“ฉันมาดี ไม่ได้คิดร้าย แค่มาส่งนักโทษเท่านั้น” เสียงหวานใสเอ่ยอย่างใจเย็น
ถ้าตอนนี้เธอไม่ใจเย็น หัวอาจจะหลุดจนชวดรางวัลก็เป็นได้
นัยน์ตาหวานซึ้งมองสบกับดวงตาไร้อารมณ์ของเหล่าตัวละครนักฆ่า เคยมีข่าวร่ำลือกันว่าตัวละครบางพวกจะใช้คนจริงในการแสดงแทน แต่มันก็ยังเป็นแค่ข่าวลือในเมื่อไม่มีใครสามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ได้สักคน
มือบางค่อย ๆ ลดอาวุธของตนเองลงทั้ง ๆ ที่โดนปลายดาบของอีกฝ่ายจ่อที่คอ เธอเชื่อว่าถ้าหากพวกเขาตวัดดาบเพียงครั้งเดียว หัวของเธอได้หลุดออกมาแน่
เหมือนระบบจะเข้าใจคำพูดเมื่อปลายดาบจากทหารนักรบลดลงตามคำพูดของเธอ
อี้ฟานถอนหายใจออกมาช้า ๆ
อย่างนี้สิ ค่อยคุยกันง่ายหน่อย ถึงอีกฝ่ายจะเป็นแค่ระบบคอมพิวเตอร์ก็เถอะ
เจ้าบอสเมิ่งเริ่มขยับตัวเมื่อกำลังฟื้นคืนสติ ค่าพลังชีวิตค่อย ๆ เพิ่มขึ้นทีละนิด อี้ฟานเห็นดังนั้นจึงเริ่มร้อนใจ
“ฉันต้องไปส่งเจ้าบอสนี่ที่ใคร” เสียงหวานถามออกไปห้วน ๆ แม้จะรู้ว่าคงไม่มีคำตอบให้ แต่แล้วเสียงฝีเท้าย่ำก้าวดังมาจากด้านหลัง ทำให้เธอตวัดสายตาไปมอง
คนที่เดินเข้ามานั้นเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ ในมือถือขวานยักษ์ดูหนักและทรงพลัง ใบหน้าดุดันของเขาให้ความรู้สึกเหมือนแม่ทัพใหญ่ในหนัง
“ส่งที่ข้า” เสียงทุ้มกังวานทรงอำนาจเอ่ยขึ้น พร้อมเหลือบมองเจ้าคนแหกคุกที่โดนรุมกินโต๊ะจนใบหน้าบวมปูดด้วยความระอา แหกคุกทุกวันสุดท้ายก็ต้องถูกส่งกลับมา
อี้ฟานมองตัวละครตรงหน้าด้วยความแปลกใจ เหตุใดสีหน้า แววตา ท่าทางถึงได้ดูสมจริงขนาดนี้ ทั้งที่เป็นแค่ระบบคอมพิวเตอร์แท้ ๆ หรือนี่จะเป็นตัวละครที่เป็นคนจริง ๆ อย่างที่เขาร่ำลือกัน!
หญิงสาวเงยหน้ามองบนหัวของตัวละครตัวนั้นกลับพบว่าไม่มีชื่อขึ้นมาให้เรียกเหมือนอย่างตัวละครอื่น ๆ ในเมือง
หรือนี่จะเป็นตัวละครลับที่เขาร่ำลือกันจริง ๆ ยิ่งผนวกกับท่าทางการแสดงที่เหมือนมนุษย์ ยิ่งทำให้เธอปักใจเชื่อในความคิดของตนเอง
อี้ฟานส่งมอบบอสเมิ่งให้กับหัวหน้าทหารคนนั้นไป และเสียงของระบบก็ดังขึ้นในหัว บอกว่าเธอทำภารกิจขั้นแรกสำเร็จแล้ว
ภารกิจขั้นแรก? ไม่ใช่ว่าส่งเสร็จก็รับรางวัลได้เลยเหรอ!
ชักจะยุ่งยากขึ้นมาแล้วสิ
มิน่าล่ะ เวลามีคนได้รับภารกิจลับพวกนี้แล้ว กลับไม่มีใครออกมาอวดเจ้าเงินสามล้านตำลึงเลยสักคน จะว่ามันเป็นแค่ภารกิจหลอกลวงก็ไม่น่าใช่ เว้นเสียแต่ว่าผู้ที่รับภารกิจนั้นไม่สามารถผ่านไปถึงด่านสุดท้าย บางทีอาจจะตายตั้งแต่ด่านแรกเสียด้วยซ้ำ!
แสดงว่าภารกิจลับขั้นแรกคือการเอาชีวิตรอดจากคมดาบนับสิบและส่งมอบบอสเมิ่งสำเร็จไปได้ด้วยดีสินะ ไม่อยากจะคิดถ้าหากเธอเลือกที่จะต่อสู้กับทหารพวกนี้ ภารกิจคงถูกยกเลิกไปพร้อมกับหัวสวย ๆ ของเธอที่กระเด็นออกไปสักหมื่นลี้
แล้วภารกิจขั้นต่อไปล่ะ
เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่กำลังเดินหันหลังกลับ อี้ฟานจึงร้องเรียก
“แล้ว...”
“รางวัลของท่าน รับได้ที่ท่านประมุข” เสียงทุ้มตอบราวกับอ่านใจของเธอได้
และเมื่อเธอจะถามว่าที่ไหน คนตรงหน้านั้นตอบมาก่อนที่เธอจะเอ่ยคำถามเสียอีก
“ตามข้ามา”
น้ำเสียงทรงอำนาจจนรู้สึกถึงความเด็ดขาด ทำเอาอี้ฟานถึงกับเผลอกลืนคำถามนั้นลงคอไปพร้อมกับน้ำลายของตนเอง
อี้ฟานเดินจูงเจ้าหมอกมาเรื่อย ๆ ตามเส้นทางอันมืดมิดไร้ซึ่งแสงจันทรา มีเพียงแสงไฟจากคบเพลิงเท่านั้นที่พอให้ความสว่างในการเดินทาง
อา... หลายคนอาจถามว่าทำไมเธอไม่ขี่เจ้าหมอกเสียให้สิ้นเรื่อง ก็เพราะระบบในตอนนี้ทำให้เธอไม่สามารถขี่พาหนะได้น่ะสิ! เงื่อนไหนสุดโรคจิตทำเอาเธอรู้สึกว่ามันภารกิจขั้นต่อไปมันต้องชวนปวดหัวมากกว่านี้แน่
และยิ่งเดินทางไกลมากขึ้นเรื่อย ๆ ค่าพลังงานก็เริ่มลดลง ทำให้สถานะต่าง ๆ ในร่างกายเปลี่ยนแปลงลงไปทีละนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ค่าพลังโจมตีและพลังป้องกันที่ลดลงไปเรื่อย ๆ ตามความหิวที่เพิ่มมากขึ้น และถ้าภายในหนึ่งชั่วโมงนี้ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องล่ะก็ ตัวละครของเธอจะเริ่มติดสถานะผิดปกติ ค่าความสามารถทุกอย่างลดลงถึงสองในสิบส่วน!
อี้ฟานเคยประสบปัญหานี้มาแล้วในช่วงที่เธอยังเป็นแค่จอมยุทธ์ฝึกหัด หลังจากตะบี้ตะบันฝึกวิชากับพวกสัตว์อสูร เธอไม่ได้สนใจกับค่าความหิวของตัวเองสักเท่าไหร่ มารู้ตัวก็ตอนที่กระเพาะอาหารมันร้องประท้วงออกมาได้สมจริงจนต้องเหลียวมอง พลันสายตาเหลือบไปเห็นค่าสถานะของตัวเองที่ติดลบจนแดงเถือกก็ตกใจจนแทบเป็นลม แถมเคราะห์ร้ายเข้ามาซ้ำเติมเมื่อบอส ประจำแผนที่ดันเกิดตรงหน้าเธอพอดี!
และหลังจากนั้นรู้ตัวอีกทีเธอก็ไปเกิดอยู่ในห้องพยาบาลประจำเมือง
เธอจึงสาบานกับตัวเองไว้ว่าจะไม่ยอมปล่อยให้ท้องหิวเป็นอันขาด!
จ๊อกกกกก
เสียงกระเพาะคำรามเมื่ออาหารที่เคยมีถูกย่อยไปจนหมดแล้ว ขณะนี้กระเพาะต้องการอาหารเพิ่ม อี้ฟานกลอกตาไปมาเพราะระบบบังคับให้เธอไม่สามารถเปิดกระเป๋าได้ อาวุธก็ใช้ไม่ได้ แถมยังขี่ม้าไม่ได้อีก! ภารกิจนี้มันโรคจิตเกินไปแล้ว!
แต่สวรรค์ยังต้องเห็นใจสาวงาม เมื่อนัยน์ตาสวยมองเห็นกำแพงเมืองตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า! และเธอเชื่อว่าหลังกำแพงนั้นต้องมีร้านอาหารอยู่แน่นอน!
ร่างเพรียวบางสมส่วนฝืนตัวเดินตามร่างสูงใหญ่ในเกราะเหล็กหนาสีดำทมิฬ ดวงตากลมแอบชำเลืองมองใบหน้าดุดันเย็นชาอยู่บ่อยครั้ง ใบหน้านั้นดูคุ้นตาเหมือนเคยเห็นในหนัง หรือไม่ก็ในวิดีโอเนื้อเรื่อง ซึ่งมันผ่านมานานมากแล้วจนเธอจำไม่ได้หรือสับสนไปเอง แต่ที่แน่ ๆ คือคุ้นตาเสียเหลือกัน
ร่างสูงใหญ่ในชุดเกราะหนาหยุดเดินทำให้ขบวนที่เดินมาตามข้างหลังหยุดเดินไปด้วย ในขณะที่อี้ฟานยังมึนงงอยู่นั้น ร่างของพวกเขาได้ทรุดตัวลงกับพื้นในท่าเคารพ ราวกับว่ามีคนที่อยู่ในตำแหน่งสูงกว่าปรากฏตัวออกมา
“ยินดีต้อนรับเหล่าทหารกล้ากลับเข้าเมือง ท่านประมุขได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับพวกเจ้าอย่างสมเกียรติ”
เสียงนุ่มทุ้มบ่งบอกถึงความใจดีมีเมตตาดังขึ้นจากข้างหน้า เมื่อได้สบสายตา หญิงสาวต้องเป็นฝ่ายผงะแทน
“ยินดีต้อนรับท่านผู้กล้าอี้ฟาน เป็นเพราะท่านเราจึงจับเจ้าคนทรยศกลับมาลงโทษได้”
นั่นมันผู้ประกาศภารกิจในเมืองหลวง เขามาทำอะไรที่นี่!
หลิวฮั่น!
อี้ฟานไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นสักเท่าไหร่ ว่าชายที่ชอบเดินลอยไปลอยมาเพื่อแจกจ่ายภารกิจให้กับจอมยุทธ์ฝึกหัด บัดนี้กลายเป็นเสนาธิการของพรรคฝ่ายดำ
เป็นเขาจริงหรือ ในเมื่อตัวละครที่เธอเห็นอยู่บ่อย ๆ นั้นเป็นแค่ระบบคอมพิวเตอร์ที่พูดคำพูดเดิมซ้ำ ๆ กันทุกวันและทุกครั้งที่มีคนมารับภารกิจ เว้นแต่ช่วงเวลาขายของ แต่หลิวฮั่นคนนี้มีความคล้ายคลึงกับมนุษย์มากกว่า ทั้งสีหน้า แววตา ท่าทาง การพูด ราวกับเขาเป็นนักแสดงฝีมือฉกาจผู้สวมบทหลิวฮั่นได้อย่างสมจริง
“ท่านผู้กล้าอี้ฟาน ชื่อเสียงเรียงนามของท่านเป็นที่รู้จักไปทั่วยุทธภพ ได้ออกมาต้อนรับท่าน หลิวฮั่นผู้นี้รู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก”
อี้ฟานมองชายตรงหน้า ความรู้สึกแปลก ๆ กำลังตบตีกันอยู่ในใจ ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นแค่คอมพิวเตอร์หรือคนจริง ๆ กันแน่
ราวกับเข้ามาอยู่ในภาพยนต์จริง ๆ
และการแสดงของตัวละครตรงหน้า... สมจริงเกินไปแล้ว!
อี้ฟานมองใบหน้าหล่อเหลากำลังแย้มยิ้มอย่างเป็นมิตร เพียงแต่รอยยิ้มนั้นดูเจ้าเล่ห์คุ้นตา
“เอ่อ...”
“วันนี้ฤกษ์งามยามดี ท่านประมุขได้จัดงานเลี้ยงขึ้นเพื่อบูชาเทพธิดาจันทรา จึงได้ถือโอกาสเชิญท่านอี้ฟาน”
ทำไมคำพูดถึงฟังดูกึ่ง ๆ บังคับชอบกล ราวกับว่าถ้าเธอไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงนั่น ก็จะไม่ผ่านภารกิจสินะ