เธอได้แต่ตั้งคำถามอยู่ภายในใจ ไอแห่งความห่วงใยของหมวดจอมเย็นชาที่กำลังแผ่ออกมา สายตาแบบนี้เหมือนเคยเจอจากใครสักคน
“รู้จักกันด้วยเหรอคะ” เพราะความสงสัยแท้ๆ พู่กันจึงหลุดปากถามไป
“ค่ะ เราเคยเป็นเพื่อนกัน”
“อ้อ นี่ภามแฟนของเดียร์” จบประโยคนั้น ร่างสูงซึ่งเป็นเจ้าของห้องที่มีสีหน้าเปื้อนด้วยรอยยิ้มก็ต้องหุบยิ้มทันที ถ้าให้เดา ไอ้อาการแบบนี้คือการตกหลุมรักเพื่อนสนิทตัวเองเป็นแน่
“นาเดียร์เป็นผู้หญิงที่น่ารักนะครับ คุณชายโชคดีจังเลยนะที่ได้นาเดียร์เป็นแฟน” ใช่ นาเดียร์ก็โชคดีเหมือนกันที่ได้พี่ภามไปครอบครอง ผู้หมวดกับพู่กันลงเรือลำเดียวกันแล้วนะ
"แต่ตอนนี้ผู้หมวดก็โชคดีเหมือนกันนะคะ ที่ได้หัวใจพู่กันมาครอบครอง" สิ้นเสียงของพู่กัน ภายในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบทันที พุ่กันพูดด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มสบเข้ากับดวงตาสั่นไหวของภาม
"ยังไงกันคะเนี่ย"
"พู่กันรู้สึกตกหลุมรักหมวดศิลาตั้งแต่แรกเจอแล้วค่ะ" พู่กันขยับไปคล้องแขนคนที่ยืนขมวดคิ้วอยู่ "แต่เจ้าตัวดันเป็นคนไม่ค่อยเก่งเรื่องแบบนี้ ตอนนี้เราสองคนก็กำลังดูใจกันอยู่ค่ะ"
"กลับกันเถอะนาเดียร์" ภามดึงนาเดียร์ออกจากห้องทันที ไร้ตัวตนของคนทั้งสองพู่กันก็ดึงมือออกก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้อีกครั้ง
"ทำไมต้องทำแบบนั้น"
"พู่กันดูออกนะว่าหมวดคิดยังไงกับพี่นาเดียร์ การที่เราต้องจมปลักกับการรักคนที่เจ้าของมันไม่ใช่จุดยืนที่ดีเลย"
"อย่าว่าแต่ผม คุณเองก็ชอบคุณภาม" พู่กันอ้าปากค้างพูดไม่ออก ก่อนจะกระแอมไอแก้อาการประมาท
"ส่วนเหตุผลที่พู่กันต้องพูดแบบนั้นออกไป นั่นคือ พู่กันรู้สึกแปลกๆกับความสัมพันธ์ของคุณนาเดียร์และพี่ภามค่ะ"
"ยังไง"
"ก็ไม่รู้สิ นี่ไง พู่กันถึงอยากพิสูจน์ ด้วยการบอกว่าเราสองคนกำลังดูใจกัน ในหลักจิตวิทยา การพิสูจน์ใจคนต้องเริ่มจากการทำในสิ่งที่คล้ายคลึงกันค่ะ ก็เหมือนตำรวจตามจับฆาตกร การสมมติตัวเองให้เป็นฆาตกรจะทำให้เรารู้แรงจูงใจในการฆ่ามากขึ้น"
“ให้ตายสิ ทำไมซวยขนาดนี้เนี่ย”
หลังจากตกลงกับหมวดศิลาเรียบร้อย เดินมาถึงรถก็ถึงกับยกมือกุมขมับตัวเอง ล้อรถที่แบนราบกับพื้นถนนทำให้พู่กันยิ่งโมโหเข้าไปกันใหญ่ เธอได้แต่คิด นอกจากต้องมาเห็นคู่รักคู่นั้นแล้วยางรถของเธอก็ดันมาแบนอีกเหรอเนี่ย
“จอดไว้ที่นี่แหละ พี่ไปส่ง” นี่ยังไม่กลับอีกเหรอ
ร่างบางมองไปยังผู้มาใหม่ก่อนจะถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ต้องไปส่งพี่นาเดียร์ไม่ใช่เหรอ ฉันไม่รบกวนดีกว่า”
“ให้ภามไปส่งเถอะ ดึกแล้วด้วย อีกอย่างพี่ขับรถตัวเองมา” สิ้นเสียงของนาเดียร์ทำให้พู่กันยอมตกลงให้ภามไปส่ง
รถหรูเคลื่อนตัวจอดหน้าบ้าน ภามมองไปยังร่างบางที่นอนหลับตาพริ้ม เขายกมือขึ้นปัดผมที่ปิดหน้าร่างบางก่อนจะโน้มหน้าจรดริมฝีปากบนหน้าผากอย่างอ่อนโยน
พู่กันค่อยๆลืมตาขึ้นมาก็พบว่าใบหน้าอยู่ใกล้กันมากเกินไป เธอจึงผลักร่างสูงออกก่อนจะกล่าวขอบคุณแล้วลงจากรถไป ภามได้แต่มองตามแผ่นหลังบางที่วิ่งเข้าบ้านพร้อมกับรอยยิ้มที่ค่อยๆปรากฏขึ้น
“ครับเดียร์”
(ส่งน้องถึงบ้านแล้วใช่ไหม)
“อืม ถึงแล้ว”
(ฉันขอโทษนะที่ทำให้นายลำบากใจ และก็ขอบใจที่ยอมช่วย)
“ไม่เป็นไร”
(ปากบอกว่าไม่เป็นไร พอเห็นเขาอยู่กับผู้ชายคนอื่น เลือดขึ้นหน้าเลยนะ)
(ยังไงก็อดทนหน่อยนะ เพื่อเป็นการขอโทษ พรุ่งนี้ฉันจะให้นายโสดหนึ่งวัน)
“หึ”
(ฉันพูดจริงๆนะ เห็นหน้านายมองเขาด้วยสายตาแบบนั้นแล้ว ฉันรู้สึกผิดยังไงไม่รู้)
(ขอให้โชคดีกับการโสดหนึ่งวันก็แล้วกัน บาย ที่รัก)
มือหนากดวางสายก่อนจะยกยิ้มพลางมองไปที่ห้องๆหนึ่งที่กำลังปิดไฟเพื่อเข้านอน มือหนาเคาะพวงมาลัยรถก่อนจะขับรถออกไป
เช้าที่แสนสดใส พู่กันเดินเข้าโรงพยาบาลเป็นปกติ เมื่อถึงห้องทำงานเธอก็จัดการอ่านประวัติคนไข้ คนไข้ก่อนที่ผู้ชวยจะพาผู้ป่วยเดินเข้าผู้หญิงอายุ ๒๕ ปี นั่งลงตรงข้ามกับเธอ ใบหน้าไม่สดชื่น ขอบตาดำ ดูจากอาการแล้วสาเหตุน่าจะเกิดจากการนอนไม่เพียงพอ
“บอกอาการให้หมอฟังได้หรือเปล่าคะ”
“ฉันนอนไม่หลับมาเป็นปีแล้วค่ะ ฉันฝันร้ายตลอดเวลาจนไม่กล้าหลับ มันน่ากลัว มันทรมานมากเลยค่ะคุณหมอ”
“ก่อนที่จะมีอาการแบบนี้ มีเกิดอะไรกับคุณหรือเปล่าคะ”
“ใช่ค่ะ ฉันเคยมีสามีเรารักกันมากเลย อยู่มาวันหนึ่งเขากลับหักหลังฉัน เขาแอบมีคนอื่นค่ะ ฉันเสียใจมากจนขอเลิกกับเขา ทุกอย่างกำลังจะเป็นไปด้วยดี”
“จนอยู่มาวันหนึ่ง ฉันได้รับข้อความจากเขาเพื่อนัดให้ฉันไปพบ แต่พอฉันไปถึง ฉันก็เห็นเขาอยู่ให้สภาพที่เป็นศพไปแล้ว”
“ทุกๆคืน เขาคอยมาหาฉันตลอด ภาพนั้นยังคอยติดตาฉันมาจนถึงทุกวันนี้ ช่วยฉันด้วยนะคะคุณหมอ ฉันกลัว”
“ใจเย็นๆนะคะ เพราะคนไข้เกิดความวิตกกังวล เครียด บวกกับอาการเพลียจึงทำให้อาการทรุดหนักกว่าเดิม”
“หมอแนะนำให้คนไข้เลิกทานยานอนหลับเพราะอาจมีผลค้างเคียงทำให้เกิดการดื้อยา และสมองเสื่อม กำจัดความวิตกกังวล จงคิดว่าเราไม่กลัว เขาทำร้ายเราไม่ได้ และหาคนที่เราไว้ใจที่สุดรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยที่สุดมาอยู่เป็นเพื่อน ทำได้หรือเปล่าคะ”
ร่างบางที่สวมชุดกาวน์มองไปยังคนไข้ที่พยักหน้าตอบรับก่อนจะยกยิ้มให้เธอ เธอกุมมือคนไข้พร้อมกับให้กำลังใจ อยากให้ผ่านความทุกข์นี้ได้เร็วๆ
“ขอบคุณนะคะคุณหมอ ได้คุยกับหมอแล้วฉันรู้สึกดีขึ้นมาเลย”
“ทั้งสวย จิตใจดีแบบนี้ แฟนคงจะหวงแย่เลยนะคะ” พู่กันยิ้มแห้งก่อนจะยกมือเกาแก้มตัวเอง พลางนึกถึงหน้าคมๆของคนหนึ่งขึ้นมาก่อนจะสลัดภาพนั้นออก