ตอนที่ 7อุบัติเหตุ
ความเงียบเข้าปกคลุม พิมพ์มาดาก้มหน้าลงใบหน้างามเจื่อนไปด้วยความรู้สึกประหม่า เรื่องส่วนตัวเช่นนี้หากไม่สนิทกันจริงคงไม่มีใครมาถามกัน คิรากรเองไม่ได้คิดอะไรกับคำถามนั้น ถึงแม้มันจะเป็นคำถามค่อนข้างส่วนตัว แต่ดูท่าทางหญิงสาวตรงหน้าไม่ได้ถามเพื่ออยากจะสานสัมพันธ์กับเขา หากเพราะเธอถามไปด้วยความใสซื่อของเธอ
"น้องสาวน่ะ น้องสาวคนละแม่ แต่พ่อเดียวกัน" คิรากรส่ายหน้าเบาๆ และตอบคำถามหญิงสาวออกไป เพียงแค่นึกถึงใบหน้าที่ห่วงใยของมารดาชายหนุ่มก็รู้สึกเศร้าใจ ไม่รู้ป่านนี้มารดาเขาจะเสียใจและเป็นห่วงเขามากแค่ไหน ไหนจะน้องสาวตัวแสบอีกล่ะ เพราะกนกวรรณมีนิสัยที่ขี้อ้อนและเป็นเหมือนหัวใจของคนในบ้าน คิรากรจึงรักและเอ็นดูน้องสาวคนนี้เป็นอย่างมาก แววตาคิรากรทอดมองอย่างเหม่อลอย พิมพ์มาดาลอบสังเกตก็รู้ทันทีว่าชายหนุ่มคิดถึงคนที่บ้าน
"เดี๋ยวรอเดินทางสะดวกกว่านี้พี่กรก็จะได้กลับบ้านแล้วค่ะ ไม่ต้องคิดมากนะคะ" หญิงสาวบีบมือชายหนุ่มอย่างให้กำลังใจ คิรากรมองมือบางที่กำมือหนาของเขาด้วยสายตาคมลึกและดูไม่ออกว่า ชายหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่เช่นกัน
"ไปทางนั้นดีกว่าค่ะ เดี๋ยวพิมพ์พาพี่กรเดินชมหมู่บ้านมะลิงามของเรา ดีไหมคะ" หญิงสาวถามขึ้นมาด้วยเสียงสดใส เธอไม่อยากให้คิรากรคิดมากเพราะเขาเพิ่งจะฟื้นขึ้นมาได้ไม่นาน หากจิตใจห่อเหี่ยวร่างกายก็จะไม่สู้ ซึ่งเธอไม่อยากให้คนที่เธออุตส่าห์ช่วยเหลือให้พ้นจากความตายต้องเป็นเช่นนั้น
"ครับ "คิรากรพยักหน้าเบา ๆ
พิมพ์มาดาพาชายหนุ่มเข็นรถไปทั่วทั้งหมู่บ้าน ดรุณีน้อยทั้งหลายเมื่อเห็นหนุ่มแปลกหน้าก็ส่งยิ้มให้อย่างเขินอายทว่าเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาแต่เรียบเฉยแกมดุดันของคิรากร ก็ไม่มีหญิงสาวคนไหนกล้าเข้ามาคุยด้วย พิมพ์มาดาเข็นรถมาถึงบริเวณน้ำตกแห่งหนึ่ง ทว่าไม่สามารถเข้าใกล้มากได้ เพราะทางเดินไม่อำนวย หากจะเข้าไปคงต้องเดินเท้า ตลอดทางที่ผ่านมาหญิงสาวเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้เขาฟังไม่หยุด เขาเองก็ส่งเสียงตอบไปเล็กน้อยพอให้รู้ว่าฟังอยู่ เขาไม่ชอบคนพูดมาก แต่กลับไม่รำคาญเสียงเจื้อยแจ้วของหญิงสาวเลยสักนิด กลับกันเขารู้สึกเพลิดเพลินไปกับสิ่งที่เธอเล่าเสียอีก
"เอาไว้ให้พี่กรหายดีกว่านี้ก่อนนะคะ พิมพ์จะพามาอาบน้ำตก" หญิงสาวพยักพเยิดไปทางน้ำตกพลิ้วละอองน้ำกระจายไปทั่วบริเวณ ส่งผลให้คนได้ชุ่มชื่นหัวใจ ธรรมชาติสามารถบำบัดจิตใจคนเราได้จริง ๆ คิรากรเชื่อแล้ว
"อาบน้ำตก?" ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นไปมอง ไม่ใช่เล่นน้ำตกหรือ
"ค่ะ ก็เล่นน้ำตกนั่นแหละ เพียงแต่เราเอาสบู่ยาสระผมมาอาบไปด้วยเลย" หญิงสาวอธิบายให้ฟัง
"ระบบนิเวศน์ไม่เสียเหรอ" ปกติชายหนุ่มก็ไม่ใช่คนที่ห่วงระบบนิเวศน์อะไร เพียงแค่รู้สึกธรรมชาติตรงนี้มันช่างสวยจนไม่อยากให้โดนทำลายก็เท่านั้น
"แฮ่ ๆ ไม่ได้คิดเลยค่ะ" หญิงสาวเอามือลูบผมตัวเองอย่างเก้อเขิน เธอก็ลืมคิดถึงตรงนี้ไป แต่คงจะไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง เพราะสบู่ยาสระผมก็ผลิตขึ้นเองตามธรรมชาติไม่ได้ใช้สารเคมีเป็นส่วนผสมเลย
"พี่กรนั่งรออยู่ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวพิมพ์ไปเก็บผักขจรก่อน" หญิงสาวเห็นต้นผักขจรกำลังแตกดอกสวยงาม สามารถนำไปปรุงยาหรือทำอาหารได้ด้วย หญิงสาวจึงจะเก็บกลับไปด้วยจะได้ไม่เสียเที่ยวเปล่า
คิรากรพยักหน้าตกลง หญิงสาวจึงเดินจากไป ชายหนุ่มนั่งมองหญิงสาวเดินออกไปจนกระทั่งเห็นว่าเธอนั่งลงเพื่อเก็บดอกไม้อย่างที่เธอว่า แม้ชายหนุ่มจะสงสัยว่าดอกไม้สีขาวเหลืองจะมีรสชาติเช่นไร แต่ก็ไม่ถามอะไรออกไปเพราะอย่างไรก็คงจะได้ลองกินในเย็นนี้อย่างแน่นอน
คิรากรหันกลับมาสนใจธรรมชาติด้านหน้า เขาพยายามจะเลื่อนรถเข็นลงไปใกล้กับน้ำตกให้มากที่สุด เพราะความอยากจะสัมผัสน้ำเย็น ๆ ให้ชื่นใจเขาอยากจะวักน้ำขึ้นมาลูบหน้าตนเองเพียงสักนิดเท่านั้น
ทว่ารถเข็นก็เลื่อนไปตามทางขรุขระไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงทางลาดชันชายหนุ่มที่เรี่ยวแรงยังไม่คงที่ ไม่อาจรั้งรถเข็นไม่ให้ไหลลงไปได้ รถไม้ที่ทำขึ้นมาอย่างง่าย ๆ ไม่มีเบรกจึงไม่สามารถหยุดได้ตามตั้งใจ แววตาคิรากรเบิกกว้าง เขาหันไปมองด้านหลัง พิมพ์มาดาไม่ได้หันมาทางเขา ก่อนจะทันได้ตัดสินใจเรียกเธอก็หันมาพอดี เหมือนกับเธอสามารถสื่อถึงเขาได้
พิมพ์มาดาเห็นรถเข็นพุ่งลงไปทางน้ำตกก็ตกใจแทบจะช็อก หญิงสาวโยนผักที่ตนเองเก็บลงพื้น เธอยกผ้าถุงขึ้นและวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว คิรากรมองภาพนั้นด้วยสายตาวูบไหว หากเขาจะนั่งเฉย ๆ ไม่หาเรื่องอยากสัมผัสน้ำเย็น ๆ หญิงสาวคงไม่ตื่นตระหนกเช่นนี้ รถเข็นเคลื่อนมาจนสุดทางและกระแทกเข้ากับหินก้อนใหญ่ ร่างหนากระเด็นตกลงไปในน้ำด้านล่าง ช่วงที่ร่างหนาลอยลงไปคิรากรคิดว่าตนเองรอดจากเฮลิคอปเตอร์มาได้แต่กลับต้องมาตายลงตรงนี้หรือช่างน่าเศร้า ทว่ายังไม่ได้คิดอะไรร่างบางของหญิงสาวก็กระโดดตามลงมา คิรากรเบิกตากว้างอย่างตกใจ พลันกระแสความอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนก็ไหลเข้ามาสู่หัวใจที่ด้านชาของชายหนุ่ม คิรากรใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ตู้ม!!!
ตู้ม!!!
เสียงน้ำแตกกระจายติดกันถึงสองครั้ง คิรากรจมดิ่งลงไปสู่ใต้น้ำ ชายหนุ่มสำลักน้ำเข้าไปเต็มปอด ร่างกายที่ไม่ปกติดีพยายามตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอด แต่ทว่าจังหวะที่จะหมดลมหายใจกลับมีมือบางมาคว้าเอาไว้ได้ หญิงสาวรู้ทันทีว่าคิรากรกำลังจะหมดลม เธอไม่รอช้ารีบประกบริมฝีปากตนเองลงไป เพื่อถ่ายเทอากาศให้กับชายหนุ่ม หญิงสาวพาเขาทะยานสู่ด้านบนผิวน้ำอย่างเร่งรีบ
แค่ก!! แค่ก!!
"เป็นไงบ้างคะพี่กร" หญิงสาวว่ายน้ำลากเขามาที่ตรงริมฝั่งได้สำเร็จ ชายหนุ่มสำลักน้ำเข้าเต็มปอด
"ไม่เป็นไรแล้วครับ ขอบคุณพะ… เฮ้ย! หัวพิมพ์เลือดออก" คิรากรกำลังจะขอบคุณหญิงสาวที่ช่วยเขาเอาไว้อีกแล้ว ทว่าสายตากับมองไปเห็นหน้าผากเหนือคิ้วใต้ไรผมกับมีเลือดสีแดงไหลออกมา สายตาชายหนุ่มสั่นด้วยความหวาดกลัว เธอต้องมาเจ็บตัวเพราะความไม่ประมาณตนของเขา เขาคิดว่าตนเองจะเอารถเข็นอยู่จึงได้ไถลลงไปเช่นนั้น หากไม่เป็นอย่างที่คิด เขาบังคับรถไม่ได้
"น่าจะกระแทกหินน่ะค่ะ ไม่เป็นไรพี่กรไม่ต้องตกใจ เดี๋ยวพี่กรรอพิมพ์ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวพิมพ์จะไปตามคนมาช่วย พี่กรอย่าไปไหนนะ"
หญิงสาวพยายามลากชายหนุ่มขึ้นบนฝั่งเหนือน้ำให้มากที่สุด เพราะกลัวเขาจะตกลงไปในน้ำอีก หญิงสาวไม่สนใจใบหน้าตนเองที่เปียกปอนไปด้วยเลือดเลยสักนิด
เมื่อจัดการชายหนุ่มเสร็จ เธอก็รีบปีนลัดเลาะไปตามโขดหินเพื่อไปตามคนให้มาช่วย หญิงสาวหันไปมองหน้าชายหนุ่มอีกครั้ง เมื่อขึ้นไปยังด้านบนได้สำเร็จ สายตาทั้งสองประสานกันอีกคนวูบไหว อีกคนเป็นห่วง
"ไม่ต้องกลัวนะคะ พิมพ์จะรีบมา"
หญิงสาวตะโกนลงไป คิรากรพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง เมื่อเห็นเช่นนั้นพิมพ์มาดาจึงผละออกไป เธอไปแล้วเหลือเพียงชายหนุ่มที่นั่งอยู่คนเดียว เสียงน้ำตกไหลกระทบลงสู่เบื้องล่างไม่ขาดสาย ชายหนุ่มยกมือขึ้นไปลูบริมฝีปากตนเองอย่างแผ่วเบา สัมผัสความอบอุ่นยังคงไม่จางหาย นาทีที่คิดว่าทุกอย่างคงจะจบลงแล้ว แต่ก็ไม่เป็นอย่างนั้นพิมพ์มาดาเหมือนแสงสว่างที่มาฉุดเขาขึ้นจากความมืดมน คิรากรหลับตาลงช้าๆ ทว่าใบหน้ากลับเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม