อี้ฟานมองตามอย่างสงสัย สงสัยว่าเธอเกิดเดินหลงเข้ามาในกองถ่ายละครย้อนยุคจริง ๆ หรือกำลังเล่นเกมอยู่กันแน่
ทั้งบรรยากาศความคึกคักและฮึกเหิม พร้อมกับสภาพแวดล้อมรอบข้างทำให้เธอรู้สึกคล้อยตามอย่างบอกไม่ถูก
“ท่านอี้ฟาน”
อี้ฟานหันตามเสียงเรียกชื่อของตนโดยอัตโนมัติ
“แด่ความกล้าหาญของท่าน ข้าขอคารวะหนึ่งจอก”
“หนึ่งจอก?” อี้ฟานก้มมองจอกเหล้าในมือของตัวเอง ไม่รู้ว่ามันถูกรินจนเต็มตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่มันน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจ เท่าที่สัมผัสกลิ่นและรูป เหล้าตรงหน้าไม่มียาพิษอย่างที่คิดไว้ เมื่อเห็นคนข้าง ๆ ยกหมดรวดเดียวอี้ฟานจึงต้องทำตามอย่างเสียไม่ได้
หลังจากนั้นเหล่ากับแกล้มก็ค่อย ๆ ทยอยมาเสิร์ฟโดยนางกำนัลสาวสวยนับสิบ กลิ่นหอมของเนื้อย่างกระเทียมพริกไทยดำชวนน้ำลายสอ จนต้องหยิบขึ้นมาสูดดม อาหารในเกมนี้เป็นส่วนหนึ่งที่มีผู้คนพูดถึงมากที่สุด แม้ว่าสิ่งเหล่านั้นจะเป็นเพียงสิ่งสมมติที่ระบบสร้างขึ้น แต่สามารถทำให้ผู้เล่นเพลิดเพลินไปกับกลิ่นและรสได้อย่างอิสระ ราวกับได้ลิ้มลองอาหารจริง ๆ
เนื้อย่างชิ้นโตถูกความหิวของอี้ฟานกัดกินไปทีละจานสองจาน เพียงครู่เดียวจานอาหารได้ถูกวางซ้อนกันจนมีความสูงเกือบเท่าร่างขณะนั่งของหญิงสาว อี้ฟานไม่สนใจสายตาของคนรอบข้างในเมื่อนาทีนี้เธอหิวจนแทบจะกินช้างลงไปได้ทั้งตัว ยิ่งระดับตัวละครของเธออยู่ในระดับสูงด้วยแล้ว ค่าความพลังงานจากความอิ่มยิ่งต้องใช้เยอะกว่ามันจะกลับมาเป็นหลอดสีเขียวเหมือนเดิม ลำพังเนื้อย่างไม่กี่สิบจานทำให้ความหิวของเธอลดลงได้ไม่มากเท่าไหร่หรอก
เหล่าเสนาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มองสาวงามยัดเนื้อย่างชิ้นสุดท้ายเข้าปากและถูกกลืนลงคอไปพร้อมกับเหล้าอีกหนึ่งเหยือกใหญ่ ๆ อี้ฟานยกซดแบบไม่สนใจสายตาใคร ก่อนจะวางกระแทกลงพร้อมกับอาการเรอที่เก็บไม่มิด ภาพลักษณ์สาวงามเย้ายวนในสายตาของชายหนุ่มตอนแรกที่เห็นนั้น ยามนี้แตกละเอียดยิบไม่เหลือซากเมื่อเจอการกินอาหารที่แม้แต่ผู้ชายยังอาย
“เอิ้กกกก... อิ่ม” อี้ฟานแอบเรอออกมาอีกครั้งอย่างไม่สนใจสายตารอบข้าง ทำไมต้องสนใจในเมื่อเจอกันแค่วันเดียว คนรู้จักก็ไม่ใช่ เป็นแค่ตัวละครในเกมเท่านั้น
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ท่าทางท่านจะหิวจัดนะ” หลิวฮั่นหัวเราะ
เบา ๆ พร้อมเหลือบมองซากจานที่กองกันเป็นภูเขา
อี้ฟานมองคนข้าง ๆ ด้วยหางตา ก็คนมันหิว ลองไม่ได้กินอะไรสักวันหนึ่งสิ จะได้รู้ว่าความหิวที่เธอจ้องเผชิญนั้นมันทรมานขนาดไหน!
ว่าแต่แล้วเรื่องภารกิจล่ะ
อี้ฟานก้มมองดูหนังสือภารกิจของตนก็พบว่างานเลี้ยงใกล้จะจบลงแล้ว ภารกิจสุดท้ายเริ่มชัดเจนขึ้นจนหญิงสาวต้องเบิกตากว้าง อี้ฟานกะพริบตาสามครั้งเพื่อทดสอบว่าเธอไม่ได้เมาหรือง่วงหลังจากสวาปามอาหารมื้อใหญ่ไป ก่อนจะยกมือขยี้ตาอีกรอบเมื่อเห็นว่าข้อความไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป!
“เหล่าทหารทั้งหลาย ต่อไปจะเป็นการแสดงฝีมือของท่านผู้กล้าที่สามารถจับนักโทษแหกคุกได้ ข้าเชื่อว่าทุกคนย่อมอยากเห็นฝีมือที่แท้จริง! ข้า! หลิวฮั่น ขอเสนอให้มีการแข่งประลองฝีมือ โดยมีเงินรางวัลจากท่านประมุขสามร้อยตำลึง!”
“เฮ!!!”
เหล่าทหารทุกคนต่างพร้อมใจกันส่งเสียงเชียร์เพราะหวังในเงินรางวัล
อี้ฟานจำเป็นต้องทำตามอย่างเสียไม่ได้ ในเมื่อการประลองเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจที่เธอต้องทำ
ลานกว้างตรงหน้าถูกเปลี่ยนเป็นลานประลองโดยมีร่างเย้ายวนของหญิงสาวผู้มาเยือนยืนอยู่
อี้ฟานสะบัดร่มของตนไปมา หลังจากระบบอนุญาตให้เธอใช้อาวุธของตัวได้สักที หญิงสาวถอนหายใจยาวพร้อมกับมองค่าสถานะของตัวเองที่กลับมาสมบูรณ์เหมือนเดิม นี่คงเป็นวิธีการขุนหมูก่อนโดนเชือดในสนามประลองสินะ
เจ้าเงินสามล้านตำลึงนี่ก็ได้ยากได้เย็นเสียเหลือเกิน
แต่เธอจะถอดใจตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว ในเมื่อดันทุรังมาจนถึงขั้นนี้ มีทางเดียวคือต้องไปให้ถึงเส้นชัย แม้เส้นทางจะอาบไปด้วยเลือดก็ตาม
คู่ต่อสู้คนแรกเดินก้าวขึ้นมาบนลานประลองแปดเหลี่ยมท่ามกลางเสียงเชียร์จากเพื่อนทหารด้วยกัน ในขณะที่อี้ฟานไร้ซึ่งญาติมิตร ช่างโดดเดี่ยวเสียจริง
ทันทีที่เสียงระฆังดังขึ้น อี้ฟานใช้วิชาเร้นกายพุ่งเข้าโจมตีจากข้างหลังทันที ทหารหนุ่มถูกโจมตีจนติดสถานะมึนไปสามวินาที กว่าเจ้าตัวละรู้ตัวอีกทีปลายมีดก็จ่อเข้าที่คอหอยแล้ว
“ยะ ยอมแพ้” เจ้าตัวพูดอย่างจำยอมในสภาพของตน
คู่แรก อี้ฟานเอาชนะไปด้วยเวลารวมสามวินาที!
โคตรอ่อน! หญิงสาวคิดในใจ ถ้าให้เปรียบเทียบในตารางคู่ต่อสู้ เจ้าทหารคนนี้คงไม่มีรายชื่ออยู่ในพันคนด้วยซ้ำ ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งจะเคยเจอคนที่ยอมแพ้ภายในทักษะเดียวนี่แหละ!
ในขณะที่อี้ฟานกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น คู่ต่อสู้คนที่สองก็ได้ก้าวเข้ามาในลานประลองพร้อมกับขวานยักษ์ในมือ ดูจากรูปร่างและการเคลื่อนไหว อี้ฟานรู้ได้ทันทีว่าควรจะเล่นด้วยยังไง
หญิงสาววางร่มในมือลง แล้วหยิบเอามีดสั้นที่ซ่อนอยู่ออกมา ท้าทายด้วยรอยยิ้มที่เหนือกว่า ทำให้ผู้ท้าชิงรู้สึกเหมือนถูกหยามศักดิ์ศรี จนเป็นฝ่ายพุ่งเข้าหาเธอแทน
อี้ฟานเหยียดยิ้มให้กับการพุ่งเข้าใส่อย่างคนไร้ความคิด เขาคงไม่รู้ว่ามีดของเธอนั้นคมจนสามารถตัดเหล็กได้!
เคล้ง!
เสียงโลหะกระทบกันดังเป็นช่วง ๆ อี้ฟานจงใจลดความสามารถขอตัวเองเพื่อ “เล่น” กับคู่ต่อสู้ ถ้าเป็นคนด้วยกันอาจถูกด่าว่าเสียมารยาท แต่ในเมื่อเจ้าคนตรงหน้าเป็นแค่ระบบคอมพิวเตอร์ เพราะฉะนั้นเธอจะเล่นกับมันยังไงก็ได้ ในเมื่อพวกเขาอยากทดสอบฝีมือของเธอนัก ก็จะจัดให้สมใจ!
การล้มคู่ต่อสู้ตัวโตแถมไร้สมองไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนที่มีชื่อติดอยู่ในสิบอันดับแรก แต่ยากตรงที่สู้อย่างไรให้ไม่รู้สึกเบื่อมากกว่า!
อี้ฟานเหวี่ยงร่างที่สลบไม่ได้สติไปกองกับพื้นหน้าเพื่อนเหล่าทหาร หลังจากถูกเธอจี้จุดตายไปสองที สิบวินาทีที่เล่นด้วยไม่ทำให้เธอหายเบื่อได้เลย ไม่รู้ว่าต้องสู้กับอีกกี่คนเธอถึงจะจบสิ้น เธออยากออกไปจากที่นี่เต็มทีแล้ว
หญิงสาวสะบัดคอไปมา ก่อนลากเก้าอี้มานั่งรอตรงกลาง เมื่อไม่เห็นว่าจะมีใครก้าวเข้ามาสู้กับเธออีก
อี้ฟานกลอกตาไปมา พร้อมกับเรียบเรียงคำพูดในหัว
ถ้าเป็นทหารที่เจอเมื่อตอนบ่ายขึ้นมาสู้กับเธอ บางทีเธออาจจะไม่พูดคำพวกนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงที่แท้จริงของตัวเองก็ได้
“นี่... ฉันเบื่อจะเล่นกับพวกลูกกระจ๊อกแล้ว ออกมาพร้อม ๆ กันนั่นแหละ รีบทำให้มันจบสักที”
“อ๊ากกกก!”
อี้ฟานเหวี่ยงทหารพรรคฝ่ายดำคนสุดท้ายจนร่างกระแทกอัดกับกำแพงอย่างแรง เท้าเรียวงามตวัดเตะกลางลำตัวของทหารอีกคนที่นอนร้องโอดโอยจนตัวลอยไปอัดกำแพงอีกฝั่ง นาทีนี้ในสมองของเธอไม่มีคำว่าสงสาร มีแต่คำว่าเมื่อไหร่ภารกิจบ้า ๆ นี่จะจบสักที ภารกิจที่ดูดเวลาชีวิตของเธอมากเกินไป
นัยน์ตาสวยตวัดมองเหล่าทหารที่มองเธอเหมือนสัตว์ประหลาด ก่อนหันกลับไปมองเจ้าคนต้นเรื่อง ถ้าเป็นไปได้ก็อยากลากลงมาอัดบนลานประลองสักรอบ ในข้อหาแจกจ่ายภารกิจเสียเวลาแบบนี้มาให้เธอ
หลิวฮั่นยิ้มพอใจในผลงานของจอมยุทธสาว แม้จะดูเป็นอันตพาลไปบ้างขัดกับรูปลักษณ์ภายนอก แต่ฝีมือการล้มทหารฝีมือดีทีเดียวเป็นสิบนั้นน่าประทับใจยิ่งกว่า
“นี่! ต้องทำอะไรอีก” เสียงหวานใสตะโกนถามคนจ่ายภารกิจเมื่อไม่มีเสียงประกาศจากระบบ
“ฝีมือเยี่ยมยอดไม่จำเป็นต้องพูดมาก” หลิวฮั่นกล่าวชมพอเป็นพิธี ริมฝีปากเหยียดยิ้มเมื่อต้องประกาศภารกิจสุดท้าย “และรางวัลจากท่านประมุขจะเป็นของท่าน เมื่อท่านเป็นคนสำเร็จโทษเจ้าคนทรยศได้”
ตึง!