เธอยกมือขึ้นมาแตะริมฝีปากตัวเองที่เพิ่งถูกวาคีลจูบ แผลบนริมฝีปากสร้างความเจ็บแปลบให้เธอไม่ใช่น้อย เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากันเป็นเส้นตรง จูบเมื่อครู่ป่าเถื่อนก็จริง หากแต่มันทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
จูบแค่นั้นทำเธอรู้สึกเสียววูบวาบตรงท้องน้อยได้ขนาดนี้เชียวหรือ ไม่แปลกหรอก ขนาดเห็นแค่รูปนั้นรูปเดียว ยังทำเธอเผลอช่วยตัวเองได้เลย
ไม่รู้อะไรพาเธอและเขากลับมาเจอกันอีก ไม่ใช่พรหมลิขิตแน่ๆ คงเป็นเวรกรรมมากกว่า
ครืด ครืด
เสียงโทรศัพท์ทำให้เธอหันไปมอง เบอร์บนหน้าจอทำให้เธอคว้ามากดรับสาย
“ฮัลโหล”
(มาไหมคืนนี้)
“ที่ไหน” เธอถามซาน
(ผับพี่ภาคินของแก)
“โอเค เดี๋ยวตามไป” เธอวางสายจากเพื่อนสนิท ก่อนจะสตาร์ตรถแล้วขับออกไป
ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่ม เธอยังไม่ได้กินอะไร อาหารพวกนั้นเธอไม่ได้แตะสักคำเดียว หลังจากวาคีลออกไปเธอก็ตามออกไปติดๆ เธอขับรถมายังร้านอาหารที่ชอบมากินเป็นประจำ เป็นร้านเล็กๆ ไม่ได้หรูหรามากแต่อาหารถูกปากเธอที่สุด
“วันนี้มาดึกนะหนูมิวนิค” เจ้าของร้านทักทายด้วยรอยยิ้มใจดี
มิวนิคมาร้านนี้บ่อยจนรู้จักกับเจ้าของร้าน ร้านอาหารนี้เปิดถึงสี่ทุ่ม คนแน่นทุกวันและทุกเวลา
เธอส่งยิ้มให้กับเจ้าของร้านที่เข้ามาทักทายอย่างเป็นกันเอง ถึงเธอเป็นลูกคุณหนู หากแต่การใช้ชีวิตนั้นแสนเรียบง่าย ไม่ได้กินอาหารแพงๆ ทุกวัน แต่ก็มีบ้างเป็นบางมื้อ บางทีใส่เสื้อผ้าราคาถูกๆ เน้นใส่สบายไม่จำเป็นต้องแพงเป็นแบรนด์เนมเสมอ
“กินอะไรดีจ้ะวันนี้”
“ข้าวคลุกกระปิปลาทูเหมือนเดิมค่ะ”
“เดี๋ยวเพิ่มปลาทูให้เยอะๆ เลย” เวลามิวนิคมาที่นี่ ชอบสั่งเมนูนี้ตลอด สั่งอยู่ไม่กี่อย่าง แต่เห็นว่าที่ชอบกินมากที่สุดคงเป็นเมนูนี้
“ขอบคุณค่ะ^ ^”
“รอแป๊บนึงนะจ้ะ”
เธอยิ้มพร้อมกับพยักหน้าให้เจ้าของร้าน อยู่กับคนน่ารักเธอก็น่ารักกลับเสมอ อยู่กับคนร้ายๆ ก็จะร้ายกลับ ใครให้เกียรติ ก็ให้เกียรติคนนั้นกลับ เธอนั่งเขี่ยโทรศัพท์เล่นขณะรออาหาร ระหว่างนั้นมีเด็กเสิร์ฟนำเครื่องดื่มมาวางให้ นึกแล้วยังหงุดหงิดวาคีลไม่หาย ทำเธอหัวเสียมากไม่ใช่น้อย นอกจากทำให้โมโหหิวแล้ว ยังยืนกรานจะเป็นคนขอถอนหมั้นอีกต่างหาก
กลับมาเพื่อเทเธอคืนสินะ…
วาคีลได้ทำแบบนี้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น อย่าหวังจะได้หยามเธอเป็นครั้งที่สอง!
คิดแล้วยังเจ็บใจไม่หาย
“มาแล้วหนูมิวนิค”
เธอหันไปมองอาหารที่สั่งไป พร้อมกับวางโทรศัพท์ลง
“ขอบคุณนะคะ”
“ทานให้อร่อยนะ ส่วนของหวานนี่ ป้าให้”
“บัวลอย…” เธอชอบมาก นี่เป็นของหวานหนึ่งในดวงใจเลยก็ว่าได้ ไม่คิดว่า ‘ป้าษา’ จะมีของหวานมาให้เธอด้วย
พอเห็นของหวานมาวางตรงหน้า ทำให้เธอเผลอลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปเลยทีเดียว จากอารมณ์ไม่ดี ตอนนี้เริ่มมีความสุขแล้ว
ของกินเยียวยาทุกสิ่งจริงๆ
“ป้าเห็นหนูมิวนิคชอบ วันนี้เลยแอบเก็บไว้ให้” ทั้งที่ไม่รู้ว่ามิวนิคจะมาหรือเปล่า แต่เซ้นส์ของตนบอกให้ทำแบบนั้น และมิวนิคก็มาจริงๆ
“รู้เหรอคะว่ามิวจะมา”
“เซ้นส์บอก” ป้าษาพูดแล้วยิ้มกริ่ม
“ทำไมป้าษาใจดีกับมิวขนาดนี้คะ”
“เพราะหนูมิวน่ารัก ป้าเอ็นดูหนูมิว”
“ป้าษาคิดแบบนั้นจริงๆ เหรอคะ”
“ใช่จ้ะ”
เธอยิ้มรับคำชมจากป้าษา ใครๆ ต่างมองเธอต่างจากที่ป้าษามอง เธอมักเป็นตัวร้ายในเรื่องเล่าของคนอื่นอยู่เสมอ แต่ไม่เป็นไร เพราะเธอไม่เคยแคร์หรือสนใจว่าคนอื่นจะมองเธอเป็นอะไร แค่บางคนที่เข้าใจก็เพียงพอแล้ว…
“สวัสดีค่ะคุณวาคีล”
กึกก
และแล้วก็มีบางอย่างเข้ามาทำให้เสียบรรยากาศ มือเล็กที่จับช้อนเตรียมตักข้าวเข้าปากหยุดชะงัก ใบหน้าสวยหวานหันไปมองเจ้าของชื่อคุ้นเคย จังหวะนั้นเอง ดวงตาสองคู่พลันสบสายตากัน
เธอเจอเขาอีกแล้ว!
เชื่อแล้วว่ากรรมลิขิตให้มาเจอกันจริงๆ
เธอเมินไม่สนใจ หันกลับมากินข้าวต่อ คาดไม่ถึงเลยว่าจะมาเจอวาคีลที่นี่อีก ตอนแรกตั้งใจมากินอาหารร้านโปรดหวังให้อารมณ์ดี ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว
“รับอะไรดีคะคุณวาคีล”
“เอาเหมือนเดิมครับ” เขาหันไปบอกป้าษา ปกติเขามาร้านนี้ช่วงกลางวัน ไม่เคยมาช่วงเย็นสักที ที่วันนี้มาเวลานี้เพราะหิว ไม่รู้จะไปร้านไหนเลยมาร้านป้าษาเพราะอาหารถูกปากกว่า
แต่มาเจอมิวนิค ผู้หญิงที่เขาเพิ่งบอกว่าจะขอถอนหมั้นไปก่อนหน้านี้ สีหน้าของเธอดูไม่ค่อยพอใจเท่าไรนักที่เจอเขา
ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมาเจอเธอที่นี่ ไม่รู้ว่าชาติก่อนทำเวรทำกรรมอะไรเอาไว้นักหนา ไม่เป็นไรหรอก ต่อไปคงไม่เจอกันอีกแล้ว เพราะเขาจะถอนหมั้น
