ตอนที่ 7 ผู้รอดชีวิตกับการเจอกลุ่มคนครั้งแรก

2418 Words
มีนาดูแล้วว่าซอมบี้ที่เหลืออยู่ห่างไกลพอที่เธอจะสามารถเข้าไปในห้างนี้ได้โดยที่พวกมันไม่รู้ตัว ก็รีบเดินไปที่ประตูทันที ประตูปิดไม่สนิทมีกล่องขัดประตูเอาไว้อยู่ เธอหยิบกล่องนั้นออกแล้วปิดล็อกประตูอย่างแน่นหนา พอเข้ามาถึงได้เห็นสภาพภายในชัดขึ้น ข้าวของด้านหน้าหล่นกระจาย ตามพื้นมีรอยเลือดเลอะอยู่จำนวนหนึ่ง มีนาจึงเปลี่ยนอาวุธเป็นไม้เบสบอลอีกครั้ง เธอเดินเข้าไปด้านในอย่างเงียบๆ เจอร้านขายโดนัทชื่อดังก็เก็บเข้ามิติ ร้านขายเสื้อยืดยี่ห้อดังเก็บเข้ามิติ ไม่ลืมเข้าไปเก็บในคลังเก็บของของร้านด้วย เพราะที่หน้าร้านมีบางส่วนที่เปื้อนเลือดพวกนั้นเธอไม่เก็บ และยังมีร้านขายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือและวิทยุสื่อสาร เธอก็ไม่พลาดที่จะเก็บเข้าไปอีกเช่นกัน แม้แต่ร้านขายทองเธอก็ไม่ปล่อยผ่าน เธอเดินเข้ามาในส่วนของตัวซูเปอร์มาร์เก็ต สำรวจดูจนแน่ใจว่าไม่มีคนและซอมบี้อยู่ ก็กวาดของที่เจอเข้าไปเก็บจนหมด ห้างนี้เน้นขายพวกของกินของใช้ประจำวันเป็นหลัก ทั้งขนม น้ำดื่ม อาหารแห้ง อาหารกระป๋อง ของสด ข้าวสาร เครื่องปรุง หรือแม้แต่อาหารปรุงสำเร็จ เธอก็เก็บมาจนหมดแม้แต่พวกชั้นที่ใช้วางของบางอันเธอก็เก็บเข้ามาด้วย จนตอนนี้ที่นี่คล้ายเป็นห้างว่างไปแล้ว มีนาเดินมุ่งหน้าต่อไปยังห้องเก็บของที่อยู่ด้านใน แต่พอลองผลักประตูกลับพบว่ามันล็อก ลองผลักอีกสองสามครั้งจึงยกเลิก ตั้งใจจะไปหาร้านค้าใช้เป็นที่พักผ่อนสำหรับคืนนี้ ก็ได้ยินเสียงปลดล็อกจากประตูทางด้านหลัง พอหันไปก็เจอใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่งที่ดูท่าทางหวาดกลัว "คุณไม่ใช่ซอมบี้ใช่ไหม" เสียงเอ่ยถามขึ้นด้วยความไม่มั่นใจ "ถ้าฉันเป็นซอมบี้คงตอบคำถามของนายไม่ได้หรอกนะ และนายคงโดนมันพุ่งเข้าใส่ก่อนที่จะได้ถามจนจบด้วย" มีนาหันหลังไปยืนกอดอกแล้วเอ่ยตอบอีกฝ่าย "คุณคิดจะเข้ามาหลบที่นี่เหมือนกันอย่างงั้นรึ" เมื่อได้ยินคำตอบอีกฝ่ายก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง "ใช่" มีนาก็เอ่ยตอบไปตามที่ตั้งใจไว้ครึ่งหนึ่ง "ถ้าอย่างนั้น คุณเข้ามาหลบกับพวกเราในนี้เถอะ ด้านนอกมีซอมบี้และประตูด้านหน้ามันไม่ได้ล็อก" อีกฝ่ายเอ่ยบอกด้วยความมีน้ำใจ "ฉันล็อกมันเรียบร้อยแล้ว" มีนาเห็นท่าทางดูหวาดกลัวจนน่าสงสารของอีกฝ่ายจึงเอ่ยบอกไป "จริงรึ ตอนที่พวกเรากำลังจะหนีมีซอมบี้ไล่ตามพวกมา พวกเราเลยไม่ทันได้ล็อกประตูและพอจะกลับไปล็อก ก็มีพวกซอมบี้ก็วนเวียนอยู่ข้างหน้าเต็มไปหมด พวกเราก็เลยไม่กล้าออกไปอีก" ชายหนุ่มเดินนำเข้ามาด้านใน จนมองเห็นกลุ่มคนที่นั่งหลบอยู่ตามชั้นวางของอีกเกือบสิบคน "ตอนฉันมาถึงที่นี่พวกมันอยู่ห่างออกไปอีกทางน่ะ เลยแอบเข้ามาได้" มีนาเอ่ยบอกพร้อมกับมองสำรวจกลุ่มคนที่ค่อยๆ เดินออกมา "ถ้าอย่างงั้นพวกเรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ" หนึ่งในกลุ่มคนเอ่ยขึ้น "พวกคุณจะออกไปในตอนนี้อย่างงั้นรึ" มีนายกนาฬิกาขึ้นมองตอนนี้เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็นฟ้าด้านนอกก็เริ่มมืดลงแล้ว จึงอดเอ่ยถามออกไปไม่ได้ "คุณรู้อะไรมาอย่างงั้นรึ" คนที่เป็นคนเปิดประตูให้เธอเอ่ยถามขึ้น "พวกมันจะเชื่องช้าในตอนกลางวัน นอกจากได้ยินเสียงดังพวกมันถึงจะพุ่งเข้าจู่โจมใส่ แต่ในตอนกลางคืนพวกมันจะรวดเร็ว หูและสายตาก็จะดีขึ้น พวกคุณเคยดูหนังซอมบี้ของประเทศ K กันไหมล่ะ พวกมันเป็นแบบนั้นเลยล่ะ" มีนาก็เอ่ยตอบไม่ปิดบัง ถือว่าตอบแทนน้ำใจของอีกฝ่ายที่ยินดีเปิดประตูต้อนรับเธอ แล้วยังถอดแมสและหมวกที่ใส่อยู่ออก ก็ได้รับสายตาตกตะลึงจากเหล่าบุรุษและสายตาไม่พอใจจากเหล่าสตรี "เราจะเชื่อเธอได้ยังไง" หญิงสาวหนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่ากำลังไม่พอใจ "ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่พวกคุณเถอะ ฉันไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องอธิบาย" มีนาฟังสิ่งที่หญิงสาวคนนั้นพูดก็ให้ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ แต่เธอก็เลือกที่จะไม่สนใจกลับไปมองหาที่ที่พอจะอาศัยพักผ่อนได้ในคืนนี้แทน "คุณรู้จักกับพวกมันอย่างงั้นหรือคะ คุณรู้ว่าพวกมันคืออะไรใช่ไหม" เสียงหญิงสาวอีกคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น "ถ้าจะใช้คำว่ารู้จักก็คงจะไม่ได้ เพราะฉันคุยกับพวกมันไม่รู้เรื่องและไม่มีความคิดอยากทำความรู้จักกับพวกมันด้วย แต่ถ้าถามว่าฉันรู้ไหมว่าพวกมันคืออะไรอันนี้ฉันพอตอบได้นะ" มีนาเอ่ยตอบอีกฝ่ายติดยียวนเล็กน้อย เพราะรู้สึกไม่ค่อยพอใจสายตาของหญิงสาวเหล่านั้นที่มองมาทางเธออย่างไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ แต่เธอก็ชินเสียแล้วในครั้งก่อนผู้หญิงหลายคนก็มองเธอด้วยสายตาแบบนี้ สายตาของคน 'หวงของ' นั่นเอง "นี่ เหมยฮวา ถามเธอดีๆ ทำไมต้องตอบยียวนกลับมาด้วย..." ผู้หญิงคนแรกเอ่ยขึ้นเสียงดัง "เงียบ! ตะโกนเสียงดังขนาดนี้ อยากให้พวกซอมบี้มันได้ยินด้วยหรือยังไง" มีนาหันไปมองอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ แล้วตวาดด้วยเสียงลอดไรฟันกลับไปทันที "พวกเธอพอเถอะ ถ้ายังอยากจะหาเรื่องคุณคนนี้ก็ออกไปจากห้องนี้ซะ ในเมื่อยังไม่รู้ว่าสถานการณ์ข้างนอกว่าตอนนี้เป็นยังไง ก็ควรอยู่เงียบๆ อย่างที่คุณคนนี้บอกเอาไว้ดีกว่า" ชายหนุ่มที่เป็นคนเปิดประตูให้มีนาเอ่ยขัดหญิงสาวที่คิดจะพูดอะไรต่อ ทำให้คนพวกนั้นเงียบลงแต่ยังคงส่งสายตาไม่พอใจมาให้เธอ "ขอโทษคุณด้วย ผมอวี้หานครับ" หลังจากที่หญิงสาวพวกนั้นยอมเงียบลง ชายหนุ่มที่เป็นคนเปิดประตูก็เอ่ยแนะนำตัว "ฉันมีนา ความจริงฉันออกไปอยู่ข้างนอกก็ได้ มีร้านค้ามากมายที่สามารถใช้ซ่อนตัวได้ในคืนนี้" มีนาพยักหน้าตอบรับกลับไป "คุณคิดจะซ่อนตัวแค่คืนนี้อย่างงั้นรึ" อวี้หานเอ่ยถามขึ้นด้วยท่าทางเสียดาย "ใช่ ฉันแค่มาหาที่หลบซอมบี้กับพวกคนที่กำลังอพยพแค่นั้น พอคนน้อยลงฉันก็จะออกเดินทางไปจากเมืองนี้เหมือนกัน" มีนาไม่สนใจว่าชายหนุ่มอาจจะคิดอะไรบางอย่างกับเธอ เพราะเคยเจอคนแบบนี้มาเยอะจนมีภูมิต้านทานมากพอแล้ว อีกอย่างชายหนุ่มอวี้หานคนนี้ก็หน้าตาดีอยู่ในระดับทั่วไป ไม่สามารถทำให้เธอสนใจได้หรอก "เอ่อ ถ้าอย่างนั้นคุณวางแผนไว้อย่างไร ถ้ายังไงพวกเราไปด้วยกันดีไหมจะได้ช่วยกันระมัดระวัง" อวี้หานยังคงเอ่ยด้วยความไม่ยอมแพ้ ในใจก็คิดไปว่าหญิงสาวที่สวยขนาดนี้ แล้วยังสามารถเอาตัวรอดได้ด้วยตัวคนเดียว ใครบ้างจะอยากปล่อยให้หลุดมือไป "ขอบคุณในน้ำใจของคุณ แต่คงต้องขอปฏิเสธฉันเดินทางคนเดียวสะดวกกว่า แต่ถ้าพวกคุณยังไม่มีแผนการ ฉันขอแนะนำให้คุณเดินทางไปค่ายทหารที่ใกล้ที่สุด มันน่าจะปลอดภัยมากกว่าหลบอยู่ในเมืองแบบนี้" มีนารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ คงคิดจะหวังพึ่งพาเธอสินะแต่เสียใจด้วย เธอไม่ยินยอม "แสดงว่าคุณก็มีแผนการที่จะไปยังค่ายทหารใช่ไหม คุณจะไปที่ค่ายไหน ผมสามารถแยกกลุ่มแล้วออกเดินทางไปพร้อมกับคุณได้นะ" อวี้หานก็ไม่ยอมแพ้ต่อให้ต้องทิ้งหญิงสาวพวกนี้ที่ถึงบางคนจะสวยดีแต่ก็เป็นภาระ เขายอมตามหญิงสาวที่งดงามคนนี้ไปคงจะดีกว่า "ไม่เป็นไร ฉันต้องรอคนรักมารับที่เมืองนี้อีกวันสองวันน่ะ ส่วนพวกคุณสามารถออกเดินทางได้ในตอนเช้าวันพรุ่งนี้ ส่วนตอนนี้แยกย้ายกันไปพักผ่อนเถอะ แล้วอย่าลืมอยู่ให้เงียบที่สุด ถ้าไม่อยากให้พวกมันรู้ว่ายังมีคนอยู่ในนี้" มีนาเห็นว่าอีกฝ่ายดึงดันพอสมควร จึงต้องงัดแผนคนรักมาอ้าง พร้อมกับเอ่ยตัดบทแล้วแยกตัวไปจุดที่ต้องการทันที เมื่อแยกตัวมาแล้ว มีนาเดินสำรวจบริเวณรอบๆ ห้องนี้เป็นห้องเก็บของมีช่องลมอยู่ด้านบน และมีประตูเข้าออกสองทาง ทางแรกคือทางที่เธอเข้ามาจากในห้าง อีกทางคือประตูเลื่อนบานใหญ่ที่น่าจะใช้สำหรับขนส่งสินค้า เธอเดินไปสำรวจเห็นว่ามีการนำโต๊ะมาวางปิดเอาไว้ แต่ก็ยังมีช่องระบายลมอยู่ด้านบนประตู เธอจึงจัดการปีนขึ้นไปสำรวจดู ด้านนอกมีรถสินค้าจอดอยู่ และมีซอมบี้อยู่หลายสิบตัว พวกมันเดินวนอยู่แถวริมกำแพง และมีรอยเลือดอยู่บนกำแพง คงมีใครปีนกำแพงหนีอาจจะรอดหรืออาจจะเป็นหนึ่งในซอมบี้ที่เดินอยู่นี่ก็ได้ เพราะมีหลายตัวที่ใส่ชุดพนักงานของที่นี่อยู่ เมื่อสำรวจจนพอใจแล้ว มีนาทำเป็นเอื้อมมือเข้าไปในเป้สะพายหลังที่เธอเพิ่งได้มาจากร้านค้าด้านนอก แล้วหยิบผ้าออกมาผืนหนึ่ง ทำการผูกปิดช่องลมบนประตูทั้งหมด แล้วจึงมาปิดยังช่องลมด้านข้าง พร้อมกับเอาเทียนออกมาจุดแล้ววางไว้ที่กลางห้อง มีนาไม่สนใจสายตาของคนอื่นๆ เธอยินดีจะออกไปอยู่ด้านนอกถ้ามีใครเอ่ยปากทักท้วง แต่รออยู่นานก็ไม่มีใครพูดอะไร ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเย็นแล้วเธอหยิบข้าวปั้นออกมากิน แต่ครั้งนี้คนที่อยู่ในห้องไม่นิ่งเงียบอีกแล้ว "ถ้าเราออกไปเอาอาหารตอนนี้ จะยังทันไหม" เสียงกระซิบของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น "มีนา คุณว่าพวกเราออกไปหาของกินตอนนี้ได้ไหม" อวี้หานหันมาเอ่ยถามหญิงสาว เพราะอาหารที่เคยเอาเข้ามาไว้ตั้งแต่เมื่อวานหมดลงไปแล้ว "ด้านนอกไม่มีอะไรเหลือแล้วล่ะ คงมีคนมาเอาพวกมันไปหมดแล้ว ตอนที่ฉันเดินเข้ามาในห้างนี้ก็ไม่มีอะไรเหลือแล้ว" มีนาหันไปตอบอีกฝ่ายตาใส ข้างนอกไม่มีอะไรแล้วจริงๆ แม้แต่ชั้นวางของ ตู้เย็น หรือตู้แช่แข็งเธอก็เก็บมาจนหมด ถึงแม้มันจะใช้งานอะไรไม่ได้แต่มันทำให้ข้าวของที่เธอเก็บเข้าไปในมิติถูกจัดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย "อะไรนะ! ไม่มีอะไรเหลือเลยอย่างงั้นรึ แล้วพวกเราจะทำอย่างไรกันดีล่ะ อาหารที่เอาเข้ามาก็หมดไปตั้งแต่มื้อเที่ยงแล้ว" อวี้หานเอ่ยถามด้วยความตกใจ ก่อนที่เขาจะเข้ามาหลบในนี้ เขายังเห็นว่ามีของอยู่เต็มห้างสรรพสินค้า แล้วหญิงสาวมาบอกว่าไม่มีอะไรเหลือแล้วมันจะเป็นไปได้ยังไง "ถ้าไม่เชื่อก็ส่งคนออกไปดูสิ แต่ต้องรีบหน่อยนะถ้าแสงของพระอาทิตย์หมดเมื่อไหร่พวกซอมบี้ก็จะกลับมามีพลังอีกครั้ง แม้แต่เสียงเบาๆ บางทีพวกมันก็อาจจะได้ยินก็ได้" มีนาไม่ได้เอ่ยเพื่อจะขู่คนพวกนี้ แต่มันคือเรื่องจริง และเธอก็ไม่มีความคิดที่จะห้ามไม่ให้พวกเขาออกไปด้วย ถ้าเกิดอะไรขึ้นเธอจะปีนช่องลมออกไปด้านนอกแล้วซ่อนตัวในรถขนของที่จอดอยู่ข้างนอกนั่น เธอมั่นใจว่าตนเองจะปลอดภัยแน่นอน ซอมบี้ที่อยู่ด้านหลังถ้าได้ยินเสียงดังพวกมันคงรีบวิ่งไปตามเสียงกันหมด หรือถ้าพวกมันไม่ไปเธอก็พร้อมจะลงมือจัดการพวกมันเอง "เอ่อ ถ้าอย่างงั้น มีนาคุณพอมีอาหารแบ่งพวกเราบ้างไหม" อวี้หานเมื่อคิดดูแล้วมันอันตรายเกินไปที่จะเสี่ยงออกไป เลยลองเอ่ยถามหญิงสาวแทน "ขอโทษด้วย ตอนแรกฉันก็คิดจะมาหาอาหารในนี้ไว้เป็นเสบียงเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย ส่วนข้าวปั้นฉันก็มีแค่อันเดียวที่เพิ่งกินหมดไป" มีนาเอ่ยตอบกลับไปตาใสเหมือนเดิม เรื่องอะไรเธอจะบอกพวกเขาว่ามีอาหารล่ะ คงได้มาขอเธอกันให้วุ่นวายและอีกอย่างดูท่าหญิงสาวพวกนั้นก็คงไม่ซาบซึ้งในน้ำใจของเธอหรอกถึงแม้เธอจะยินดีแบ่งอาหารให้ก็ตาม "ถ้าอย่างนั้นพวกเราหาจากในห้องเก็บของนี้ก็ได้นิ ใครไปเปิดไฟหน่อยเถอะ" เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น "หยุด! ถ้าพวกเธอจะเปิดไฟ หรือคิดจะแกะข้าวของเพื่อหาของกินละก็ ฉันขอออกไปอยู่ข้างนอกก่อนแล้วกัน ฉันไม่อยากเป็นหนึ่งในอาหารบุฟเฟ่ต์ของพวกซอมบี้ข้างนอกนั่นหรอกนะ" ก่อนที่ใครจะเดินไปเปิดไฟตามที่หนึ่งในกลุ่มบอก เธอรีบเอ่ยหยุดเอาไว้ทันที คนพวกนี้อยากจะเรียกฝูงซอมบี้ให้เข้ามากินตนเอง เธอก็ไม่ห้ามหรอกแต่เธอไม่อยากจะร่วมเป็นหนึ่งในนั้น จึงลุกขึ้นเก็บผ้าที่ใช้ปูรองนั่งยัดใส่เป้หรือก็คือเก็บใส่มิติ แล้วเดินไปที่ประตูแล้วเตรียมจะเปิดเพื่อออกไปข้างนอกทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD