ยิ่งคิดน้ำตามันยิ่งอยากจะไหลออกมา กล้ำกลืนมันไว้มากเท่าไหร่มันก็อยากทะลักทลาย เจ็บจนไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้ว
“ได้ยินหรือเปล่าโซรีน เป็นอะไร!”เสียงปีแอร์กระตุ้นเตือนให้ออกจากภวังค์
ดวงตาเรียวช้อนขึ้นมอง ปีแอร์สบตาฉันคิ้วขมวดเข้าหากัน เหมือนเขากำลังสับสนกับท่าทีของฉัน
“มีอะไรหรือเปล่าปีแอร์ ถ้าไม่มีก็ปล่อยฉันไป”เสียงแหบพร่าอ่อนแรงบอกออกไป
“ถ้าบอกว่าฉันจะจูบเธอจะว่าอะไรไหมโซรีน”
หึ!
คำพูดเพลินพิมดังก้องอยู่ในโสตประสาท ทั้งๆ ที่หมอนี่เป็นคนทำให้เรื่องทุกอย่างต้องจบลงแบบไม่สวยงาม คนที่ทำมันทั้งหมดคือเขา แล้วทำไมยังกล้ามาเสนอหน้าให้ฉันเห็นอีก ทำไมกัน! เกลียด! ฉันเกลียดหมอนี่ที่สุดเลย!
“จูบเท้าฉันแทนไหมล่ะปีแอร์!”ยอกย้อนกลับไป แววตากร้าวแข็งขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าฉันเชิดขึ้นท้าทายจนปีแอร์เริ่มสับสนกับสีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนไป
“มากไปแล้วมั้งโซรีน!”
“ไม่มากหรอกคนอย่างนายโดนแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ!”อารมณ์เริ่มเดือด ยิ่งนึกมันยิ่งโมโห ฉันไม่ต้องการเห็นหน้าไอ้หมอนี่เลยสักนิดเดียว
“อย่าปากดีโซรีน ไม่รู้หรือไงว่าตอนนี้เธอกำลังเสียเปรียบฉันอยู่!”
เพียะ!
ปีแอร์หน้าหันทันทีเขาดุนลิ้นจนแก้มพอง หันขวับมามองสีหน้าไม่พอใจ
แควก!
เสื้อนักเรียนถูกกระชากจนกระดุมหลุด ฉันรีบจับสาบเสื้อด้วยความตกใจไอ้หมอนี่มันชักจะมากไปแล้ว ฉันมองแววตารู้สึกเหมือนเห็นเปลวไฟในนั้น ใช่! ฉันรู้ดีว่าปีแอร์กำลังโกรธจัด เขาไม่พูดเอาแต่เงียบอย่างเดียว ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมาที่หมายคือริมฝีปาก มือข้างหนึ่งที่ว่างเลยยกดันแผงอกเขาไว้
“อย่านะปีแอร์ นี่มันในโรงเรียนนะ!”ฉันร้องเตือน สีหน้าหวาดหวั่น
“ในโรงเรียนแล้วทำไม ไม่มีใครอยู่เลยไม่เห็นเหรอ นี่มันเย็นมากแล้วเขาเลิกเรียนกันหมดแล้ว!”หมอนี่ย้อนได้กวนประสาทมาก
คราวนี้ฉันเหมือนรู้ชะตาแม้พยายามผลักไสแต่กลับสู้แรงไม่ได้เลย ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ว่าปีแอร์จะทำเรื่องทุเรศแบบนี้
“นายทำแบบนี้กับฉันทำไม!”ตะโกนถามออกไป
“อยากทำมีอะไรไหม”เขาตอกกลับเพียงแค่นี้
“นายมันเลว!”
เขายิ้มเยาะก้มลงมา แม้อยากจะเมินหนีแต่กลับถูกมือยึดท้ายทอยไว้แน่นจนขยับไม่ได้ เขากดเพื่อให้ใบหน้าเรียวแหงนรับริมฝีปากของเขา
“โซรีน!”เสียงเรียกของเพื่อนสนิททำให้ฉันหลุดพ้นจากพันธนาการ ฉันรีบค้นเข็มกลัดในกระเป๋ามาติดไว้แทนกระดุมที่หลุดไป
ปีแอร์หันมามองฉันเล็กน้อย พร้อมฝากรอยยิ้มดุจปีศาจเอาไว้ เดินหนีหายไปต่อหน้าต่อตา เอมมี่เข้ามาในห้องมองมาด้วยสีหน้าแปลกใจ
“เป็นอะไรหรือเปล่าโซรีน”เอมมี่ถาม
“เปล่าไม่เป็นไรหรอก กลับบ้านกันเถอะ”
หลังจากวันนั้นฉันก็เอาแต่หลบหน้าปีแอร์ หลายครั้งที่เขาพยายามจะเข้าหาแต่ก็เลี่ยงได้ทุกครั้ง เหมือนปีแอร์จะเข้าใจว่าฉันไม่ชอบการกระทำของเขา หมอนั่นเลยไม่ยอมมายุ่งกับฉันอีก ช่วงมัธยมปลายจึงเป็นช่วงเวลาผสมระหว่างสุขและทุกข์ สุดท้ายฉันเรียนจบเข้าสู่ช่วงมหาวิทยาลัยในที่สุด
สามปีผ่านไป...
ข้าวของมากมายถูกขนย้ายออกจากบ้าน พ่อได้งานใหม่ เป็นคนขับรถของคุณหญิงตระกูลพันธศักดิ์ พ่อเล่าว่าคุณนายใจดีมากอนุญาตให้พาลูกเข้าไปอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน แม้จะนึกแปลกใจแต่สีหน้าของพ่อดูดีขึ้นมากจากการทำงานที่นี่ ฉันเลยคิดว่าคุณนายพิชญาคงเป็นผู้ใหญ่ใจดี
เพียงแค่เห็นรั้วบ้านฉันอ้าปากค้างแทบไม่เชื่อสายตา ยิ่งรถเคลื่อนเข้ามาในอาณาเขตยิ่งรู้สึกตื่นตาตื่นใจมากขึ้น คฤหาสน์สีขาวสไตล์ฝรั่งเศส ตามถนนในเขตบ้านปลูกไม้ดอกตลอดทาง มีโคมไฟกลมมนให้แสงสว่างแม้จะไม่ยังไม่เห็นก็ตาม หน้าคฤหาสน์มีน้ำพุรูปกามเทพแผลงศรยืนตระหง่านอยู่
รถจอดเทียบด้านหน้าฉันลงจากรถพร้อมพ่อ สาวใช้อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันเดินเข้ามาหาฉันกับพ่อ
“คุณนายพิชญาให้มาเชิญทั้งคู่เข้าไปข้างในค่ะ”สาวใช้บอกพ่อแล้วเดินออกไป
พ่อเดินนำเข้าไปด้านใน สองเท้าก้าวเดินตามพ่อผ่านพื้นหินอ่อนสีเนื้อขัดจนขึ้นเงา ฉันเงยหน้ามองเพดานเห็นโคมไฟระย้าห้อยลงมาปลายสายเป็นรูปดาวหากเปิดไฟคงสวยมาก ถึงห้องรับแขกโซฟาสไตล์โมเดิร์นสีเขียวอ่อนวางอยู่สามตัว ด้านหน้ามีโต๊ะกระจกใสวางแจกันดอกกุหลาบสีขาวตรงกลาง มีนิตยสารวัยรุ่นเรียงรายอยู่ สายตาหยุดลงที่ผู้หญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อ แต่ใบหน้านั้นสวยสง่า... และที่สำคัญคล้ายใครคนหนึ่งที่อยู่ในห้วงความคิดของฉัน
“อ้าวมาแล้วเหรอตรัย พาลูกเข้ามาสิ”คุณพิชญาเจ้าของบ้านบอกพ่อ พ่อกวักมือเรียกให้เดินเข้าไปด้านใน
“สวัสดีค่ะ”ฉันยกมือไหว้แล้วนั่งลงพับเพียงกับพื้น
“โซรีนใช่ไหม”คุณนายยิ้มแล้วมองมาที่ฉัน
“ใช่ค่ะ”
“หน้าตาสวยน่ารักดีนะ สงสัยแม่คงจะสวย ขึ้นมานั่งบนโซฟาเถอะฉันไม่ว่าอะไรหรอก”
พ่อมองมาที่ฉันแล้วพยักหน้าเป็นสัญญาณ ฉันเลยลุกขึ้นไปนั่งบนโซฟาซึ่งมันนุ่มมากของแพงก็งี้แหละ
“ขอบคุณค่ะ”ยกมือไหว้อีกครั้ง บางที... ฉันเห็นพ่อส่งสายตามองคุณนายแบบแปลกๆ หรือคิดไปเองก็ไม่รู้นะ
“ฉันจะให้เธออยู่บนบ้านใหญ่คอยปรนนิบัติฉันนะ แล้วก็จะมีเงินเดือนให้จะได้เอาไปจ่ายพวกอุปกรณ์การเรียน เห็นว่าอยู่ปีสี่ใกล้จบแล้วสินะ”
“ค่ะ”
“เปิดเทอมวันไหนล่ะจ๊ะ”คุณพิชญาถามฉัน แต่สายตากลับมองไปที่พ่อ ชักแปลกยังไงชอบกล รู้สึกแบบนั้นจริงๆ
“อาทิตย์หน้าค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปจัดของเถอะ มีอะไรฉันจะเรียกใช้เอง”คุณนายบอก ฉันยกมือไหว้อีกครั้งแล้วตั้งท่าจะลุกยืน แต่มีคำถามบางอย่างผุดอยู่ในหัว
“เอ่อ... แล้วพ่อนอนที่ไหนเหรอคะ?”ถามออกไปด้วยความสงสัย เห็นคุณพิชญาส่งยิ้มมา
“พ่อเธออยู่บ้านเล็กด้านหลังจ้ะ ฉันไม่ให้ผู้ชายขึ้นมาบนบ้านใหญ่นอกจากลูกชายฉันคนเดียว”
“อ๋อค่ะ”สีหน้าฉันดีขึ้นเมื่อได้รับรู้ในข้อนี้
สาวใช้คนเดิมพาฉันไปที่ห้อง เราได้คุยกันนิดหน่อยเธอบอกว่าชื่อปูนิ่ม หน้าตาน่ารักดีแต่ติดนิสัยห้าวๆ หน่อย เสื้อผ้ามากมายถูกจัดการเก็บเข้าตู้ และจัดการเรื่องอุปกรณ์การเรียนทั้งหลายที่ต้องเตรียม คืนนั้นฉันนอนกระสับกระส่ายทั้งคืน อาจเพราะแปลกที่เลยทำให้นอนไม่หลับก็เป็นได้