คืนนี้เพื่อนชวนไปดื่ม คงใช้โอกาสนี้คลายเครียดตัวเอง ปกติไม่ชอบเที่ยวกลางคืนเท่าไรนัก นานๆ ทีจะไปดื่มกับเพื่อน แต่คืนนี้มีเรื่องกวนใจเลยอยากไปดื่มเพื่อให้ลืม ตอนรู้ว่ามิวนิคเป็นคู่หมั้น วินาทีนั้นตกใจแทบช็อก เดาว่าเธอคงรู้สึกเหมือนเขาในตอนนั้น
ทางด้านมิวนิค หญิงสาวนั่งกินข้าวเงียบๆ ทำทุกอย่างปกติเหมือนวาคีลไม่ได้อยู่ในร้าน
“เท่าไรคะป้าษา”
“อ้าว ทำไมกินเสร็จจังเลยล่ะคะคุณมิวนิค”
“มิวนึกขึ้นได้ว่ามีธุระน่ะค่ะ ไว้มิวมาอีกนะคะ นี่เงินค่าอาหาร ป้าษาไม่ต้องทอนนะคะ” เธอวางเงินจำนวนหนึ่งให้ป้าษา ก่อนจะรีบเดินออกจากร้านทันที ใจอยากนั่งอยู่นี่นานๆ เพราะไม่อยากรีบไปหาเพื่อนอยู่ไนต์คลับ แต่ไม่อยากนั่งใช้อากาศหายใจร่วมกับวาคีลนานจึงอยากรีบไป
รองเท้าส้นสูงเดินฉับๆ ไปยังรถหรู ทว่าโชคไม่ดีทำให้ส้นสูงพาพลิกจนตรงส้นหัก มิวนิคล้มลงพื้นอย่างแรง
ปึก!
ตุ้บ!
“โอ๊ย!” วันอะไรของเธอเนี่ย! นี่มันแบดเดย์ชัดๆ
เธอมองรองเท้าส้นสูงที่หักไม่เป็นชิ้นดีอย่างเสียดาย หมดกันรองเท้าคู่โปรดของเธอ ใส่คู่นี้บ่อยมาก แอบเสียดายอยู่ไม่ใช่น้อย
“วันอะไรของฉันเนี่ย!” รองเท้าก็พัง เท้าก็พลิกแถมยังเจ็บเหมือนกระดูกกำลังจะหัก
เธอพยายามถอดรองเท้าส้นสูงของตัวเองออก หากแต่กลับต้องหยุดชะงัก เมื่อสายตาพลันเห็นรองเท้าหนังเงาขลับของใครบางคน พอเงยหน้าขึ้นมองพบว่าเป็น…วาคีล
“เธอลืมกุญแจรถ” เขาพูดพร้อมกับโยนกุญแจรถหรูลงพื้นคืนให้มิวนิค ก่อนจะหันหลังเตรียมเดินออกไป แต่ทว่า…
“ดะ…เดี๋ยวก่อนสิ”
เขาหันกลับไปมองมิวนิคด้วยใบหน้าเรียบเฉย เธอค่อยๆ ยื่นมือขึ้นมาหาเขา
“ชะ…ช่วยหน่อยได้ไหม”
“…”
“ฉันเจ็บเท้า ลุกไม่ไหว” ใช่ ตอนนี้เธอรู้สึกเจ็บเท้าจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมขอความช่วยเหลือจากวาคีล แม้ว่าลึกๆ ไม่ค่อยชอบ แต่ตอนนี้มีแค่เขาเท่านั้นที่สามารถช่วยเธอไดิ
วาคีลปลายตามองมือมิวนิคที่ยังคงค้างเอาไว้ รอตนเข้าไปช่วยเหลือ หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่รอเธอเอ่ยขอ
ตอนนี้เขาไม่ใช่วาคีลคนนั้นอีกต่อไปแล้ว…
“หึ ช่วยตัวเองไปแล้วกัน” พอพูดจบ เขาก็เดินหนีไป ทิ้งมิวนิคไว้แบบนั้นอย่างเลือดเย็น