EP 38

1118 Words
เทียมหทัยโผเข้ากอดพรรณีและร้องไห้ออกมาจนสุดจะกลั้นได้ เมื่อพรรณีและกรรชัยเดินเข้ามาหาเธอในห้อง  “อย่าไปใส่ใจกับคุณอย่างนั้นเลยลูกแม่ ขิมเป็นลูกของพ่อกับแม่ เป็นหลานรักของคุณย่ามากกว่าหลานแท้ๆ ของท่านเสียอีก ขิมเป็นเด็กดี ไม่ได้มีอะไรเสียหายอะไร ถ้าหากเขาจะมองแค่นั้น ก็ปล่อยเขาไปเถอะลูก” พรรณีได้แต่ปลอบใจพร้อมทั้งมือลูบไปที่ศรีษะของเธอ “แม่พูดถูกนะลูก อย่าไปเสียน้ำตาให้กับคนพรรค์นั้นเลยลูก เอายังงี้มั้ย เราไปพักผ่อนหน่อยดีมั้ยลูก ที่เชียงใหม่ หรือภูเก็ตก็ได้ บ้านเราก็มี ขิมจะได้สบายใจขึ้น” กรรชัยเสนอความคิด  “แม่ว่าก็ดีนะลูกนะ ขิมน่ะเก็บตัวมานานแล้วนะลูก ไปสูดอากาศบริสุทธิ์บ้างก็ดี นะไปพรุ่งนี้เช้าเลย” พรรณีเสริม “ถ้าคุณแม่คิดว่าดีก็ได้ค่ะ แต่ขิมขอไปคนเดียวได้มั้ยคะ ขิมอยากอยู่คนเดียวค่ะ” “จะดีหรือลูก พ่อกับแม่เป็นห่วงไม่อยากให้ขิมอยู่ห่างๆ” พรรณีแย้ง “ขิมไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะแม่ แค่อยากหาเวลาที่จะคิดทบทวนอะไรๆ ให้มันกว้างๆ กว่าที่เป็นค่ะ” “เอายังงี้นะ แม่จะให้ป้าอรไปด้วยก็แล้วกันนะ เผื่อจะได้หาข้าวปลาให้กินด้วย ดีมั้ยลูก ขึ้นเครื่องไปนะไม่ต้องเอารถไปหรอก” พรรณีออกความเห็น “ก็ได้ค่ะแม่ แต่ไม่ต้องห่วงขิมนะคะ ขิมเป็นลูกพ่อกับแม่ ขิมจะต้องเข้มแข็งค่ะ” เธอบอกออกไปพร้อมกับยิ้มให้เพื่อไม่ให้ทั้งสองไม่สบายใจ แต่ในหัวใจนั้นเล่ามันช่างเจ็บปวดเสียเหลือเกิน  ตอนที่ 7  เทียมหทัยนั่งมองอาทิตย์ยามอัศดงอยู่ที่สะพานไม้ที่เดิม ที่ๆ เคยมีเขาโอบกอดร่างเธอเอาไว้เมื่อวันวาน แต่มาวันนี้วันที่ไม่มีเขา มันช่างดูเงียบเหงาเสียเหลือเกินสำหรับเธอ ในเวลานี้ ยิ่งได้มาอยู่ในสถานที่ๆ เธอและเขานั้นมีสุขใจยิ่งนัก มันยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้มากขึ้นกว่าเดิม นับว่าเธอตัดสินใจผิดเหลือเกินที่กลับมาที่นี่ รอยจูบที่เขาบรรจงประทับที่ริมฝีปากนั้น มันตราตรึงในความทรงจำของเธออย่างไม่มีวันจะลบเลือนได้เลย แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหน ทำไมฟ้าส่งให้เขามารักเธอ แล้วทำไมต้องมาพรากเขาไปจากเธออีก “คุณธรรทร! ขิมรักคุณเหลือเกิน!” เทียมหทัยได้แต่นั่งทอดอารมณ์แล้วปล่อยให้ความทรงจำต่างๆ ระหว่างเธอและเขานั้นผุดขึ้นมาคอยตอกย้ำความเจ็บปวดตั้งแต่วันแรกที่มาถึงที่นี่ แล้วน้ำตาแห่งความเสียใจนั้นมันก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในเวลานี้ “คุณธรรคะ คุณอยู่ไหน ขิมเจ็บเหลือเกินค่ะ ขิมรักคุณ คุณได้ยินมั้ยคะ” นั้นคือคำพูดที่สะกดอยู่ในจิตใจของเธอเรื่อยมา หากมันก็เป็นเพียงแต่เธอพูดกับตัวเองในใจเท่านั้น ครั้งหนึ่งเธอเคยหวั่นไหวว่าผู้เป็นพ่อจะไม่เห็นด้วยกับความรักที่มีต่อเขา เพียงเพราะเขาเป็นแค่ลูกจ้างของมหาเศรษฐี แต่มาตอนนี้มันกลับเปลี่ยนไปเป็นคนละเรื่อง เธอเองกลับกลายเป็นอุปสรรคที่ทำให้ทั้งเธอและเขานั้นต้องพรากจากกัน เพียงเพราะฐานันดรของตัวเองนั้นต่ำต้อย! .เกินกว่าที่จะไปรักเขา มันก็จริงสินะ ตัวเธอเองลืมข้อนี้ไปได้ยังไง ลืมไปว่าเธอนั้นเป็นใคร มาจากไหน เกิดมาเป็นเพียงกาแล้วบังอาจจะมาเทียมกับหงส์ได้ยังไง คิดแล้วน้ำตาแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจมันก็ไหลพรั่งพรูออกมาจนยากที่จะห้ามมันได้  “เธอเป็นใครเทียมหทัย เธอจะต้องเจียมตัวเองนะ เธออย่าลืมว่าเธอมาจากไหน อย่าได้คิดไปริรักคนที่เขาสูงศักดิ์กว่าตัวเองเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นก็จะต้องพบกับความเจ็บปวดอย่างนี้ แล้วเมื่อไหร่เธอถึงจะมีหัวใจให้กับใครได้อีกล่ะ ก็ในเมื่อทุกห้องหัวใจนั้นมันเต็มไปด้วยคุณชื่อ ธรรทร” “คุณขิม!!!” เสียงเรียกจากด้านหลังมันทำให้เธอนั้นจำน้ำเสียงได้ไม่มีวันลืม “คุณธรร!!!”  เธออุทานเมื่อประจักษ์แก่สายตาว่าเป็นเขาจริงๆ พร้อมทำท่าจะลุกวิ่งหนีไปให้ไกลจากเขา แต่ก็ถูกเขารั้งร่างเข้ามากอดแนบอกเอาไว้ “ปล่อยขิมค่ะคุณธรรทร” เธอพยายามจะดิ้นรนหาอิสระให้กับตัวเอง “ผมคิดถึงคุณเหลือเกินคุณรู้มั้ย ชีวิตที่รู้ว่าต่อไปจะปราศจากคุณแล้วมันช่างเป็นทุกข์เหลือเกิน” เขาไม่ยอมปล่อยแต่กลับรั้งร่างเธอเอาไว้แนบแน่นยิ่งกว่าเดิม ซึ่งเธอเองนั้นก็เหนื่อยที่จะขัดขืนเขาแล้ว เพราะภายในลึกๆ นั้น มันเฝ้าแต่ถวิลหาความอบอุ่นจากอกอันแข็งแรงของเขาอยู่นั่นเอง แต่ครั้นนึกได้ว่าเขาไม่ใช่คนตัวเปล่าอีกต่อไปแล้ว อีกไม่กี่วันเขาก็จะถูกจับจองด้วยเจ้าของที่แท้จริงแล้ว มันทำให้น้ำตาแห่งความเจ็บปวดนั้นไหลรินออกมาอย่างช่วยไม่ได้เลย “ปล่อยขิมเถอะค่ะคุณธรร เราไม่ควรที่จะทำอย่างนี้” พูดพลางน้ำตานั้นก็ไหลอาบแก้มเป็นทาง “คุณขิมผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ คุณรู้มั้ยว่าผมเจ็บแค่ไหนที่เห็นคุณต้องเป็นแบบนี้ คุณขิมเข้าใจความรู้สึกผมใช่มั้ย” เขาบอกเมื่อปล่อยให้เธอเป็นอิสระจากการโอบกอดของเขา แต่มือสองข้างนั้นกุมไว้ที่ไหล่ระหงของเธอประหนึ่งอยากจะปลอบประโลมให้คลายความเจ็บปวดก็ไม่ปาน “ขิมเข้าใจค่ะ แต่คุณรู้มั้ยว่ามันเจ็บปวดแค่ไหนที่จู่ๆ คนที่เรารักก็เปลี่ยนสถานะเป็นมหาเศรษฐี และก็กำลังจะแต่งงานในอีกไม่กี่วันนี้ คุณรู้มั้ยคะว่าขิมเจ็บปวดแค่ไหน ขิมขออลงกรณ์คนเดิมของขิมกลับมาได้มั้ยคะ” พูดพลางน้ำตาก็ไหลรินออกมาอย่างไม่รู้สึกอายเลยแม้แต่น้อย “ผมขอโทษ ยกโทษให้ผมเถอะนะ ผมเองก็อยากที่จะให้มันเป็นอย่างนั้น แต่เราก็ต้องยอมรับความจริง และดำเนินชีวิตต่อไป ไม่ว่ามันจะเจ็บปวดแค่ไหน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD