ตอนที่ 8 ไม่ห่วงตัวเอง

1458 Words
ตอนที่ 8 ไม่ห่วงตัวเอง คิรากรนั่งพิงโขดหินหลับตาลงฟังเสียงธรรมชาติที่อยู่รอบ ๆ ตัวอย่างสงบ หัวใจชายหนุ่มไม่เคยสงบและรู้สึกดีเช่นนี้มาก่อนถึงแม้ว่าเขาจะเพิ่งเฉียดตายมาก็ตาม ตอนอยู่ในเมืองมีแต่เรื่องต้องใช้ความคิดและระแวดระวังตัวทุกฝีก้าว ต่างจากที่นี่เขาไม่ต้องระวังตัวมากมาย ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นธรรมชาติ ผู้คนต่างมีน้ำใจ และที่มากสุดก็คือหญิงสาวที่เพิ่งวิ่งจากไป ชายหนุ่มคิดไม่ออกว่า หากเมื่อสักครู่เป็นเธอที่ตกลงไป เขาจะโดดตามลงไปหรือไม่ หรือหากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ แล้วเขาตกลงไปเช่นเมื่อสักครู่ จะมีใครกล้าโดดตามเขาลงมาไหม หากไม่ใช่เหล่าบอดี้การ์ดที่ยอมเสี่ยงชีวิตเพราะเป็นหน้าที่ปกป้องเขาล่ะ แต่เป็นเหล่าคู่ควงทั้งหลายที่เขามี พวกเธอจะโดดตามลงมาอย่างไม่ลังเลหรือไม่ ชายหนุ่มตอบตัวเองได้เลย ว่าไม่มีทาง จะไม่มีผู้หญิงคนไหนยอมเสี่ยงชีวิตช่วยเขาอย่างแน่นอน คิรากรยิ้มให้กับตนเองอย่างแผ่วเบา ชีิวิตคนเราก็แค่นี้จริง ๆ พิมพ์มาดาเหมือนอัญมณีชิ้นงามที่หลบซ่อนอยู่กลางป่าใหญ่และคิรากรคนนี้เป็นผู้โชคดีที่ได้เจออัญมณีชิ้นนี้ "พี่กร ๆ พี่กรตื่นค่ะ เป็นยังไงบ้างคะ" เขาไม่รู้ว่าหญิงสาวหายไปนานเพียงใด ทว่าช่วงที่กำลังกึ่งหลับกึ่งตื่นก็ได้ยินเสียงหวานเรียกเขาอย่างร้อนรน หัวใจแกร่งเต้นแรงอีกครั้ง "ตากรเป็นยังไงบ้าง รู้สึกตัวไหม เจ็บตรงไหนหรือเปล่า" คิรากรหันไปตาเสียงทุ้ม ก็พบพนาบิดาของหญิงสาว เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก็เห็นชายหนุ่มหลายคนยืนมองเขาอยู่ตรงนั้น "ไม่เป็นไรครับ เจ็บขานิดหน่อยเท่านั้นเอง" ชายหนุ่มตอบออกไปตามความจริง "อืม ถ้าไม่เป็นอะไร งั้นเดี๋ยวน้าจะพาตากรกลับบ้านนะ" คิรากรพยักหน้าให้พนา เพียงไม่นานเหล่าชายหนุ่มชาวเขาก็พากันยกคิรากรขึ้นเปล และช่วยกันหามขึ้นไปยังด้านบนอย่างทุลักทุเล กว่าจะขึ้นมาได้ก็ใช้เวลาครู่ใหญ่ คิรากรขอบคุณเหล่าชาวเขาเมื่อถึงบ้านของพนา เขารู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากพิมลกับพนาเข้ามาตรวจอาการของคิรากรดูอีกครั้ง เขาไม่เป็นอะไรมาก เพียงแต่ขาเท่านั้นที่ระบมขึ้นมาอีกครั้ง "น้าพิมล พิมพ์หัวแตกน้าช่วยทำแผลพิมพ์ก่อนครับ" คิรากรมองไปที่หญิงสาวที่ยืนตัวเปียกอยู่ที่ปลายแคร่ที่เป็นที่นอนของชายหนุ่ม หน้าผากเธอยังไม่ได้ทำแผล ทว่าเลือดไม่ได้ไหลออกมามากมายอย่างเมื่อสักครู่ พิมลหันไปมองลูกสาวเธอ ไม่ใช่ว่าเธอไม่เห็นว่าลูกเธอได้รับบาดเจ็บ ทว่าพอเธอจะทำแผลให้พิมพ์มาดากลับบอกว่าไม่เป็นอะไร ให้รักษาคิรากรไปก่อน "พี่เขาปลอดภัยแล้วพิมพ์มาทำแผลเถอะลูก" พิมลบอกออกไปอย่างเอ็นดู "พิมพ์ไม่เป็นไรจ้ะแม่ เดี๋ยวพิมพ์ช่วยพี่กรเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ที่นอนเปียกหมดแล้ว เดี๋ยวพิมพ์ไปเอามาเปลี่ยนให้ใหม่" หญิงสาวส่ายหน้า ทำท่าจะผละออกไปเอาที่นอนกับเสื้อผ้ามาให้ชายหนุ่มเปลี่ยน หากเธอไม่พาเขาออกไปตรงนั้น เขาก็คงจะไม่ตกลงไปเช่นนี้ เธอไม่น่าปล่อยให้เขานั่งอยู่คนเดียวเลย หญิงสาวคิดในใจอย่างรู้สึกผิดน้ำตาก็พานจะไหลออกมา ทว่าเธอกลั้นมันเอาไว้ "พิมพ์! เธอต้องทำแผล ขอร้องอย่าทำให้ผมรู้สึกผิดมากไปกว่านี้เลย พิมพ์ห่วงตัวเองบ้างเถอะนะ ขอร้อง…" คิรากรเรียกหญิงสาวเสียงดัง ก่อนจะพูดประโยคถัดมาอย่างแผ่วเบาระคนรู้สึกผิด พิมพ์มาดาหันมามองหน้าชายหนุ่มที่เสียงดังใส่เธอ น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ก็ไหลออกมาจนได้ หญิงสาวปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น คิรากรตกใจที่เห็นเธอร้องไห้เช่นนี้ พิมลเดินเข้าไปกอดลูกสาวเอาไว้ ก่อนจะพากันออกไปด้านนอก ให้พนาช่วยชายหนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าแทน "ผมไม่ได้ตั้งใจจะดุพิมพ์..." ร่างหนาบอกบิดาของหญิงสาวอย่างเสียใจ "อืม… น้ารู้ตากรแค่ห่วงน้องใช่ไหม ไม่เป็นไรหรอก พิมพ์แค่ตกใจ ตอนที่พิมพ์วิ่งมาบอกน้า พิมพ์ตัวสั่นหน้าตื่นเชียว คงกลัวว่าตากรจะเป็นอะไรนั่นแหละ" พนาปลอบชายหนุ่มอย่างเข้าใจ "ผมขอคุยกับพิมพ์ได้ไหมครับ" ชายหนุ่มร้องขอออกไป หากไม่ได้คุยกันเขาคงจะรู้สึกแย่เป็นอย่างมาก คืนนี้ก็คงจะหลับไม่ลงอย่างแน่นอน "ได้สิ เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะนะ" พนาพยักหน้าและช่วยชายหนุ่มจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า และที่นอนใหม่ทั้งหมด เมื่อพนาออกไปแล้ว คิรากรก็นอนก่ายหน้าผากอย่างคนคิดไม่ตก หัวใจเขาว้าวุ่นไปหมดเมื่อเห็นน้ำตาของหญิงสาวที่ไหลอาบใบหน้าหวาน สาบานได้ เขาไม่ได้ตั้งใจจะดุจนเธอร้องไห้เช่นนี้ เขาแค่อยากให้เธอไปทำแผลก็เท่านั้นเอง ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูปลุกชายหนุ่มให้หลุดจากภวังค์ เขาหันหน้าไปทางประตูห้อง ทว่าไม่มีการเปิดเข้ามา คิ้วหนาขมวดเข้าหากันยุ่ง "เชิญครับ" เสียงทุ้มร้องบอกออกไป อีกชั่วอึดใจบานประตูก็เปิดเข้ามา พิมพ์มาดาชะโงกศีรษะเข้ามาก่อนเป็นอันดับแรก คิรากรที่นอนมองอยู่แล้วก็รู้สึกนึกเอ็นดู ทว่าพอสายตาทั้งสองประสานกัน หญิงสาวกลับหลบสายตาลงเสียอย่างนั้น "ไม่เข้ามาเหรอ เข้ามาสิ" ชายหนุ่มเอ่ยปากเรียกอีกครั้ง หญิงสาวจึงเดินตัวลีบเข้าไปช้า ๆ ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วห้อง ทั้งสองต่างไม่มีใครพูดอะไรออกมา "เอ่อ" ครั้นจะพูดก็ดันพูดออกมาพร้อมกัน หญิงสาวยกมือขึ้นเกาศีรษะแก้เก้อ คิรากรก็เช่นกัน "พิมพ์พูดก่อนเถอะครับ" ชายหนุ่มให้เกียรติหญิงสาวได้พูดก่อน ทว่าหญิงสาวกลับส่ายหน้าให้เขาพูดก่อน คิรากรจึงจำเป็นต้องเป็นฝ่ายทำลายความเงียบนี้ลงอีกครั้ง "พี่ขอบคุณที่พิมพ์ไปช่วยพี่เอาไว้ ซึ่งหากเป็นตัวพี่เอง นาทีนั้นหากเป็นพิมพ์ตกลงไป พี่ก็คงจะทำอะไรไม่ถูก แต่พิมพ์กลับโดดลงไปอย่างไม่ลังเล พี่ขอบคุณมากจริง ๆ พี่เป็นหนี้ชีวิตพิมพ์ถึงสองครั้งแล้วนะ หากอยากได้อะไรตอบแทน…" คิรากรมองใบหน้าหวานด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป เขารู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ ทั้งขอบคุณและซึ้งใจ "ไม่ค่ะ พิมพ์ไม่อยากได้อะไร พิมพ์ต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษพี่ ที่พาพี่ไปเสี่ยงอันตรายแบบนั้น พิมพ์ไม่น่าปล่อยพี่นั่งรอคนเดียวเลย พะ… พิมพ์ ฮือ ๆ พิมพ์ขอโทษ" พิมพ์มาดารีบขัดคำพูดของชายหนุ่ม เธอไม่ได้อยากได้อะไรตอบแทน และยังรู้สึกโทษตัวเองด้วยซ้ำ หญิงสาวร้องไห้ออกมาในที่สุด คิรากรส่ายหน้าช้า ๆ "ไม่ใช่ความผิดพิมพ์ อย่าโทษตัวเองเลยนะครับ ถ้าพิมพ์โทษตัวเองอย่างนั้น พี่คงจะรู้สึกไม่ดีไปตลอด" คิรากรปลอบใจหญิงสาว พิมพ์มาดาเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นสายตาชายหนุ่มที่มีแววตาของคนที่รู้สึกผิด หญิงสาวพยักหน้าตกลงทันทีเธอไม่อยากให้เขารู้สึกผิด และเธอก็ไม่ตั้งใจ เรื่องมันแล้วไปแล้วก็คงต้องปล่อยไป และจำเอาไว้ว่าอย่าได้ประมาทอีกก็พอ เธอยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ คิรากรมองรอยยิ้มนั้นด้วยสายตาลึกซึ้ง เขาไล่สายตาลงมาที่จมูกรั้นและริมฝีปากบาง พิมพ์มาดาสังเกตสายตาของชายหนุ่มที่จ้องปากของเธอก็พลันหน้าเห่อแดงขึ้นมา ภาพทรงจำตอนอยู่ในน้ำผุดขึ้นมาในความทรงจำ จูบแรกของเธอเสียให้เขาไปเสียแล้ว "เอ่อ… พิมพ์ไปทำข้าวต้มให้พี่กรนะคะ พี่กรนอนพักเถอะ" ไม่รอให้ชายหนุ่มปฏิเสธ ร่างบางวิ่งหนีหายออกไปจากห้องนอนของเธอเองอย่างรวดเร็ว คิรากรมองตามอย่างนึกขำระคนเอ็นดู เห็นได้ชัดว่าเธอคงนึกถึงเรื่องใต้น้ำนั่นเป็นแน่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD