ปีศาจจิ้งจอกตนนั้น... เป็นของข้า
เป็นของข้าครั้งที่ 10
ป๋อฮุ่ยหลินนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น พร้อมมองมาที่ไป่ถิงถิงด้วยรอยยิ้มกว้างหลังจากฟังคำสั่งจากหงเฟยจวินแล้วเรียบร้อย ทางด้านไป่ถิงถิงนั้นได้แต่สอดส่องสายตาไปทั่วศาลเจ้าก่อนจะทำปากยื่น
“ที่นี่เป็นศาลเจ้าร้างไม่ใช่หรือท่านเฟยจวิน” ไป่ถิงถิงหันไปหาหงเฟยจวิน
หงเฟยจวินก้มมามองหน้าไป่ถิงถิงก่อนจะยิ้มน้อยๆ “เดี๋ยวพวกชาวบ้านก็จะขึ้นมาช่วยบำรุงและดูแลศาลเจ้านี้เอง”
ไป่ถิงถิงขมวดคิ้ว “แล้วพวกเขาจะมาได้อย่างไรหรือ เรานั่งกันอยู่ที่ศาลเจ้านี้ตั้งนานแล้ว ข้าไม่เห็นเลยว่าจะมีมนุษย์คนไหน นอกจากฮุ่ยหลิน”
“เจ้าไม่เชื่อใจข้าหรือ” หงเฟยจวินเลิกคิ้ว
“ไม่ใช่อย่างนั้น” ไป่ถิงถิงส่ายหน้ารัว “ข้าก็แค่ไม่เข้าใจ ว่าข้าจะอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
“ข้าได้ยินมาว่าที่นี่มีปีศาจเหนียนรุกรานอยู่ หากเรายื่นมือเข้าไปช่วย ชาวบ้านก็จะหันมาศรัทธา และบูชาเจ้าเอง”
“ปีศาจเหนียนหรือ” ไป่ถิงถิงตาโต “ข้าเคยได้ยินเพียงนามของมันเท่านั้น ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เจอตัวเป็นๆ”
หงเฟยจวินส่ายหน้า “ข้าไม่ได้จะให้เจ้าจัดการปีศาจเหนียนด้วยตนเอง”
“อ้าว.. แล้วท่านจะให้ข้าทำอะไรเล่า” ไป่ถิงถิงทำปากยื่น
“แล้วเจ้ามีวิชาหรืออย่างไร ถึงได้อยากจัดการปีศาจเหนียนด้วยตนเอง” หงเฟยจวินเลิกคิ้ว
ไป่ถิงถิงหุบปากฉับ “ข้า.. ข้าไม่มีวิชา..”
“ข้าจึงต้องเป็นผู้จัดการปีศาจเหนียนตนนี้ ด้วยมือของข้าเองอย่างไรเล่า”
“แล้วชาวบ้านจะศรัทธาข้าได้อย่างไร ถ้าหากว่าท่านเป็นคนจัดการปีศาจเหนียนนั่น” ไป่ถิงถิงขมวดคิ้ว
“เอาเถิด เจ้าอยู่บนศาลเจ้านี้กับฮุ่ยหลิน เมื่อข้าจัดการเสร็จแล้วข้าจะกลับมา”
ไป่ถิงถิงพยักหน้า “ข้ารอท่านอยู่ที่นี่ก็ได้”
หงเฟยจวินลูบศีรษะไป่ถิงถิงครั้งหนึ่ง ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ป๋อฮุ่ยหลิน ร่างสูงเดินลงไปจากภูเขาทันที ส่วนไป่ถิงถิงได้แต่ทำปากยื่นก่อนจะหันมามองป๋อฮุ่ยหลิน
“แล้ว.. อยู่ที่นี่มีอะไรให้ข้าทำหรือ”
ป๋อฮุ่ยหลินยิ้มกว้าง “เรียนเชิญท่านไป่ถิงถิงตามข้ามา ข้าเตรียมเบาะขนนุ่มเอาไว้ให้ท่านเรียบร้อยแล้ว” ป๋อฮุ่ยหลินโค้งตัวน้อยๆ ก่อนจะผายมือให้ไป่ถิงถิงเดินนำ
ไป่ถิงถิงโบกมือไปมา “ท่านไม่ต้องสุภาพกับข้ามากขนาดนั้นก็ได้ อย่างไรเสียเราก็ต้องอยู่ด้วยกัน ท่านทำตัวสบายๆ กับข้าดีกว่า”
ป๋อฮุ่ยหลินส่ายหน้า “ท่านมหาเทพมีบุญคุณต่อข้ามากนัก ท่านไป่ถิงถิงเองก็เป็นว่าที่พระชายาของท่านมหาเทพ อย่างไรก็ดี ข้านั้นไม่สามารถเสียมารยาทกับท่านได้”
“ก็ได้” เมื่อพยายามใช้สายตากดดันก็แล้ว แต่ป๋อฮุ่ยหลินนั้นยังตั้งมั่นในความคิดของตน ไป่ถิงถิงจึงไม่คิดเซ้าซี้
ทางด้านของหงเฟยจวินที่เดินลงมาจากภูเขานั้นแปลงกายเป็นไป่ถิงถิง ร่างสูงเดินเข้าไปในหมู่บ้านก่อนจะมองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าเรือนแต่ละหลังนั้นปิดเงียบสนิท ไม่มีแม้แต่เสียงพูดคุย ร่างสูงจึงส่ายหน้าน้อยๆ
“นี่เพียงยามเซิน (15.00-16.59) เท่านั้น ชาวบ้านปิดเรือนเงียบเช่นนี้แล้วหรือ”
โฮกกกกกกกกกกกก
เสียงคำรามดังสนั่นที่อยู่ด้านหลังทำให้หงเฟยจวินค่อยๆ หันกลับไปมองก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆ เมื่อเห็นว่าเป้าหมายที่จะต้องจัดการในวันนี้มาอยู่ตรงหน้าแล้ว ปีศาจเหนียนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้เป็นปีศาจที่มีรูปร่างคล้ายสิงโต ตัวของมันมีขนรุงรังดูน่าเกลียด เขี้ยวแหลมคมที่มีน้ำลายยืดออกมาให้รู้สึกคลื่นไส้ อีกทั้งยังมีกรงเล็บยาวทั้งสี่เท้าที่ดูน่ากลัว แต่หงเฟยจวินที่มองอยู่นั้นกลับยิ้มมุมปากราวกับว่าเจอของที่ถูกใจ
“เจ้ามาเร็วดีเหลือเกิน เช่นนี้ก็ดี ข้านั้นจะได้ไม่เสียเวลาออกตามหาเจ้า”
โฮกกกกกกกกกกกกก ปีศาจเหนียนตัวโตคำรามออกมาอย่างไม่พอใจ
“เหตุใดเจ้าถึงต้องมารังควานชาวบ้านเช่นนี้ ได้ข่าวว่านี่เป็นหมู่บ้านที่สามแล้วที่เจ้าลงมือ เจ้าคงไม่คิดว่าเจ้าจะได้ทำแบบนี้ตลอดไป ใช่หรือไม่”
โฮกกกกกกกกกกกก
หงเฟยจวินพยักหน้า “ดี เช่นนั้นวันนี้ข้าจะเป็นคนจัดการเจ้าเอง”
พูดจบหงเฟยจวินก็พุ่งเข้าใส่ปีศาจเหนียนทันที เสียงหงเฟยจวินฟาดพลังใส่เหนียนดังสะเทือนไปทั่วหมู่บ้าน ชาวบ้านที่พากับแอบอยู่ในเรือนได้แต่กอดกันตัวสั่น ทั้งเสียงระเบิดและเสียงคำรามลั่นของปีสาจเหนียนนั้น ทำชาวบ้านหวาดกลัวจนแทบจะสิ้นใจ
โฮกกกกกกกกกกกก
“อย่ามัวยืดเยื้ออยู่เลย ข้าไม่อยากเสียเวลากับเจ้ามากนัก” หงเฟยจวินส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะรวมพลังใส่ที่มือทั้งสองข้าง แล้วฟาดเข้าไปที่ปีศาจเหนียนทันที
โฮกกกกกก.... ปีศาจเหนียนคำรามลั่นก่อนที่จะค่อยๆ แน่นิ่งไป
หงเฟยจวินยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นว่าปีศาจเหนียนตัวแข็งเป็นหินไปแล้ว “ข้าจัดการปีศาจตนนี้สำเร็จแล้ว พวกท่านออกมาเถิด”
เหล่าชาวบ้านที่เห็นว่าเสียงระเบิดและเสียงคำรามเงียบลงไปแล้วจึงค่อยๆ โผล่หน้าออกมา ก่อนจะพากันเดินออกมาดูปีศาจเหนียนที่ตอนนี้แข็งเป็นหินแล้ว แต่เมื่อหันมาเป็นปีศาจจิ้งจอกในร่างของหงเฟยจวินชาวบ้านก็แตกฮือวิ่งหนีกลับเข้าเรือนทันที
หงเฟยจวินส่ายหน้าน้อยๆ “ข้ามาเพื่อดูแลปกปักดูแลพวกเจ้าตามบัญชาของท่านมหาเทพ ต่อไปนี้หมู่บ้านของเจ้าจะอยู่ในความปลอดภัย ไม่มีปีศาจตนใดเข้ามารังควาน”
“.....”
หงเฟยจวินได้ยินเสียงชาวบ้านซุบซิบกันก็ได้แต่ถอนหายใจ “ไม่มีผู้ใดอยากพูดกับข้าหน่อยหรือ”
ชายที่ดูจะเป็นหัวหน้าหมู่บ้านค่อยๆ ย่องออกมา “ไม่ทราบว่าท่านคือ..”
“เจ้ารู้เพียงข้าเป็นปีศาจจิ้งจอกก็พอ”
หัวหน้าหมู่บ้านขมวดคิ้ว “ข้าเคยได้ยินเรื่องปีศาจจิ้งจอกมาบ้าง แต่ว่าไม่เคยได้ยินว่ามนุษย์อย่างพวกข้าจะสามารถมองเห็น”
“เป็นเพราะความต้องการของข้าที่อยากให้พวกเจ้าเห็น ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าจะรู้หรือว่าเป็นผู้ใดยื่นมือมาช่วย”
“เอ่อ..”
หงเฟยจวินชี้ไปที่ปีศาจเหนียน “ข้าจะนำมันไปวางไว้หน้าศาลเจ้า พวกเจ้าคงไม่ว่าอะไร”
“อ่า.. คือ.. พวกข้า”
“อย่างที่ข้าบอกไปในตอนแรก ข้าได้รับหน้าที่มาดูแลหมู่บ้านนี้ ต่อไปนี้พวกเจ้าก็จะอยู่กันอย่างปลอดภัย ไม่มีปีศาจตนใดมารังควาน”
“จริงหรือ”
หงเฟยจวินพยักหน้า “ข้าจะโกหกพวกเจ้าไปทำไม”
“แล้ว.. พวกข้าต้องทำสิ่งใดตอบแทนท่านหรือไม่”
“แน่นอน” เมื่อหงเฟยจวินพูดไปแบบนั้นชาวบ้านก็ทำสีหน้าหวาดกลัวทันที “เจ้าคิดว่าข้าอยากได้ชีวิตพวกเจ้ามาเซ่นไหว้งั้นหรือ”
“ก็.. เท่าที่ข้าเคยได้ยินมา ส่วนใหญ่ปีศาจจะชอบกินเนื้อมนุษย์ไม่ใช่หรือ”
“นั่นมันคือปีศาจชั้นต่ำ ข้ากับมันไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้” หงเฟยจวินว่าพร้อมขยับหางปลอมทั้งสามไปมา
“แล้วท่านอยากได้อะไรหรือ”
หงเฟยจวินชี้ไปที่ภูเขาหลังหมู่บ้าน “บนเขาลูกนั้นมีศาลเจ้า พวกเจ้าขึ้นไปกราบไหว้ข้าบ้างก็ดี อย่าลืมเอาของเซ่นไหว้ไปให้ข้าด้วย หากข้าพอใจในของเซ่นไหว้อาจจะให้พรพวกเจ้าบ้าง”
พูดจบหงเฟยจวินก็ใช้พลังยกปีศาจเหนียนขึ้นก่อนจะหายวับไปจากสายตาของชาวบ้าน เมื่อหงเฟยจวินและปีศาจเหนียนหายไปแล้วชาวบ้านต่างพากันวิ่งออกมาด้านนอกเพื่อหารือกันทันที
เมื่อหงเฟยจวินมาถึงหน้าศาลเจ้า ร่างสูงก็คืนร่างเดิมสลัดท่าทีที่ดูซุกซนออก กลับมาเป็นมหาเทพผู้แสนนิ่งขรึมอีกครั้ง เมื่อไป่ถิงถิงเห็นว่าหงเฟยจวินกลับมาแล้ว ร่างบางก็วิ่งออกไปหาทันที
“ข้าได้ยินเสียงคำรามดังมาก ท่านปลอดภัยใช่หรือไม่”
ฟงเฟยจวินยิ้ม “ข้าปลอดภัยดี เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”
“แล้วปีศาจเหนียนเล่า ท่านจัดการได้หรือไม่”
หงเฟยจวินพยักหน้า “ข้าสาปให้มันกลายเป็นหิน นำมันไปวางอยู่ที่หน้าทางเข้าศาลเจ้าแล้ว”
ไป่ถิงถิงยิ้มกว้าง “ข้าขอไปดูได้หรือไม่”
“เอาสิ”
เมื่อได้รับคำอนุญาตแล้ว ไป่ถิงถิงก็วิ่งออกไปที่หน้าศาลเจ้าทันที หงเฟยจวินที่ยืนมองอยู่ได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ ด้วยความรู้สึกเอ็นดู
หงเฟยจวินหันไปหาป๋อฮุ่ยหลิน “ข้าฝากเจ้าดูแลเขา บอกชาวบ้านไปว่าปีศาจจิ้งจอกยังอยู่ที่นี่ แต่ว่าไม่อยากให้ผู้ใดพบเห็นแล้ว”
“มันจะไม่มีปัญหาตามมาใช่หรือไม่ หากท่านให้เขาอยู่ที่นี่กับข้า”
“ข้าจะคอยดูแลอยู่ห่างๆ เจ้าไม่ต้องกังวลไป”
“แล้ว..”
“ข้ามาหาเขาบ่อยไม่ได้ เทพเซียนทั้งหลายต้องไม่ยินยอมอย่างแน่นอน ข้าจำเป็นต้องทิ้งเขาไว้ที่นี่”
“เช่นนั้นข้าจะเป็นคนดูแลเขาเองขอรับ ท่านมหาเทพไม่ต้องเป็นห่วง”
หงเฟยจวินพยักหน้า “ถ้าหากเขากลับมา ข้าฝากเจ้าบอกเขาด้วย ว่าเมื่อเขาได้หางครบทั้งเก้า ข้าจะกลับมารับ”
“ขอรับท่านมหาเทพ”
หงเฟยจวินเดินออกไปมองไป่ถิงถิงที่กำลังยืนมองปีศาจเหนียนอย่างสนใจ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในประตูสวรรค์ ป๋อฮุ่ยหลินถอนหายใจน้อยๆ ก่อนจะออกไปยืนรอไป่ถิงถิงอยู่หน้าประตูศาลเจ้า
“อ้าว ท่านเฟยจวินเล่า”
ป๋อฮุ่ยหลินยิ้ม “ท่านมหาเทพเดินทางกลับไปแล้วขอรับ เขาฝากข้าบอกท่านว่า เมื่อท่านได้หางครบทั้งเก้าแล้ว เขาจะกลับมารับท่านขอรับ”
ไป่ถิงถิงทำหน้าเศร้า “เขาไปไม่บอกข้าเลยแม้แต่น้อย” ร่างบางเบะปาก “แต่ข้าเห็นว่าตอนนี้ที่หมู่บ้านมีเสียงครึกครื้นมากเลย เราลงไปดูกันหน่อยดีหรือไม่” ไป่ถิงถิงเลิกทำหน้าเศร้า ก่อนจะถามป๋อฮุ่ยหลินด้วยสายตาซุกซน
“หากท่านอยากไป ข้าจะพาท่านไปขอรับ จะได้รู้สึกคุ้นชินกับหมู่บ้านนี้”
“อื้อ”
ไป่ถิงถิงรู้สึกใจหายที่หงเฟยจวินเดินทางกลับโดยที่ยังไม่ได้ร่ำลาเพียงไม่นาน แต่เมื่อได้มาเจอของใหม่ๆ ที่น่าสนใจอย่างการใช้ชีวิตประจำวันของชาวบ้าน ก็ทำเอาไป่ถิงถิงลืมทั้งหงเฟยจวิน และลืมทั้งการฝึกวิชาไปเสียหมดสิ้น
“ท่านไป่ถิงถิงขอรับ ยามซื่อ (09.00-10.59) แล้ว” ป๋อฮุ่ยหลินเข้ามาปลุกเนื่องจากไม่เห็นว่าไป่ถิงถิงจะตื่นเสียที
ไป่ถิงถิงพลิกตัวหนี “ฮื่อ ข้าเหนื่อยมาก เมื่อคืนที่หมู่บ้านมีงานดอกไม้ไฟ ข้าอยู่จนดึกเลย ขอนอนอีกหน่อยไม่ได้หรือ”
ป๋อฮุ่ยหลินถอนหายใจ “ตั้งแต่ท่านมาที่นี่ ท่านยังไม่ได้ฝึกวิชาเลยนะขอรับ”
“ฮื่อ.. มันเพิ่งผ่านมาแค่สิบปี ข้ายังไม่คุ้นชินกับชาวบ้านเลย เจ้าใจเย็นหน่อยไม่ได้หรือ”
“ท่านไป่ถิงถิง..”
ไป่ถิงถิงไม่สนใจ ร่างบางยกแขนขึ้นมาปิดที่หูก่อนจะหลับไปโดยไม่สนใจว่าป๋อฮุ่ยหลินจะบ่นอีกนานแค่ไหน ร่างบางคิดว่ามนุษย์นั้นไม่แข็งแกร่งดั่งเช่นเทพหรือปีศาจ เมื่อป๋อฮุ่ยหลินเหนื่อย เขาก็จะเดินออกไปเอง
ระหว่างที่ไป่ถิงถิงกำลังนอนอยู่นั้น จมูกเล็กๆ ของร่างบางได้กลิ่นหอมหวานจนต้องลืมตาขึ้น
“กลิ่นอะไร ช่างดูแปลกประหลาด แต่ก็น่าอร่อย”
ไป่ถิงถิงลุกขึ้นจากเบาะขนสัตว์ก่อนจะเดินไปที่หน้าแท่นบูชา เนื่องจากหลังจากวันที่หงเฟยจวินจัดการกับปีศาจเหนียนสำเร็จนั้น ชาวบ้านต่างเดินทางเข้ามาสักการะท่านปีศาจจิ้งจอกอยู่เสมอ ทำให้ไป่ถิงถิงมีอาหารอย่างไม่ขาดปาก ด้วยความที่ชาวบ้านนั้นอยากให้คำขอของตนเป็นจริง จึงพยายามหาอาหารรสเลิศมาเซ่นไหว้ให้ปีศาจจิ้งจอกที่อาศัยอยู่ในศาลเจ้านี้ถูกใจ
“นี่มันคืออะไรกัน” ไป่ถิงถิงหยิบไม้ที่เสียบด้วยผลไม้หน้าตาประหลาดขึ้นมาดู “กลิ่นมาจากเจ้านี่แน่นอน แต่ว่าจะอร่อยหรือเปล่านะ” ไป่ถิงถิงกัดปากน้อยๆ ก่อนจะตัดสินใจส่งมันเข้าไปในปาก
ตุบ ตุบ ตุบ
ไป่ถิงถิงวิ่งออกไปด้านนอกทันทีเมื่อรสชาติของผลไม้เสียบไม้ที่อยู่ในมือนี้ช่างอร่อยยิ่งนัก ร่างบางวิ่งเข้าไปหาป๋อฮุ่ยหลินที่กำลังถอนหญ้าอยู่หน้าศาลเจ้า ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ฮุ่ยหลิน นี่คืออะไรหรือ” ไป่ถิงถิงยื่นไปใกล้ๆ ป๋อฮุ่ยหลิน
“มันคือถังหูลู่ขอรับ เป็นของหวานชนิดหนึ่ง แต่ชาวบ้านไม่ค่อยนิยมกัน”
ไป่ถิงถิงยิ้มกว้างก่อนจะกัดถังหูลู่เข้าปากอีกคำ “อื้อ ข้าชอบมาก เหตุใดชาวบ้านพวกนี้ถึงไม่ชอบกันนะ มันอร่อยจะตาย ดีล่ะ ข้าจะทำให้คำขอของเจ้าของถังหูลู่นี้เป็นจริงเอง เพื่อตอบแทนที่เขาถวายของอร่อยให้ข้า”
ป๋อฮุ่ยหลินหยุดมือที่กำลังถอนหญ้า ก่อนจะหันมามองไป่ถิงถิง “เขาขออะไรหรือขอรับ”
ไป่ถิงถิงหลับตาเพื่อฟังเสียงของเจ้าของถังหูลู่ “อืม.. เขาไม่เห็นขออะไรเลย” ไป่ถิงถิงลืมตาขึ้นก่อนจะทำปากยื่น “แล้วข้าควรทำอย่างไรดี ข้าอยากให้ชาวบ้านเอาถังหูลู่มาให้ข้าอีกนี่นา”
“ให้ข้าลงไปซื้อที่หมู่บ้านก็ได้นี่ขอรับ”
ไป่ถิงถิงส่ายหน้า “ไม่เอา ข้าอยากได้เป็นของเซ่นไหว้มากกว่า เจ้าดูสิ ชาวบ้านเอาอะไรมาให้ข้านักก็ไม่รู้ เยอะแยะไปหมด ข้าเลือกไม่ถูกเลย”
“เยอะแบบนี้ก็ดีไม่ใช่หรือขอรับ ท่านจะได้มีตัวเลือกว่าอยากกินอะไร”
ไป่ถิงถิงเบะปาก “แต่ข้าอยากกินถังหูลู่อย่างเดียวนี่นา”
ป๋อฮุ่ยหลินเลิกคิ้ว “เช่นนั้นท่านจะทำอย่างไรหรือ”
“อืม.. ข้าเข้าฝันมนุษย์ได้หรือเปล่านะ” ไป่ถิงถิงทำท่าคิด “ข้าไปลองฝึกวิชาดีกว่า อย่างน้อยได้วิชาเขาฝันมาด้วยก็ยังดี”
ป๋อฮุ่ยหลินได้แต่ส่ายหน้าเมื่อเห็นว่าไป่ถิงถิงวิ่งกลับเข้าไปในศาลเจ้า เขาหันกลับมาจัดการหญ้าที่อยู่ตรงหน้าเช่นเดิม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
“ท่านคิดว่าเขาจะฝึกวิชาด้วยตนเองได้หรือ นี่ผ่านมาสิบปีแล้ว แต่เขาเพิ่งเริ่มต้นฝึกวิชาเข้าฝันเท่านั้น” ป๋อฮุ่ยหลินส่ายหน้า “เห็นทีท่านคงต้องรออีกสักหมื่นปีแล้วท่านมหาเทพ”
หงเฟยจวินส่ายหน้าให้กับลูกแก้วที่ถืออยู่ในมือ ก่อนจะวางมันไว้อีกทาง ร่างสูงถอนหายใจออกมาก่อนจะลุกเดินออกไปนอกตำหนักมหาเทพ และเมื่อเหล่าเทพเซียนทั้งหลายเห็นว่าหงเฟยจวินเดินออกมาแล้ว ก็ต่างวิ่งเข้าไปหาทันที
“ท่านมหาเทพ หากท่านอยากอภิเษกกับปีศาจ ข้าว่าท่านลองดูแม่นางฟ่านซื่อฉีดีหรือไม่ นางเป็นปีศาจเสือขาว หน้าตางดงามไม่น้อย”
“ท่านมหาเทพเชื่อข้าดีกว่า ข้าคิดว่าแม่นางไฉ่เหนียงดีกว่า นางเป็นปีศาจแมงมุมขาว อีกทั้งยังงดงามมากกว่าปีศาจตนใด”
หงเฟยจวินถอนหายใจก่อนจะมองหน้าเทพเซียนทั้งหลาย “พวกท่านยังไม่เลิกพยายามอีกหรือ ข้าบอกแล้วว่าข้าจะรอไป่ถิงถิง เหตุใดพวกท่านถึงดื้อดึงเช่นนี้”
“พวกข้าก็แค่คิดว่า เลือกว่าที่พระชายาเป็นปีศาจตนอื่นไม่ดีกว่าหรือ เอาที่เพียบพร้อม ไม่ต้องรอให้ฝึกวิชาจนบรรลุเช่นกับปีศาจจิ้งจอกตนนั้น”
หงเฟยจวินทำหน้าไม่พอใจ “เขามีนามว่าไป่ถิงถิง หากท่านจะพูดถึงเขาอีก โปรดเรียกเขาให้ถูกต้อง”
“ข้าขออภัยท่านมหาเทพ ข้าก็แค่เป็นห่วงท่านก็เท่านั้น”
“ข้าจะต้องพูดเรื่องนี้อีกกี่รอบหรือ พวกท่านถึงจะยอมล่าถอย” หงเฟยจวินขมวดคิ้ว “หรือข้าควรเอาพลังผู้รองไปคืนให้แก่ไป่ถิงถิงดี เรื่องนี้จะได้จบสิ้นไป”
“ท่านมหาเทพ พวกข้าก็แค่ไม่อยากให้ท่านต้องรอนาน บัลลังก์ต้องมีผู้สืบทอด”
“ข้าจะดับสูญในอีกร้อยปีหรือ เหตุใดจึงต้องเร่งรีบถึงเพียงนั้น”
เมื่อเหล่าเทพเซียนทั้งหลายไม่มีคำพูดใดออกมาอีกหงเฟยจวินก็เดินขึ้นไปบนภูเขาเทียนกง ก่อนจะค่อยๆ ทำสมาธิเพื่อสร้างพลังปกป้องหมู่บ้านแห่งนั้น เนื่องจากไป่ถิงถิงยังไม่มีวิชาที่แกร่งกล้าจนสามารถดูแลตนเองได้ หงเฟยจวินจึงต้องส่งพลังลงไปควบคุมอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้ปีศาจตนอื่นเข้าไปวุ่นวาย
“เหตุใดเจ้าถึงซนได้มากมายเพียงนี้” หงเฟยจวินที่หลับตาอยู่ขมวดคิ้ว เมื่อเห็นว่าไป่ถิงถิงนั้นกำลังนั่งดูการตบตีของภรรยาที่จับได้ว่าสามีนอกใจ
“หูย.. ท่าทางนางจะมือหนักมาก ตบสามีแก้มเป็นรอยนิ้วทั้งห้าเลย” ไป่ถิงถิงที่นั่งอยู่บนหลังคาพูด ร่างบางเดินลงมาจากภูเขาราวสองชั่วยามได้แล้ว หลังจากที่คิดว่าตนเองนั้นฝึกวิชาเข้าฝันมนุษย์สำเร็จ
“แล้วข้าควรเริ่มเมื่อไหร่ดี ข้าอยากให้ชาวบ้านทุกคนเอาถังหูลู่มาเซ่นไหว้ข้า” ไป่ถิงถิงยืดแขนไปมาเนื่องจากร้อนวิชา “อ๊ะ!! เขาแอบมานอนหลับใช่หรือไม่ ดี ข้าจะได้ลองวิชาเลย”
ไป่ถิงถิงหันไปเห็นชายหนุ่มลูกจ้างเจ้าของเหลาอาหาร แอบงีบหลับอยู่ในตรอกข้างร้าน ร่างบางจึงปีนลงจากหลังคาเพื่อเดินเข้าไปในตรอกนั้น ก่อนจะค่อยๆ เดินย่องเข้าไปใกล้ๆ
“ข้าขอลองวิชาหน่อยน้า” ไป่ถิงถิงพูดก่อนจะยื่นมือไปจับแขนชายหนุ่มผู้นั้นเอาไว้ก่อนจะค่อยๆ หลับตา
ไป่ถิงถิงมายืนอยู่ในความฝันของชายหนุ่มผู้นี้แล้ว แต่ภาพที่เห็นตรงหน้านี้ทำเอาไป่ถิงถิงได้แต่ส่ายหน้า ในฝันของชายหนุ่มคือเขากำลังนอนอยู่บนเตียงที่มีเงินทองกองอยู่มากมาย พร้อมทั้งมีสาวงามหลายคนคอยเอาอกเอาใจ เมื่อเขาเห็นไป่ถิงถิง เขาก็กวักมือเรียกทันที
“มานี่สิ หากเจ้าทำให้ข้าพอใจ ไม่ว่าอะไรข้าก็ให้เจ้าได้”
ไป่ถิงถิงถอนหายใจก่อนจะส่ายหน้า “ก็เอาแต่นอนฝันเช่นนี้ ไม่รู้จักขยัน เมื่อไหร่เจ้าจะรวยเล่า”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว
“ตื่นเถิด ไปทำงานของเจ้าเสีย ถ้าหากเจ้าขยัน วันหนึ่งเจ้าก็อาจจะมีโอกาสใช้ชีวิตแบบนี้ก็ได้”
“สามหาว! ทหาร! มาจับมันออกไป” ชายผู้นั้นตะโกนเสียงดัง ไม่นานก็มีชายรูปร่างใหญ่โตเดินเข้ามาหาไป่ถิงถิง
“ในฝันเจ้ามีทหารด้วยหรือ” ไป่ถิงถิงหัวเราะ
“ฆ่ามันเสีย อย่าให้รกหูรกตาข้า”
ไป่ถิงถิงกลอกตาก่อนจะออกมาจากความฝันของชายผู้นั้น ร่างบางยืนกอดอกมอง ก่อนจะโบกมือยกเอาถังน้ำเข้ามาใกล้ๆ
“ตื่นไปทำงานเสียเถิด เจ้าจะได้รวยอย่างในฝันของเจ้าเสียที” พูดจบไป่ถิงถิงก็คว่ำถังน้ำลงทันที
ซ่า..
“เห้ย!!!” ชายผู้นั้นสะดุ้งตื่น “บ้าเอ๊ย น้ำมันมาหกใส่ข้าได้อย่างไรกัน” เขามองเสื้อผ้าที่เปียกก่อนจะบ่นออกมาเสียงดัง
“อยู่นี่เอง!! เจ้าหยวนซี หายหัวมานอนอยู่นี่เอง” หญิงที่ดูเหมือนจะเป็นเถ้าแก่เดินเข้ามาหยิกหูของชายผู้นั้น “ไม่ทำงาน วันๆ เอาแต่นอน คอยดูเถิด วันนี้ข้าจะไม่จ่ายเงินให้เจ้า”
“โอ้ยๆๆๆ เถ้าแก่ อย่าดึงแรง ข้าเจ็บ”
ไป่ถิงถิงหัวเราะอย่างถูกใจก่อนจะเดินกลับไปที่ศาลเจ้า เนื่องจากตอนนี้ไม่ได้ใกล้เวลาที่ชาวบ้านจะเข้านอนเสียเท่าไหร่ ร่างบางจึงยังลองวิชาเข้าฝันนี้ไม่ได้ ส่วนทางด้านมหาเทพที่แอบดูอยู่ก็ได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ อย่างรู้สึกจนใจ
“หากเจ้าดื้อซนถึงเพียงนี้ เห็นทีข้าจะต้องจัดการเจ้าให้อยู่กับร่องกับรอยเสียบ้าง เพื่อที่เจ้าจะได้เหมาะสมกับการเป็นพระชายา ของผู้ที่ยิ่งใหญ่อย่างข้า”
Talk. ตอนนี้น่าจะแสบน้อยหน่อย แต่ว่ายังคงไม่ฝึกวิชาอยู่เช่นเดิม พรุ่งนี้ตี้จะพาน้องกลับไปในตอนปัจจุบันแล้วนะคะ ตอนที่น้องไปปีนต้นไม้แอบฟังชายชรานักเล่าเรื่อง ย้อนเวลามาพอสมควรและ เราไปดูน้องป่วนกันต่อดีกว่า