“ขิมจะกลับช่วงบ่ายแก่ๆ หน่อยค่ะ ส่วนคุณกรณ์กับคุณธรรจะกลับเช้าเลย หรือเปล่าคะ” หญิงสาวพูดพร้อมหันไปหาคำตอบจากธรรทรกำมะลอ เล่นเอาเขาแทบสำลักลูกตาลออกมาทีเดียวเพราะไม่รู้ว่าเจ้านายจะเอายังไงต่อไป
“แล้วนายเอาไงกรณ์” เขาถามเจ้านาย
“ผมว่าคุณขิมให้ผมรอกลับพร้อมคุณขิมก็ได้ครับ เพราะจะได้ขับรถให้ด้วย เป็นผู้หญิงขับรถคนเดียวอันตรายครับ แล้วอีกอย่างเจ้านายผมก็อยากจะลองสำรวจพื้นที่แถวนี้ดูด้วยครับจะได้วางแผนตลาดได้ถูกต้อง เพราะคุณธรรยังไม่เคยมาสำรวจเองสักครั้งเลย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผมมาซะมากกว่า จริงมั้ยครับเจ้านาย” เขาพูดพลางยื่นเท้าไปเตะเท้าอลงกรณ์เพื่อขอการยืนยัน
“เอ่อ! ใช่ๆ ครับ พอดีคุยกันเมื่อบ่ายผมลืมไป” เขารับคำด้วยอาการรู้ทันเจ้านายอีกแล้ว ทั้งๆ ที่จริงแล้วเขามาสำรวจเส้นทางนี้นับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
“งั้นก็ตามนี้แล้วกันนะครับ” อินทร์เอ่ย และทุกคนก็นั่งคุยกันอย่างถูกคอจนดึกพอสมควร เทียมหทัยเลยขอตัวก่อนเพราะต้องการจะเข้าไปทำงานในออฟฟิศที่ไม่ห่างจากบ้านของอินทร์เท่าไหร่
ธรรทรนั้นตัวนั่งคุยกับคนในกลุ่มแต่จิตใจและสายตานั้นแทบจะไม่ได้ละจากเทียมหทัยที่นั่งทำงานอยู่เลย เพราะเขาสามารถมองเห็นเธอตรงที่หน้าต่างกระจกในออฟฟิศของเธอนั้นเองซึ่งสาวน้อยนั้นไม่ได้รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย เพราะมัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานที่กองอยู่ตรงหน้ามาทั้งอาทิตย์แล้ว จนเธอรู้สึกง่วงนอนแล้วก็กลับออกไปเพื่อเข้านอนก็พบว่าคนทั้งสามนั้นยังคุยกันอย่างถูกคอโดยไม่คิดจะเข้านอนเลย
“คุณกรณ์คะยังไม่นอนหรือคะ ระวังจะไปไม่ทันได้ดูดอกมะลินะคะ”
เธอทักก่อนที่จะเดินผละไปบ้านพักของเธอที่ไม่ห่างจากเรือนลุงอินทร์และเรือนรับรองเท่าไหร่นัก ทิ้งให้ธรรทรมองตามด้วยแววตาเป็นประกาย และในที่สุดเขาก็ขอตัวเข้านอน และวงสนทนาก็เป็นอันจบลงตรงนั้นนั่นเอง
อากาศยามเช้านั้นดีอย่างที่อินทร์บอกเขาเอาไว้ ธรรทรรีบตื่นขึ้นมาเพื่อที่จะไปดูดอกมะลิให้ทันเวลาพร้อมๆ กับเทียมหทัย ซึ่งเธอและคนงานนั้นก็กำลังขะมักเขม้นในการเก็บดอมมะลิกันอยู่ แล้วเขาก็อาสาที่จะเข้าไปช่วยเก็บข้างๆ เธอ
ดอกมะลิในยามเช้าตรู่นั้นส่งกลิ่นหอมรัญจวลใจยิ่งนัก เขาไม่เคยได้รับรู้รสชาติใหม่ๆ ของชีวิตแบบนี้เลย และยิ่งเพิ่มความเป็นสุขใจให้เขายิ่งนักกับเจ้าของร่างระหง ใบหน้ารูปไข่ ผมยาวสลวยที่ถูกรวบไปเก็บไว้ด้านหลัง
ดวงหน้าเธอยามนี้ไร้ซึ่งเครื่องสำอางใดๆ มาปกปิดผิวขาวเนียนที่พร้อมรับอากาศหนาวยามเช้าได้อย่างไม่เกรงกลัวว่าผิวจะหยาบกร้านเลยแม้แต่น้อย เธอแนะนำโน่นนี่ให้เขาเท่าที่เธอรู้และอยากจะให้ข้อมูลกับเขาเพื่อเอาไปเป็นประโยชน์ในการวางแผนการตลาดของกิจการสนามกอล์ฟต่อไป
ท่าทางและอากัปกิริยาของเธอนั้นคล่องแคล่วเสียเหลือเกิน และมันก็ยังคงวนเวียนอยู่ในความทรงจำของเขาหลังจากที่ดอกมะลิหมดแปลงไปแล้ว จนเธอและคนงานนั้นก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำอาบท่าเพื่อเตรียมรับชีวิตใหม่ในยามเช้าต่อไป
“นั่นเด็กๆ มุงอะไรแต่เช้าครับลุง”
ธรรทรถามขณะเดินมาหาอินทร์ที่บ้านพัก หลังจากที่ผละจากเทียมหทัยพักใหญ่ และเขาก็อาบน้ำแล้วลงมาสมทบเพื่อจะทานอาหารเช้า
“อ๋อ! เด็กๆ กำลังเอาสมุดผลการเรียนให้แม่เขาดูอยู่ครับ” อินทร์ตอบขณะหันไปดูด้วยความชื่นชม
“แล้วแม่แบบไหนครับถึงได้มีลูกนับสิบขนาดนั้น ผมสงสัยจังเลย”
เขาถามแบบงงๆ เพราะเมื่อพยายามมองไปเท่าไหร่ ก็มีแต่เด็กมุงบังคนเป็นแม่เต็มไปหมดเลยจนมองไม่เห็นว่าคือใคร
“งั้นตามมาครับ แล้วจะได้คำตอบ” อินทร์พูดพลางเดินนำธรรทรไปหากลุ่มเด็กที่ศาลาที่มีตำลึงขึ้นเต็มเสาทั้งสี่ต้น
“นั่นไงครับแม่ของเด็กๆ”
อินทร์ชี้ไปที่สาวน้อยร่างบางที่ปล่อยผมสาวสลวยใบหน้าเรียวรูปไข่ ซึ่งทำให้เขาหลับตาได้ช้ากว่าทุกคืนที่ผ่านมา เธอกำลังขะมักเขม้นตรวจการบ้านเด็กๆ อยู่ แล้วก็มีเสบียงอาหารเช้าสำหรับเด็กตั้งอยู่ไม่ว่าจะเป็นโอวัลติน น้ำผลไม้ต่างๆ ปลาท่องโก๋
ซึ่งเด็กบางคนก็กำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารเช้า ส่วนบางคนก็กำลังยกผลการเรียนอวดแม่ของพวกเขา ซึ่งเป็นภาพที่เขาไม่เคยเห็นเลยในชีวิต และเขาก็จะไม่มีโอกาสได้เห็นเลยถ้าไม่ได้มาที่นี่
“ยังไงครับลุง” เขาถามเพื่อหาคำตอบ
“ก็คุณขิมรับเป็นแม่บุญธรรมของเด็กๆ ลูกคนงานในนี้และก็เด็กๆ บางคนที่มีฐานะยากจนในละแวกนี้ด้วยครับ เธอเป็นคนออกเงินส่วนตัวส่วนหนึ่ง และก็ขอทุนจากคุณท่านให้ออกให้ส่วนหนึ่ง เพื่อเป็นค่าเล่าเรียน เสื้อผ้า ค่าขนม ค่ารถไปโรงเรียนในตัวเมือง แล้วก็ค่าอื่นๆ อีกทั้งหมดเลยครับ
เพราะพ่อแม่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนจน เธอไม่อยากเห็นเด็กๆ ไม่ได้เรียนหนังสือครับ โดยมีข้อแม้ว่าพ่อแม่และเด็กๆ จะต้องให้ความสำคัญกับการเรียนเป็นอันดับแรก แล้วเธอก็ยังให้ค่าแรงคนงานของเรามากกว่าที่ไร่อื่นๆ ด้วยนะครับ เพราะจะได้เอาไปเลี้ยงลูกให้มีการศึกษาที่ดีครับ
เจ้าอ๊อดลูกผมคุณกรรชัยก็ส่งเสียให้เรียนจนจบ และก็ไปฝึกงานที่ฟาร์มต่างๆ ที่เมืองนอกครับ จะได้มีความรู้มาพัฒนาที่ไร่ และท่านก็ไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ เลยครับ เพียงแต่ขอให้นำความรู้ที่ได้มาทำงานให้ไร่ 5 ปีก็พอแล้ว ที่เหลือจะทำงานต่อหรือไปทำไร่เองท่านก็จะสนับสนุนให้ครับ” อินทร์อธิบายยืดยาว
“ผมไม่ยักกะรู้ครับ” เขาบอกด้วยความประทับใจในตัวพ่อลูกคู่นี้เพิ่มมากขึ้น
“อ้าว! คุณกรณ์เชิญค่ะ เด็กๆ คะ สวัสดีลุงกรณ์ด้วยนะคะ ลุงกรณ์กำลังจะมาเป็นเพื่อนบ้านของเราค่ะ”
เทียมหทัยรีบแนะนำเขาให้เด็กๆ รู้จักทันทีที่ทั้งเขาและลุงอินทร์เดินมาถึงที่ศาลา และเขาก็รีบรับไหว้เด็ก ด้วยอาการที่ขำปนเอ็นดูเพราะทุกคนพูดคำว่าสวัสดีกันคนละครั้งจนฟังแล้วไม่ได้ศัพท์