“ไม่ได้หมายถึงข้าว แต่หมายถึงมึง” ผมพูดจบคนข้างหลังก็นั่งตัวแข็งทื่อตลอดทาง
ผมขับรถเข้ามาจอดที่ห้างสรรพสินค้าไม่ไกลจากโรงเรียนของเธอมากนัก จริงๆผมหิวข้าวแหละแต่ที่พูดไปแบบนั้นเพื่อจะแกล้งๆข้าวเจ้าเฉยๆ แต่ถ้าได้จริงก็เอาครับสวยขนาดนี้ใครไม่เอาก็แปลก เสียอย่างเดียวพยศไปนิด
“จะไปไหน” หลังจากผมก้มลงถอดหมวกให้ข้าวเจ้า เธอก็ถามขึ้นทันที
“จะให้กูกินข้าวหรือกินมึงเลือกเอา” ผมพูดขึ้นต่อทันทีทำเอาคนตรงหน้ารีบตอบมาทันควัน
“ข้าวสิ” ท่าทางของเธอมันน่ารักสุดๆจนผมยกยิ้ม
“หมายถึงตัวมึง” ผมตอบพร้อมเลิกคิ้วถามขึ้น
“ข้าวที่หมายถึงอาหารไม่ใช่ฉัน” เธอตอบมาอีกครั้ง
“สำหรับกูมึงคืออาหารที่น่ากินที่สุด” ผมพูดพร้อมหันไปมองคนข้างๆที่ตอนนี้หน้าแดงขึ้นสีเป็นที่เรียบร้อย
“จะกินอะไร” ผมถามขึ้นทันทีเมื่อเดินเข้ามาในห้างแต่ข้าวเจ้าตีตัวออกห่างไม่เดินใกล้ผมเลยรังเกียจหรอ
“มึงมานี่ดิ” ผมพูดจบก็กระชากคนที่อยู่ห่างๆเข้าหาตัวเพราะมันรำคาญตา มาด้วยกันแต่ดันหนีห่างไม่ยอมใกล้
“เดินใกล้กูจะตายรึไงแล้วจะกินอะไร” ผมพูดขึ้นอีกครั้งคิดแล้วโมโหมาด้วยกันแต่เลี่ยงไปเดินคนเดียว อีกทั้งสายตาไอพวกนักเรียนมัธยมปลายอีกเดี๋ยวกูจะทุบให้
“เลี้ยงหรือไง” เธอถามขึ้นต่อทันที
“เออถ้าเป็นมึงกูเลี้ยงได้ทั้งชีวิต” ผมพูดขึ้นอีกครั้งจริงๆผมสนใจเธอมากนะ ตอนแรกก็ไม่หรอกแต่พอเธอทำแผลให้เห็นหน้าเธอชัดๆและได้อยู่ใกล้ๆเธอน่าสนใจไม่น้อยเลยแหละ
“เป็นอะไรกับฉันหรอถึงอยากจะมาเลี้ยงฉันทั้งชีวิต” ข้าวเจ้าถามผมขึ้นทันที
“เป็นผัวมึงไง” ผมตอบพร้อมกับจับมือเธอให้ตามเข้ามาในร้านอาหารญี่ปุ่นถ้าให้เลือกคงลีลาไม่ได้กินกันพอดี
หลังจากพนักงานมารับออเดอร์ผมกับข้าวเจ้าก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลย เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นส่วนผมก็นั่งมองหน้าเธอเฉยๆ
กริ้ง ! กริ้ง ! กริ้ง !
ผมหยิบโทรศัพท์ที่ดังในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาหน้าจอปรากฎรายชื่อคนโทรมาคือ
เหี้ยแบงค์
“ว่า” ผมพูดขึ้นทันทีที่รับสาย
“ไอ้เถื่อนอยู่ไหนว่ะมาช่วยหน่อยกูโดนรุมห้าหนึ่ง” ไอ้แบงค์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีนัก
“ที่ไหน” ผมถามขึ้นอย่างเคืองๆหมาหมู่ฉิบหาย ไม่รู้ว่าพวกไหนแต่พวกมันต้องเจอผม
“ถนนหลังโรงเรียนเร็ว” ทันทีที่ไอ้แบงค์พูดจบผมก็วางสายพร้อมกับหยิบเงินในกระเป๋าวางให้คนตรงหน้า
“กูมีธุระกินเสร็จกลับคอนโดเลยเสร็จแล้วก็จะไปหา วันนี้โทษที” พูดจบผมก็วิ่งออกจากร้านมายังลานจอดรถทันทีขึ้นค่อมบิ๊กไบค์คันโปรดแล้วบิดด้วยความเร็วตรงไปหาไอแบงค์ทันที
ส่วนข้าวเจ้าก็ไม่รู้ว่าเธอจะทำอะไรต่อแต่ตอนนี้แน่นอนว่าชีวิตเพื่อนผมสำคัญกว่า
เมื่อผมไปถึงผมก็ไม่ลืมหาอาวุธแถวนั้นเห็นแต่ไม้หน้าสามอันกลางๆ ไม้ก็ไม้ดีกว่าไม่มีอะไรติดมือไปเลย
สภาพไอ้แบงค์ตอนนี้ไม่ต่างจากไอ้กรณ์วันนั้นสักเท่าไหร่นอนนิ่วหน้าเพราะความเจ็บแต่ก็ยังดูดีกว่าไอ้กรณ์หลายเท่าแต่ถ้าเป็นไอ้ชินรับรองไอ้ชินเหลือแค่ชื่อ
“หมาหมู่ลูกพี่มึงสั่งมารึไง” ผมถามออกไปทันที
“อย่าทำเป็นเก่งไปเลยห้าหนึ่งจะไปสู้ไรได้เดี๋ยวสภาพมึงก็เละแบบเพื่อนมึงที่นอนใกล้ตายอยู่ตรงนี้” มันพูดพร้อมกับเหยียบลงที่กลางตัวไอ้แบงค์ นั่นยิ่งทำให้โมโห
“โอ้ย” ไอ้แบงค์ร้องขึ้นด้วยความเจ็บสองมือของมันกำลังดันเท้าเน่าๆของไอ้เวรนั่นออกจากตัว
“ปล่อยไอ้แบงค์แล้วมึงห้าตัวมาตัวๆกับกู” ผมพูดพร้อมกับเดินเข้าไปหาพวกมัน ไอ้พวกนี้มันต้องเจอผม อาจจะเสียเปรียบเล็กน้อยแต่ดูท่าน่าจะไหว
ผมพูดจบพวกมันก็วิ่งเข้าใส่ผมทีละตัว
ไอ้คนแรกวิ่งมาพร้อมกับมือที่ถือไม้เตรียมจะฟาดผม แต่เสียใจผมเร็วกว่าฟาดลงที่แขนมันอย่างจัง
อั่ก !
จากนั้นก็ฟาดเข้าหน้ามันอีกครั้งส่วนไอ้คนที่สอง เห็นเพื่อนมันท่าไม่ดีก็วิ่งมาพร้อมกับคนที่สามมันสองตัวใช้ไม้เตรียมจะฟาดผมเห็นแบงนั้นผมก็รีบหลบแต่ไม่ทันเพราะดันมาโดนไม้ฟาดเข้าที่หน้าจากไอ้คนที่สี่ พร้อมกับโดนต่อยอีกหมัดจนผมเสียการทรงตัวเล็กน้อย
อั่ก ! อั่ก !
“ไอ้เหี้ย” ผมสบถออกมาเมื่อเลือดออกเหมือนอารมณ์ยิ่งพลุ่งพล่านก่อนจะฟาดไม้ใส่พวกมันไม่ยั้งในที่สุดก็เหลือแต่ไอ้คนที่ห้ามันมีทีท่าลังเลเล็กน้อย
“มึงเข้ามา” ผมพูดพร้อมถุยน้ำลายที่มีเลือดลงพื้น
“ยอมครับพี่ผมยอม” จากนั้นไอ้คนที่ห้าก็วิ่งหนีหายไปปล่อยให้ไอ้สี่ตัวนี้นอนเจ็บตัวอยู่ข้างๆไอ้แบงค์
ดีนะที่ไอ้พวกนี้ไม่มีมีดไม่งั้นผมเละกว่านี้แน่สภาพผมตอนนี้ดูแย่กว่าเมื่อวานเยอะทั้งหัวแตกหน้าโดนต่อย
“ลุกไหวมั้ยมึง” ผมเดินมาพยุงไอ้แบงค์ขึ้นทันที
“พอได้” จากนั้นผมก็โทรหาไอ้ชินให้มารับ สภาพผมทั้งไอแบงค์ตอนนี้ขับรถไม่ไหวแน่ๆ
ส่วนไอ้ชินมาพร้อมกับรุ่นน้องอีกคนพวกผมก็รู้จักกันหมดแหละแต่ถ้าเอาสนิทก็ไอ้แบงค์กับไอ้ชินเท่านั้น
ไอ้ชินมันเป็นคนเฟรนลี่จะสนิทกับรุ่นน้องมากกว่าผมกับไอ้แบงค์เพราะผมกับไอ้แบงค์เป็นคนเข้าถึงยาก เลยไม่มีรุ่นน้องคนไหนกล้าคุยด้วยแต่หากมีเรื่องผมก็บอกเสมอว่าโทรหาผมได้เลย
“ไอ้ชินมึงไปส่งไอแบงค์” ผมพูดขึ้นทันที
“ยังจะห่วงคนอื่นห่วงตัวเองมั้ยไอ้สัสแผลเก่าไม่ทันหายแผลใหม่มาอีก” ไอ้ชินพูดขึ้นส่วนผมไม่ตอบอะไรเพียงแต่ยักไหล่
ถามว่าเจ็บไหมมันก็เจ็บแต่ไอ้แบงค์มันเจ็บกว่าผม
“มึงขับรถกูไปจอดที่คอนโดเดี๋ยวกูนั่งแท็กซี่ไปเอง” ผมพูดพร้อมกับส่งกุญแจรถให้รุ่นน้องที่มากับไอ้ชินแล้วโบกแท็กซี่ไปยังคอนโดเพราะให้ขับคงไม่ไหวจริงๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ผมยืนเคาะประตูห้องข้าวเจ้าและหวังว่าเจ้าของห้องจะเปิดประตูมาคงไม่ตกใจหรอกนะว่าทำไมผมถึงอยู่ในสภาพนี้
“หรือไม่อยู่” ผมพูดกับตัวเองขึ้นทันทีเพราะผมจำได้ว่าผมทิ้งเธอไว้ที่ห้างไม่รู้ตอนนี้กลับมาหรือยังคิดได้แบบนั้นก็ได้แต่หัวเสียทำท่าจะหันหลังกลับ
“นาย...เห้ยทำไมสภาพเป็นงี้อะ” ข้าวเจ้าดูตกใจไม่น้อยกับสภาพของผม
“ทำแผลให้กูหน่อย” ผมพูดพร้อมกับเดินเข้ามาในห้องของเธอส่วนเธอก็ไม่พูดอะไรเดินผ่านผมไปเอาอุปกรณ์ทำแผลทันที
“เทฉันไปมีเรื่อง” เธอพูดขึ้นอีกครั้ง
“ก็ไม่ได้อยากเทแต่เพื่อนกูกำลังแย่” ผมตอบกลับทันทีบอกแล้วไงชีวิตเพื่อนก็สำคัญ
“แล้วเอาตัวเองไปเสี่ยงเนี่ยนะ” เธอพูดขึ้นอีกครั้ง
“อย่าบ่นกูให้แค่ทำแผล” จากนั้นเธอก็ค่อยๆทำแผลให้ผมแถมยังเอายาแก้ปวดให้กินอีกด้วยหวังว่าคงไม่ไล่ผมกลับตอนทำแผลเสร็จเหมือนครั้งที่แล้วหรอกนะ
“ฉันถามจริงๆเถอะทำไมต้องไปมีเรื่องไม่กลัวเจ็บตัวรึไง” เธอถามขึ้นทันที
“เพื่อนเจ็บไม่ช่วยได้ไง” ผมตอบเธอกลับ
“เลี่ยงได้ก็เลี่ยงนะกับมีเรื่องฉันไม่ใช่จะมานั่งทำแผลให้นายได้ทุกครั้ง” เธอพูดพร้อมกับลุกขึ้นเอาอุปกรณ์ทำแผลไปเก็บ
“ทำไมจะไม่ได้” ผมถามเธอขึ้นเพราะถ้าผมมีเรื่องมายังไงก็ขอให้คนทำแผลให้เป็นเธอละกัน
“ฉันกับนายรู้จักกันก็ไม่รู้จักแถมไม่ได้เป็นอะไรกันอีกฉันแค่บังเอิญช่วยนายเรื่องเมื่อวาน” เธอพูดขึ้น แน่นอนว่าสิ่งที่เธอพูดมันเป็นเรื่องจริง
“งั้นก็เป็นสิเป็นแฟนกับกู”