Chapter.10 เดทแรกก็พังซะแล้ว

1149 Words
หมอพามาร้านอาหารสุดหรูย่านคนรวย หมอบอกว่าพามาเดต ไม่เข้าใจว่าเดตคืออะไร ฉันซื่อบื้อ เรื่องรอบตัวรู้แค่บางเรื่อง หมอบอกว่าฉันไม่โรแมนติก ฉันยังไม่รู้ความหมายของคำว่าโรแมนติกเลยว่ามันเป็นยังไง เหมือนในหนังในละครน่ะเหรอ ไม่เคยคิดว่าชีวิตจริงจะมีแบบนี้ พนักงานนำเราสองคนมาที่โต๊ะด้านใน บริการดีเยี่ยม ยกมือไหว้ตั้งแต่ทางเข้า อาหารต้องแพงมากแน่ๆ "หมอมากินข้าวที่นี่บ่อยหรือคะ" พนักงานหลายคนยกมือไหว้ แล้วหมอก็ยิ้มตอบเหมือนเคยมาที่นี่บ่อยจนคุ้นชิน " ใช่ มากับครอบครัวน่ะ ที่บ้านนัดกินข้าวกันสัปดาห์ละครั้ง " "ครอบครัวน่ารักจังเลยค่ะ " ส่วนที่บ้านฉันน่ะเหรอ นานๆ ครั้งจะมีสักที ถ้าแม่ถูกหวยก็จะเลี้ยงส้มตำชุดใหญ่ คิดถึงบรรยากาศพวกนั้นจัง อิจฉาหมอมีครอบครัวที่ได้อยู่ด้วยกัน คนรวยนี่น่าอิจฉาเนอะไม่ต้องดิ้นรนอะไรมาก อยากได้อะไรก็ได้เหมือนมีมนต์วิเศษ "ตอนนี้เธอเข้ามาอยู่ในครอบครัวหมอแล้วนะ" " ยังไงคะ หนูเป็นแค่คนนอก เป็นแค่เด็กที่หมอรับอุปการะไม่เหมาะหรอกค่ะ " ดีใจที่หมอพูดแบบนี้ แต่คงไม่เหมาะที่ครอบครัวของหมอจะมีฉันอยู่ในนั้น ฉันเป็นแค่เด็กธรรมดา ไม่เหมาะไปยืนอยู่ในครอบครัวที่แสนอบอุ่นของหมอหรอก ไม่อาจเอื้อมจริงๆ "เอาไว้วันหน้าหมอจะพาไปบ้าน รู้ไหมว่าแม่เพลงอยากเจอ ชุดในตู้กับของใช้ทุกอย่างแม่เพลงเป็นคนซื้อให้แล้วก็เลือกให้ด้วยตัวเอง ทีนี้จะเลิกตัดพ้อได้หรือยัง" รู้สึกตัวเองมีค่าขึ้นมาทันที แม่เพลงผู้หญิงคนในรูป ตัวจริงท่านต้องใจดีมากแน่ๆ "รวมทั้งกางเกงในสายเดี่ยวด้วยหรือเปล่าคะ" "เปล่า อันนั้นหมอเป็นคนซื้อ เขาเรียกว่าจีสตริง" "ซื้อให้เด็กทุกคนแบบนี้หรือเปล่าคะ ไอ้สตริงอะไรเนี่ย" " ไม่เคยเลี้ยงใคร นอกจากเธอคนเดียว" หมอพูดพลางขยับเนกไทที่คอให้คลายออกเล็กน้อย สายตาของหมอที่มองมาทำให้รู้สึกร้อนวูบไปทั้งตัว แค่สายตาปกติ ทำไมต้องรู้สึกแบบนี้ด้วย "ทำไมหมอไม่ซื้อที่ใส่ง่ายๆ ล่ะคะ แบบนี้หนูไม่ชอบเลย" "หมอชอบแบบนี้ ใส่ง่ายแถมยังถอดง่าย" "หืม หมอ" "เดี๋ยวก็ชินเองนั่นแหละ เสิร์ฟอาหารได้เลย" หมอหันไปสั่งพนักงานที่กำลังเดินผ่านโต๊ะให้เสิร์ฟอาหารได้ มาถึงก็ได้กินเลยไม่ต้องรอนาน ตอนนี้รู้สึกหิวมาก หิวจนอยากจะแทะหูหมอกินแทนข้าวอยู่แล้ว ................ "หมอ หนูเป็นอะไรก็ไม่รู้อยู่ๆ ก็คัน " นั่งกินข้าวไปสักพักอยู่ๆ ก็รู้สึกคันตามตัว คันไปทั้งตัวจนอยากถอดเสื้อผ้าออกแล้วเกาแรงๆ "บ้าชิบ แพ้อาหารทะเลใช่ไหม" "หนูไม่รู้เพราะหนูไม่เคยกินอาหารทะเล " ที่เคยกินส่วนใหญ่เป็นหมูไก่ซะมากกว่า อาหารทะเลไม่เคยแตะเพราะราคาสูง แต่อาหารมื้อนี้ส่วนใหญ่เป็นกุ้งหอยปูปลา คิอว่าน่าจะใช่ฉันอาจจะแพ้ของแพงพวกนี้ก็ได้ "เช็กบิล ด่วน! " "ดะ ได้ครับ" หมอรีบลุกจากเก้าอี้แล้วดิ่งมาหาฉัน บนผิวของฉันเริ่มมีจุดแดงโผล่ขึ้นมา ความคันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ "เดินไหวไหม" "วะ ไหวค่ะ " ตอบว่าไหวแต่ก็โดนอุ้มเหมือนเดิม หมออุ้มฉันพาออกมาจากร้านอาหาร ท่ามกลางสายตาของแขกในร้านและพนักงานนี่มองมาทางเราเป็นจุดเดียว สีหน้าหมอวิตกกังวลแต่ฉันไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิดเพราะอยู่ในอ้อมกอดหมอ อยู่ในมือหมอแล้วไม่กลัวอะไรทั้งนั้น "หมอ หนูจะตายไหม" "หมอไม่ยอมปล่อยให้คู่เดตของตัวเองตายง่ายๆ หรอก" แกล้งถามไปงั้นแหละแค่อยากรู้ว่าคำตอบที่ออกมาจะเป็นยังไง ฉันไม่เคยกลัวอะไรทั้งนั้นเมื่ออยู่ใกล้หมอ "ดื่มน้ำเข้าไปเยอะๆ อาการไม่ค่อยรุนแรง กินยาแก้แพ้ก็คงเบา " หมอพาฉันเข้ามาในรถ แล้วหยิบขวดน้ำดื่มยื่นให้ฉันตามด้วยยาแก้แพ้ที่หมอพกติดรถไว้ตลอด ขวดเดียวไม่พอเพราะหมอยื่นขวดที่สองมาให้ฉันกินเข้าไปอีก เชื่อหมอเพราะหมอเรียนมา ............. " ง่วงจังเลยค่ะ" เป็นเดตที่ทำให้ผมใจไม่ดี พู่ไหมเกิดแพ้อาหารทะเลขึ้นมา ดีแค่ไหนที่อาการไม่รุนแรงถึงกับต้องหามส่งโรงพยาบาล ผมบังคับพวงมาลัยโดยใช้มือแค่ข้างเดียวส่วนอีกข้างคอยสัมผัสตัวเพื่อวัดอุณหภูมิเธออยู่ตลอด ผมให้เธอดื่มน้ำสะอาดให้ยาแก้แพ้ขนาดรุนแรง ยากำลังออกฤทธิ์ ผื่นตามตัวยังมีให้เห็น อาการโดยรวมดีขึ้น "ง่วงก็หลับเลย " พู่ไหมมีไข้ต่ำๆ .................. "หมอวิน ผมฝากเวรคืนนี้ด้วยนะ พอดีมีธุระด่วนพรุ่งนี้ถ้าไม่มีอะไรผมจะเข้าไป ขอบใจมาก" ผมต่อสายหาหมอรุ่นน้องฝากดูแลเวรคืนนี้แทน คงเข้าเวรต่อไม่ได้แล้วเพราะเด็กดื้อกำลังจะแย่ ร่างกายของเธอไม่ค่อยเต็มร้อยอยู่ด้วย "ขอโทษนะที่ไม่รู้เรื่องเลย" ..................... ไม่นานก็ถึงคอนโด ผมรีบลงจากรถจากนั้นก็เดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งคนนั่ง ช้อนร่างเด็กดื้อที่หลับปุ๋ยเพราะฤทธิ์ยาขึ้นมา อุณหภูมิร่างกายกำลังสูงต้องรีบเช็ดตัว ผมพาเธอมาที่ห้องของตัวเองเพื่อง่ายต่อการรักษา ทั้งยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ฉุกเฉิน อย่างแรกที่ต้องทำคือเช็ดตัวลดไข้คือวิธีที่ดีกว่าให้การกินยา ผมชถอดเสื้อผ้าของเธอออกจนหมด เหลือไว้แค่ชชั้นใน ผมใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาก เช็ดลงบนผิวกายขาวๆ ของเธอ ปรับอุณหภูมิในห้องให้พอเหมาะ "อื้อ ไม่เอา หนาว" เธอพยายามพลิกตัวหนีแล้วยังใช้มือปัดป่ายไปทั่วไม่ยอมให้เช็ดอีกต่างหาก "พู่ไหม เช็ดตัวก่อน " "หนูหนาว " เด็กดื้อขดตัวเข้าหากัน ไข้ของกำลังขึ้น ยาแก้แพ้เมื่อสักครู่ก็ช่วยไม่ค่อยได้ ช่วยให้อาการแพ้ของเธอลดลงเพียงเท่านั้น "อดทนหน่อย เช็ดให้ตัวเย็นก่อน" " ไม่เอา นะ หนาว" "พู่ไหม " "หมอ มันหนาวจริงๆ นะ" พูดทั้งที่ยังหลับตา แถมยังขดตัวหันหลังให้ผมอีกต่อ "เลือกเอาว่าจะเช็ดตัวดีๆ หรือว่าจะให้หมอฉีดยา เข็มหมอพร้อมนะจะบอกให้" .........................
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD