ตอนที่ 8 เป็นเมียหรอ?

849 Words
"ฮือ...พะพอก่อน...ได้ไหม..อื่อ" เด็กสาวพยามเอื่อนเอ่ย แทรกเสียงผ่านการบดขยี้ในโพรงปาก ลิ้นสากละลานหนัก เกือบสำลักอาเจียนรสขมของสารนิโคติน รวมถึงส่วนล่างเจ็บบอบช้ำ ถึงยังไม่ได้ลุกล้ำเข้าส่วนด้านใน น้ำตาไหลเป็นสายน่าเวทนา มืออุจอาจต้องหยุดชะงักกลางคัน จำยอมถอนออกมาอย่างอารมณ์เสีย กระแทกลมหายใจเปิดเผย "ทีหลังอย่าเสนอตัว" ต้นไม้ก้มลงมองคราบเลือดบนฝ่ามือ เก็บซ่อนความคิดนัยน์แววตา ผลักร่างอรชรลงไปที่ว่างข้างๆ แล้วลุกขึ้นเดินหนีเข้าห้องทำงาน ท่าทีไม่พอใจยิ่งกระตุ้นน้ำตาอีกฝ่าย เหตุไฉนต้องรู้สึกผิดแทน นาเบลยกมือปาดน้ำตาลวกๆ ตั้งท่ายืนทรงตัวทนต่ออาการเจ็บแสบ จัดเสื้อผ้าไม่ประเจิดประเจ้อ กอบกองหนังสือเข้าห้องเธอบ้าง .... ครั้นเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่นาที เรือนร่างอรชรในชุดนอนกระโปรงสายเดี่ยวสีหวาน เพิ่มลายการ์ตูนเล็กน้อยดูเหมาะสมกับวัย พึ่งเสร็จหลังอาบน้ำชะล้างคราบเหงือ อาการหิวโหยเริ่มก็แทรกเล่นงาน ใจนึงกำลังกลัวการประจันหน้ากัน ยืนครุ่นคิดหลังประตูห้อง "แม่วาเคยบอกไว้...ถ้ายิ่งกลัวอะไรยิ่งต้องเผชิญ" ดั่งคำสั่งสอนของแม่แล่นเข้าโสตประสาททันที สูดหายใจเฮือกใหญ่ปลุกความหึกเหิม ทว่าค่อยๆเปิดประตู ย่องยกขาเรียวให้เบา ราวกับคนทำผิดเรื่องร้ายแรงมหันต์ แสงไฟมืดสลัวโซนรับแขก เป็นเครื่องยืนยันว่าเจ้าของเพ้นเฮ้าท์ไม่อยู่เสียแล้ว "พี่ไม้ไม่มีสิทธิ์โกรธหนูด้วยซ้ำ" เท้าเรียวเล็กหยุดยืนดูหน้ารูปครอบครัวของต้นไม้ รอยยิ้มกว้างนั้นไม่เคยได้เห็นนอกจากในภาพนี้ แต่คงไม่แปลกเพราะเธอไม่ใช่คนสำคัญ อย่างการกระทำที่แสดงให้รู้ พอเห็นว่าทางสะดวก รีบมุ่งตรงเข้าห้องครัวเปิดรื้อหาอาหารแก้ขัด แต่คงไม่พ้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งเธอร้องขอให้โจเอามาซ่อนไว้ "เก็บไว้ตรงไหนเนี้ยพี่โจ" เท้าเรียวเล็กเขย่งขึ้นชะโงกมองค้นในตู้ข้างผนัง โจไม่ได้บอกว่าไว้ซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเก็บตรงไหน ครั้นน้ำร้อนในหม้อเดือด ควันโชยยิ่งกดดันให้รวดเร็ว ตุ๊บ!!! เสียงชนกระแทกระหว่างแผ่นหลังบางกับแผงอกกว้าง เด็กสาวหยุดชะงักยืนแข็งทื่อ คงไม่ใครไม่ได้นอกเสียจากบุคคลที่ไม่อยากพบเจอ คู่หมั้นหนุ่มรีบจับกระป๋องชั้นบนตู้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นคงตกหล่นกระทบศรีษะเล็ก เขาเองไม่ได้อยากเข้ามายุ่งโซนนี้เสียเลย แค่เดินผ่านเตรียมออกไปธุระ ท่าทีลุกรนดูมีพิรุจจึงลอบจับผิด "เอ่อ..ขอบคุณนะคะ" ความรู้สึกผิดประเดประดัง สั่งให้ต้องหมุนตัวหันมายกมือพนมไหว้ หน้าสวยไร้เครื่องประทินโฉมเงยขึ้นสบตา แต่ยังอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง ซึ่งคราวนี้ไม่ใช่เสื้อเชิ้ตตัวเดิม กลิ่นน้ำหอมช่วยการันตี ว่าคงจะไปที่ไหนสักที่ "หนูนึกว่าไม่มีคนอยู่แล้วเสียอีก" เธอเอียงหน้าไปทางโซนรับแขก บอกให้รู้ถึงความมืดสลัว น่าคาดเดาว่าเจ้าของห้องไม่อยู่ "ไฟเสีย" ต้นไม้ให้คำตอบ เหลือบจ้องสนใจหม้อน้ำร้อนบนเตาไฟฟ้า "อ่อถึงว่ามืดอยู่ที่เดียว หนูยังไม่ได้กินข้าวเลย ขอสักมื้อนะคะ" คาดว่าผู้เป็นแม่คงสั่งมาด้วยเช่นกัน ให้กำชับเรื่องอาหารการกิน ไม่ต่างจากตอนอยู่บ้าน มักชอบตามใจปากมากกว่าโภชนาการ ดวงตากลมกระพริบปริบๆ ปานขอร้องแบบฉบับเด็กน้อย "แล้วแต่" เมื่อคนตัวสูงเริ่มรู้สึกเหมือนตกในภวังค์ ไม่เคยวูบไหวแค่เรื่องเท่านี้ รีบผละก้าวถอยหลัง ยกแขนติดกระดุมเสื้อเชิ๊ตสีดำตรงข้อมือ เตรียมไปข้างนอก "พี่ไม้จะไปไหนคะ มันก็ดึกแล้วนะ" แววตากลมใสซื่อ กระพริบปริบๆ เอ่ยถามปานไร้เดียงสา หารู้ไม่ว่าเหยื่อไม่น่าอวดดีกล้าสอนราชสีห์ คำถามนี้ทำให้ต้องหันกลับมาจ้อง "เป็นเมียหรอ??" "ป่าว...แค่คู่หมั้นปลอมๆ" เหมือนก้าวก่ายเกินขอบเขต สมองเร่งสั่งการให้รีบหยุดความสนใจ นาเบลเลือกเดินไปหยิบกรรไกรตัดซองบะหมี่ ง่วนกับการปรุงรสชาติต่อเล็กน้อย แล้วใส่เครื่องเคียงตาม เหมือนปล่อยเขายืนเป็นส่วนเกิน "อยู่ตอนมืดๆให้ได้ล่ะ" "หมายความว่าไงคะ" มือบางกดปุ่มปิดเตาค้างไว้ เหมือนคำมีนัยนะแอบแฝง ถึงความน่ากลัวจากสิ่งลี้ลับ ทุกสถานที่ย่อมมีเรื่องเล่า แล้วดวงตาช่างไม่รักดี เหลือบมองไปทางโซนรับแขก ไฟสลัวเปลี่ยนเป็นกระพริบ พานใจดวงน้อยกระตุกวูบ หากสังเกตุคงเห็นขาเรียวสั่นเทา ตัวแข็งทื่อลืมอาการหิว แม้ยังจับถ้วยๆร้อนอยู่ "เพราะไม่เคยมีใครอยู่ได้นะสิ" ......................................................... ล่าสุดหลอกอำผีซะแล้ว 555 กดถูกใจคอมเม้นท์ทักทายกันบ้างเด้อค่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD