bc

มิติส่วนตัวในวันสิ้นโลก

book_age12+
250
FOLLOW
1K
READ
reincarnation/transmigration
HE
second chance
bxg
lighthearted
brilliant
campus
rebirth/reborn
like
intro-logo
Blurb

มีนาเป็นหญิงสาวที่เติบโตขึ้นมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอใช้ชีวิตปากกัดตีนถีบจนส่งเสียตนเองเรียนจบระดับปริญญาตรี แต่เรียนจบมาหลายปีก็ยังหางานทำไม่ได้ แต่พอได้งานทำวันแรกก็เกิดเหตุการณ์เชื้อไวรัสระบาดผู้คนที่ติดเชื้อและตายลงกลับฟื้นขึ้นมาและกลายร่างเป็นซอมบี้ เธอต้องพยายามหลบหนีและหาทางเอาชีวิตรอด

เมื่อผ่านไปได้เกือบสิบปีทุกอย่างเหมือนกำลังจะดีขึ้น แต่แล้ววันสิ้นโลกสำหรับทุกคนก็ได้เกิดขึ้น ค่ายที่เธออาศัยอยู่คือค่ายผู้รอดชีวิตแห่งเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้ถูกฝูงซอมบี้นับล้านโจมตี ผู้คนในค่ายต่างหมดอาลัยและยินยอมที่จะตายมากกว่าจะลุกขึ้นต่อสู้ ส่วนตัวเธอก็ไม่สามารถทำสิ่งใดได้ เธอจึงตายลงพร้อมคนอื่นๆ ด้วยความไม่ยินยอม

แต่แทนที่เธอจะตายกลับกลายเป็นว่าเธอตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก่อนเกิดเหตุการณ์ไวรัสระบาดเพียงไม่กี่วันเท่านั้น และยังได้ของวิเศษเป็นมิติเก็บของติดตัวมาด้วย จุดมุ่งหมายของการมีชีวิตรอดของเธอในครั้งนี้จึงเริ่มต้นขึ้นและมันจะไม่มีทางจบลงเหมือนเดิมอีก

chap-preview
Free preview
ตอนที่ 1 ผู้รอดชีวิตกับเรื่องราวในอดีต
บนอาคารสูงหลังหนึ่งในค่ายทหารของอดีตประเทศ C (ซี) ซึ่งเป็นค่ายของผู้รอดชีวิตแห่งเดียวที่เหลืออยู่ในวันสิ้นโลกนี้ มีร่างของหญิงสาวที่กำลังยืนมองทุกอย่างอยู่ด้วยสายตาไม่ยินยอม พร้อมนึกถึงอดีตในวันที่เหตุการณ์เหล่านี้ได้เริ่มต้นขึ้น   ไม่มีใครรู้ว่าวันสิ้นโลกนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ทุกคนรู้แค่ว่าเมื่อสิบปีก่อนจะเกิดเหตุการณ์วันสิ้นโลกนี้ มีข่าวการเกิดเชื้อไวรัสระบาดในประเทศเล็กๆ ที่แสนห่างไกลแห่งหนึ่งขึ้น และมันไม่ได้หยุดอยู่แค่ในประเทศนั้น แต่มันกลับแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียง 6 เดือนเจ้าเชื้อไวรัสตัวนี้ก็แพร่กระจายไปจนทั่วทุกประเทศบนโลก และในเดือนที่ 7 หรือที่เรียกกันว่าระลอกสองเชื้อไวรัสตัวนี้ก็ได้เกิดการกลายพันธุ์ขึ้น ศพของผู้ติดเชื้อในระลอกสองนี้กลับฟื้นคืนชีพขึ้นมามีชีวิตอีกครั้งหรือที่ถูกเรียกว่าซอมบี้ และไม่ว่าสภาพของศพเหล่านั้นจะเน่าเปื่อยหรือมีอวัยวะใดขาดหายไป แต่พวกมันกลับลุกขึ้นมาเดินหรือเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง   และสิ่งที่พวกซอมบี้เหล่านี้ทำก็คือการหาอาหารและอาหารของพวกมันก็คือเหล่าคนที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นเอง เมื่อไหร่ที่พวกมันรับรู้ได้ถึงคนที่ยังมีชีวิตอยู่ พวกมันจะคลุ้มคลั่งและพุ่งเข้าโจมตีทันที ถ้าใครไม่สามารถหลบหนีและถูกพวกซอมบี้เหล่านี้กัดหรือแม้แต่ถูกข่วนเพียงเล็กน้อย ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาก็จะกลายเป็นซอมบี้ทันที หรือถ้าใครโชคร้ายถูกฝูงซอมบี้รุมทึ้งนอกจากจะถูกพวกมันกัดหรือควักเครื่องในออกมากินจนขาดใจตายแล้ว แต่พอครบ 24 ชม.ร่างนั้นแม้จะกลายเป็นเพียงก้อนเนื้อแต่ตราบใดที่สมองยังคงอยู่ ก็จะกลายเป็นซอมบี้แล้วคลานออกหาอาหารกินต่อไปเหมือนกับซอมบี้ตัวอื่นๆ   การระบาดของเชื้อไวรัสในระลอกสองนี้รวดเร็วกว่าระลอกแรกมาก ในระยะเวลาเพียงแค่ 3 เดือนเมืองทั้งเมืองก็มีฝูงซอมบี้มากกว่าครึ่ง ส่วนผู้รอดชีวิตก็ต้องพยายามหาหนทางเอาตัวรอด ทั้งจากฝูงซอมบี้ จากการขาดแคลนอาหาร มลพิษทางอากาศและน้ำ หรือแม้แต่จากเหล่ามนุษย์ด้วยกันเอง   ทุกคนต่างพยายามหาทางเอาตัวรอด บ้างก็หาทางช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หรือแม้แต่คิดค้นยารักษา คิดค้นอาวุธเพื่อจัดการกับพวกมัน แต่ในเมื่อคนสามารถพัฒนาตนเองเพื่อต่อสู้และยืนหยัดกับเชื้อไวรัสตัวนี้ได้ พวกซอมบี้เองก็มีพัฒนาการของพวกมันเองเช่นกันจนในตอนนี้เวลาก็ผ่านมาเกือบสิบปีแล้ว   หญิงสาวที่กำลังยืนนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้เธอมีชื่อว่ามีนา และเธอก็กำลังยืนมองฝูงซอมบี้เหล่านี้ด้วยความรู้สึกไม่ยินยอม พวกซอมบี้มันล้อมรอบค่ายทหารแห่งนี้เอาไว้จนหมด มองไปทางไหนก็เห็นแต่พวกมันที่น่าจะมีมากถึงล้านตัว และแต่ละตัวก็กำลังพยายามจะปีนหรือพังกำแพงค่ายแห่งนี้ลง พวกมันบุกมาโดยที่ไม่มีใครรับรู้ และพอรู้ตัวอีกทีพวกมันก็โผล่มาจากทุกทิศทางปิดทางหนีเอาไว้ทั้งหมด จนคนในค่ายต่างพากันหมดหนทางจะหาที่หลบซ่อนตัวหรือแม้แต่หาทางเพื่อหลบหนีออกไป ทุกคนในค่ายจึงทำได้แค่ยินยอมรับสภาพพ่ายแพ้ของตนเองไปเช่นนี้   ถึงแม้ตัวเธอจะไม่ยอมแพ้เช่นคนอื่นๆ แต่แล้วจะทำสิ่งใดได้ ในเมื่อผู้รอดชีวิตอีกกว่าหนึ่งพันคนต่างยินยอมที่จะระเบิดตัวเองตายเสียดีกว่าที่จะลุกขึ้นต่อสู้ หรือรอคอยเวลาให้พวกซอมบี้บุกเข้ามาแล้วพวกตนต้องถูกกัดและกลายร่างเป็นซอมบี้ไป หรือที่แย่กว่านั้นอาจจะกลายเป็นอาหารของพวกมันและถูกกัดกินจนไม่เหลือแม้แต่ซาก   มีนาในฐานะที่เป็นหนึ่งในรองหัวหน้าค่าย จึงได้รับคำขอร้องกึ่งบังคับจากทุกคนในค่ายให้เป็นผู้ออกมาทำหน้าที่ในการกดระเบิดค่ายแห่งนี้ทิ้งเสีย เพราะถึงต่อสู้ไปทุกคนในค่ายแห่งนี้ก็คงไม่อาจจะหนีรอดออกไปได้ และทุกคนก็ไม่ยินยอมที่จะตกเป็นอาหารของฝูงซอมบี้เหล่านี้ เธอได้เคยเอ่ยปฏิเสธหน้าที่นี้มาแล้วหลายครั้ง แต่ทุกคนก็ยังคงเชื่อมั่นว่าเธอและหัวหน้าคือคนที่เหมาะสมที่สุด ในเมื่อไม่สามารถขัดคำสั่งและคำขอร้องของทุกคนได้ เธอจึงจำต้องยอมรับและเป็นคนลงมือฝังระเบิดเอาไว้รอบค่าย เพื่อสังหารคนในค่ายผู้รอดชีวิตแห่งนี้ ฝูงซอมบี้และรวมถึงตัวเธอเองด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้   'ครืน ครืน' เสียงฟ้าร้องที่เธอไม่ได้ยินมากว่าแปดปีแล้วดังขึ้น แต่ตอนนี้ไม่มีใครให้เธอร่วมแสดงความดีใจ ตื่นเต้นหรือแม้แต่แปลกใจด้วยสักคน เพราะตอนนี้ทุกคนในค่ายเข้าไปอยู่ในอาคารที่เธอยืนอยู่นี้เพื่อสวดมนต์ให้ตนเองกันหมดแล้ว เหลือเพียงแค่เธอกับหัวหน้าที่ยืนรอกดระเบิดอยู่ด้านนอกเพียงสองคนเท่านั้น   "เสียงฟ้าร้อง" เสียงทุ้มฟังดูอบอุ่นช่างแตกต่างจากสถานการณ์ในตอนนี้ดังขึ้นที่ด้านหลังของเธอ   "ถ้าทุกคนรู้ว่ามีเสียงฟ้าร้องและฝนอาจจะกำลังตกลงมา พวกเขาจะยอมยกเลิกปฏิบัติการในครั้งนี้ไหมคะหัวหน้า" เธอเอ่ยถามออกไปเสียงเบา ถึงแม้จะรู้ว่ามันจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงก็ตาม   "พวกเขาหมดสิ้นศรัทธาและความอยากมีชีวิตอยู่กันไปหมดแล้ว สิบปีที่ต้องต่อสู้กับฝูงซอมบี้ สิบปีที่ต้องดิ้นรนหาอาหารเพื่อให้ตนเองมีชีวิตรอด จนกระทั่งคิดว่าทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น แต่สุดท้ายมันก็พังทลายลง ไม่มีความหวังความฝันใดหลงเหลือให้พวกเขาอยากมีชีวิตรอดอีกต่อไปแล้ว ต่อให้ได้ยินเสียงฟ้าร้องนี้ พวกเขาก็คงไม่มีใจที่คิดจะลุกขึ้นต่อสู้อีกแล้ว" เสียงทุ้มเอ่ยตอบกลับมา   "แต่ว่าอาจจะมีค่ายผู้รอดชีวิตอื่นหลงเหลืออยู่อีกก็ได้ อาจจะมีใครที่พัฒนายาต้านไวรัสได้สำเร็จและกำลังเดินทางมาช่วยพวกเราอยู่ก็ได้" เธอพูดด้วยเสียงแหบแห้ง รู้ดีว่าสิ่งที่พูดออกไปมันไม่มีทางเป็นไปได้ เธอเฝ้ารอด้วยความหวังเหล่านี้มาหลายปีแล้ว แต่เธอก็ยังอดคาดหวังไม่ได้   "คุณรู้คำตอบเหล่านั้นดี เอาละอีกไม่เกินชั่วโมงพวกมันคงพังกำแพงเข้ามาได้แล้ว ระหว่างนี้สวดมนต์ให้ตนเองเถอะ หวังว่าถ้าได้เกิดใหม่อีกครั้งคุณจะไม่ต้องเจอเหตุการณ์วันสิ้นโลกเช่นนี้อีก หรือถ้าต้องเจอก็ขอให้คุณและคนที่คุณรักพร้อมที่จะรับมือและผ่านมันไปให้ได้ ไม่ต้องมามีจุดจบเช่นนี้อีก โชคดีมีนาดีใจที่ได้รู้จักคุณ" เสียงทุ้มเอ่ยบอกออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ ฝ่ามืออุ่นถูกวางลงบนศีรษะอยู่ครู่หนึ่งแล้วผละออกไป พร้อมกับเสียงรองเท้าที่กระทบพื้นห่างออกไป จนเหลือแต่เสียงจากฝูงซอมบี้ที่พยายามเบียดเสียดกันเพื่อจะปีนกำแพง ขึ้นมาหรือแม้แต่พุ่งชนกำแพงคอนกรีตที่หนากว่าห้าฟุตนี้   มีนายืนมองไปรอบๆ สถานที่แห่งนี้ที่เคยเป็นค่ายทหารเก่ามาก่อน การก่อสร้างอาคารหรือกำแพงจึงมีความแข็งแกร่งกว่าสถานที่ทั่วไป แต่ต่อให้แข็งแกร่งกว่านี้ ทนทานมากกว่านี้ แต่ถ้าจิตใจของผู้คนไม่คิดที่จะต่อสู้อีกต่อไปแล้วมันก็คงไม่มีประโยชน์อะไร ระหว่างที่มองสำรวจ เธอมองเห็นมีซอมบี้บางตนที่เริ่มปีนกำแพงขึ้นมาได้ เธอก้มลงไปหยิบระเบิดที่เก็บไว้ในลังเก็บของข้างตัวขึ้นมา แล้วปาใส่กลุ่มซอมบี้กลุ่มนั้น เสียงระเบิดดังขึ้นซอมบี้กลุ่มนั้นแตกกระจายกลายเป็นเศษเนื้อเละๆ ซอมบี้ที่รอดจากระเบิดก้มลงกินเศษเนื้อของพวกเดียวกันอย่างหิวกระหาย เป็นภาพที่น่าสะอิดสะเอียนทีเดียว   เธอยืนมองสำรวจต่อไปพอเจอกำแพงตรงไหนที่ฝูงซอมบี้เริ่มปีนป่ายขึ้นมาได้ก็ปาระเบิดไปตรงนั้น ไม่เกินครึ่งชม.ระเบิดในลังข้างตัวก็หมดลง จังหวะนั้นเสียงวิทยุสื่อสารก็ดังขึ้น   "บึ้ม!! คงได้เวลาแล้วล่ะ ลูกระเบิดของผมหมดแล้ว ถ้ามีโอกาสได้เจอกันใหม่ผมจะช่วยให้คุณมีชีวิตรอดจนได้มีชีวิตสงบสุขบนโลกใบนี้อีกครั้ง นับสาม...เตรียม นับสอง...ลาก่อนมีนา นับหนึ่ง...กด"   'บรึ้มมมมมมม!!!'   ณ.ปราสาทสีขาวแห่งหนึ่งที่น่าจะตั้งอยู่สูงจากพื้นดินที่ไม่รู้ว่าสูงมากเท่าไหร่ เพราะทั่วบริเวณนี้โอบล้อมไปด้วยท้องฟ้าและก้อนเมฆที่ลอยไปตามลม มีม่านหมอกบางเบาลอยอยู่ในอากาศ ทั้งดูลึกลับให้อารมณ์ที่ดูหรูหรา และสง่างาม อยู่ๆ ก็ปรากฎร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งขึ้น   "อ้าว กลับมาแล้วหรือท่านเอดิส เป็นอย่างไรบ้าง ครั้งนี้สำเร็จหรือไม่" เสียงของบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งถาม บุรุษหนุ่มที่มีดวงตาสีเทา หน้าตาหล่อเหลาในชุดสีดำที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย   "ไม่สำเร็จท่านดีรอส แต่ครั้งนี้เรายืนหยัดได้นานถึงสิบปีและผมยังได้เจอหญิงสาวคนหนึ่ง เธอเป็นเพียงคนเดียวในกลุ่มผู้รอดชีวิตที่มีความมุ่งมั่นต้องการจะมีชีวิตรอดจวบจนถึงวินาทีสุดท้าย ครั้งต่อไปถ้าเธอได้มีตัวช่วยก็น่าจะมีโอกาสสำเร็จกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา" ชายหนุ่มที่ชื่อเอดิส เอ่ยตอบชายหนุ่มที่ชื่อดีรอสพร้อมกับเดินไปเปิดหีบสมบัติใบใหญ่ที่วางอยู่ข้างโต๊ะและเก้าอี้นั่งทำงานที่ดูหรูหรา เมื่อเปิดหาสิ่งของที่ตนเองต้องการพบแล้ว ชายที่ชื่อเอดิสก็นั่งลงที่เก้าอี้ข้างหีบสมบัตินั่น พร้อมตรวจสอบสิ่งของที่หยิบออกมาเมื่อพอใจแล้วก็เก็บใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อของตน   "เฮ้อ ถ้าท่านลงไปอีกนี่ก็เป็นครั้งที่หนึ่งร้อยแล้วนะ พวกเราจะสามารถแก้ไขปัญหาวันสิ้นโลกของโลกใบนั้นได้จริงอย่างงั้นรึ ท่านเอดิส" ดีรอสถอนหายใจพร้อมกับเอ่ยถามออกมาด้วยท่าทางเศร้าสร้อย ความผิดพลาดจากผู้ดูแลคนก่อนทำให้โลกใบนั้นเกิดเหตุการณ์วันสิ้นโลกนี้ขึ้น และทำให้โลกใบนั้นไม่สามารถหมุนวนวัฏจักรเวียนว่ายตายเกิดต่อไปได้ และท่านเอดิสคือผู้ดูแลคนใหม่ที่ถูกส่งมาเพื่อจัดการแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ ไม่อย่างนั้นโลกใบนั้นจะต้องถูกทำลายทิ้ง ชีวิตผู้คนของโลกใบนั้นก็จะสูญสลายหายไปตลอดกาล   "ตราบใดที่ยังมีมนุษย์ที่เชื่อมั่นว่าจะสามารถผ่านเหตุการณ์วันสิ้นโลกนี้ไปได้ ผมก็พร้อมที่จะลงไปช่วยพวกเขา ต่อให้ต้องลงไปอีกร้อยครั้ง พันครั้ง ตราบใดที่มนุษย์ไม่สิ้นศรัทธาผมก็ไม่สิ้นกำลัง" เมื่อเอดิสกล่าวจบทั้งห้องก็เงียบลง ต่างตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตน จนเมื่อมีเสียงแจ้งเตือนว่าโลกใบที่ 008 ถูกรีเซตเรียบร้อยพร้อมเริ่มต้นใหม่แล้ว เอดิสจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่หรูหราบอกลาบุรุษอีกคนในห้อง แล้วเดินไปยังห้องเตรียมการทันที   "เฮ้อ ครั้งนี้ขอให้สำเร็จนะท่านเอดิส ว่าแต่เหมือนท่านเอดิสจะเปิดหีบสมบัติหยิบอะไรออกไปด้วยนี่ เอาเถอะ ขอให้มันมีประโยชน์ก็พอ ท่านเรนอสก็ช่างเป็นพี่ชายที่ใจร้ายเหลือเกิน ความผิดพลาดของผู้ดูแลคนก่อนแท้ๆ กลับให้ท่านเอดิสต้องมารับผิดชอบแก้ไขแทน ว่าแต่ไปดูโลกของข้าบ้างดีกว่า ไม่รู้ป่านนี้ถึงยุคกำเนิดเผ่าพันธุ์ของมนุษย์โลกหรือยัง น่าเบื่อเจ้าพวกไดโนเสาร์พันปีทั้งหลายเหล่านั้น ช่างขวางหนทางเจริญของผู้อื่นเสียจริงๆ" เมื่อกล่าวจบร่างของบุรุษนามดีรอสที่อยู่ในชุดสีขาวก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปยังประตูห้องที่อยู่ถัดไป *********  

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

เกิดใหม่พร้อมกับมิติฟาร์มส่วนตัว

read
4.4K
bc

รอยรักคนใจร้าย

read
9.4K
bc

พิษรักซาตาน

read
5.0K
bc

ข้านี่แหล่ะ ฮูหยินของท่านแม่ทัพ

read
3.4K
bc

รอยตรวน

read
1K
bc

ฮูหยินกลับมาเถิดข้าไล่พวกนางไปหมดแล้ว

read
9.4K
bc

ทาสรักของจอมมาร

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook