สถานะเมีย - 2

1327 Words
สิบห้านาทีต่อมา "ขึ้นรถ" เสียงทุ้มบอกฉันรอบที่ล้านได้ "ใครบอกว่าฉันจะกลับรถนาย" ฉันเชิดหน้าเอียงใบหน้ามองไปทางซ้ายเพื่อรอรถอีกคัน "ฉันบอกแล้วว่าจะมารับ" "ใช่นายบอก แต่ฉันบอกตอนไหนว่าจะกลับ ๆ นาย?" คนถูกย้อนถึงกับเถียงไม่ออก ก่อนที่จะได้เอ่ยอะไร เสียงแตรรถอีกคันที่เพิ่งขับเข้ามาก็ดังขึ้น ปี้น ปี้น ฉันยิ้มดีใจที่เห็นรถสปอร์ตสีน้ำเงินเข้มขับเข้ามาจอดตรงหน้า "มาทำไมวะ" ได้ยินกิเลนสบถอย่างหัวเสีย ส่วนฉันเดินลอยหน้าลอยตาผ่านเขาไปหาเจ้าของรถคันที่เพิ่งมาใหม่ ปัง!! เสียงประตูปิดลงหลังจากเจ้าของรถคันงามลงจากรถเรียบร้อย ผมสีแดงเพลิงของเขาทำฉันส่ายหน้าไปมา ไม่ใช่ว่าคนทำไม่หล่อ เบ้าหน้าคมคาย จมูกโด่งเป็นสัน ผิวขาวจนผู้หญิงบางคนยังอาย เขาเหมาะกับผมทุกสีอยู่แล้ว แต่ที่ฉันส่ายหน้าเพราะสีผมมันโดดเด่นสะดุดตาเกินไป "อ้าว มึงมาทำอะไรตรงนี้" ทันทีที่คนเพิ่งมาถึงเห็นอีกคนที่มาถึงก่อนก็ชี้นิ้วถามทันที "ผมต้องถามเฮียมากกว่าว่ามาทำอะไร" กิเลนที่ถูกถามรีบเดินวนซ้ายวนขวาถาม 'เฮียราชย์' หรืออีกชื่อคือ 'เฮียราชันย์' ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด "แยมโทร.ตาม" เฮียราชันย์ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับฉันเอ่ยตอบ "ทำไมเธอเข้าใจอะไรยากจังวะ ฉันก็บอกแล้วว่าจะมารับ แล้วจะโทร.เรียกคนอื่นมาอีกเพื่อ?" ฉันทำหูทวนลมไม่สนใจเสียงแว้ด ๆ เหมือนผู้หญิงของกิเลน "ทะเลาะอะไรกันอีก ทำเหมือนผัวเมียตีกัน" สายตาเย็นชาเหลือบมองฉันสลับกับเพื่อนสนิทในกลุ่มอีกคน "อย่าพูดแบบนั้นบ่อยดิเฮีย น้องเฮียน่ะคงไม่มีใครเอา" "ไอ้กิล!!" ฉันทนไม่ไหวที่จู่ ๆ หมอนี่ก็มาดูถูกฉัน หาว่าคนอย่างฉันจะไม่มีใครคบเป็นแฟน "แสบหู" เฮียราชันย์ยกนิ้วแคะหูสำทับคำพูด "เห็นมั้ย นิสัยก้าวร้าว ไม่รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่” “แถมยังชอบเถียงคำไม่ตกฟาก ขัดคำสั่งก็แล้ว" "ไม่ใช่พ่อ อย่ามาเยอะ!" "แยมโรล" เฮียราชันย์เรียกชื่อฉันด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความไม่ชอบใจที่ฉันเล่นสิ่งที่ไม่ควรเล่นเข้า "ชิ!!" ถึงกับจิ๊ปากไม่พอใจที่ฉันถูกดุอยู่คนเดียว ก็เมื่อกี้มันทนไม่ไหวอะ ดูไอ้หมาบ้ากิเลนมันว่าฉันฉอด ๆ ดิ ทำอย่างกับว่าเราสองคนเป็นอะไรกันงั้นแหละ คิดจะสั่งสอนคนอื่น ควรมองดูตัวเองก่อนนะว่าสมควรสอนใครเขามั้ย "สรุปเรียกเฮียมาเพื่อฟังเราสองคนทะเลาะกัน?" คิ้วดกดำของเฮียราชันย์เลิกขึ้น มือสองข้างยกกอดอกเอนหลังพิงตัวรถท่าทางมาดเท่ "เฮียกลับไปเถอะ ผมอาสาจะไปส่งยัยนี่เอง" "ไม่ แยมจะกลับพร้อมเฮีย" "แต่ฉันบอกเธอก่อนหน้านี้แล้วว่าจะมารับ" "งั้นก็ฟังให้ชัด ๆ ตรงนี้อีกทีเลยนะว่า ฉัน ไม่ กลับ กับ นาย!!" ฉันเน้นท้ายประโยคทีละคำ เผื่อคนสมองน้อยอย่างกิเลนจะเข้าใจ ปัง!! "เฮ้ยเฮีย!!" "หึ!" ฉันตกใจที่จู่ ๆ ลูกพี่ลูกน้องฉันก็ขึ้นรถปิดประตูดังปังก่อนจะสตาร์ทรถเตรียมชิ่ง "ใครจะกลับพร้อมใครก็ตามสบาย ฉันไม่มีเวลามาฟังเรื่องไร้สาระแบบนี้" "เฮ้! เฮียราชย์ อย่าทำแบบนี้นะ เฮียราชย์!!" ฉันตะโกนเรียกตามหลังแลมโบร์กินีสีน้ำเงินเข้มที่วิ่งลิ่วออกจากหน้าสตูดิโอเพื่อนรักฉัน "เธอนี่มันชอบสร้างเรื่องจริง ๆ" "..." รีบหันขวับกลับมามองไอ้ปากหมาด้านหลังก่อนจะเอ่ยขึ้นช้า ๆ "คนสร้างเรื่องน่ะนาย หัดมองความผิดตัวเองบ้าง" "ผิด? ฉันเนี่ยนะผิด" "ก็เออไง ถ้านายไม่วิ่งแจ้นมายุ่งเรื่องฉัน ไม่อยากมารับฉัน ฉันคงไม่โทร.ไปรบกวนเฮียราชย์แบบนี้!" คนอย่างกิเลนนี่มันยังไงกันนะ ตัวเองก่อเรื่องให้วุ่นวายแท้ ๆ ยังมาโทษฉันอีก "ฉันบอกเธอแล้วว่าจะมารับ" ได้แต่ถอนหายใจแล้วกรอกตามองบน "ฉันเบื่อที่จะเถียงเรื่องนี้กับนายแล้วนะกิล ฉันจะกลับ" "ก็แค่นี้" หมับ!! "ทำอะไรน่ะ" ฉันมองแขนตัวเองที่ถูกมือหนาจับไว้ "ก็เธอบอกจะกลับ" "ใช่ แล้วนายจะมาจับแขนฉันไว้ทำไม" "ก็จะพาไปขึ้นรถไง" ฟู่... สรุปหมอนี่จะเอาแบบนี้ให้ได้ใช่ไหม พูดจนปากเปียกปากแฉะหลายรอบยังไม่เข้าใจอีก "ฟังนะ..." "อ้อ นึกออกแล้ว" ฉันยังอ้าปากพูดไม่ทันจบดี กิเลนก็สวนแทรกขึ้นมา "หรือว่าที่เธอจงใจอยากหนีหน้าฉันเพราะอายที่เมื่อคืนเธอเป็นฝ่าย...” “...จูบฉันก่อน" อ..ไอ้บ้า!! นายนี่ไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลย ทำไมถึงได้กล้าคิดแบบนั้น ไม่สิ แค่คิดไม่ผิดเพราะฉันไม่อาจรับรู้ได้ แต่หมอนี่ดันพูดออกมาโต้ง ๆ แถมยังเสียงดังอีกต่างหาก แบบนี้มันไม่ให้เกียรติฉันเลยอะ "คิดได้ไง" ฉันถามกลับอย่างหาเรื่อง "แค่จูบห่วย ๆ กับคนไม่เอาไหนอย่างนาย ฉันไม่หนีหน้าให้เสียศักดิ์ศรีหรอก" "เหรอ? พูดน่ะพูดง่าย แต่ดูจากการกระทำเธอแล้วฉันว่าฉันคิดไม่ผิด" หึย!!! โมโห ไม่เคยเกลียดขี้หน้าใครเท่าไอ้บ้ากิเลนมาก่อนบอกเลย ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง ฉันรีบตรงไปขึ้นรถเฟอร์รารี่สีเหลืองแสบตาคันนั้นทันที คนอย่างแยมโรลฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ ฉันไม่เคยเอาเรื่องเมื่อคืนมาใส่ใจ แต่ถ้าหมอนั่นคิดว่าที่ฉันไม่อยากให้เขาไปส่งเพราะฉันอายเรื่องนั้นล่ะก็... ฉันก็พิสูจน์แล้วนี่ไงว่าจูบเมื่อคืนไม่สามารถทำอะไรแยมโรลคนนี้ได้สักนิดเดียว ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน พอตื่นมาอีกทีรู้สึกถึงความมืดสลัว ๆ ครั้นขยี้ตาเพื่อปรับโฟกัสจึงรู้ว่านี่คือชั้นจอดรถที่ไหนสักที่ "เดี๋ยวนะ!?" กำลังจะเปิดลงจากรถเพราะคิดว่าเป็นคอนโดฯ ตัวเอง แต่พอมองบริเวณรอบ ๆ ชั้นจอดรถชั้นนี้แล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่ "นายพาฉันมาที่ไหนเนี่ย!" รีบหันไปแว้ด ๆ ใส่คนข้าง ๆ ที่นั่งใช้มือขวาวางพาดพวงมาลัยรถหันหน้ามองฉันกวน ๆ อยู่ก่อนแล้ว "คอนโดฯ ไง" ดูความกวนประสาทของหมอนี่แล้วกัน "กิล ฉันรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่คอนโดฯ ฉัน” “ทั้ง สอง ที่" ฉันเน้นท้ายประโยคชัด ๆ อย่างหัวเสีย นี่เหนื่อยนะ วันนี้ถ่ายแบบตั้งแต่เช้าจนบ่ายแก่ ๆ ข้าวก็กินไม่ค่อยลงเพราะยังแฮงค์อยู่ แถมยังต้องมาจิกกัดกับไอ้เพื่อนบ้าข้าง ๆ นี่อีก มันเหนื่อยมากบอกเลย "ก็เธอบอกว่าที่ไหนก็ได้" ถึงกับอ้าปากเหวอ ฉันพูดแบบนั้นจริง แต่ฉันหมายความว่า ให้เขาเลือกเอาคอนโดฯ ใดคอนโดฯ หนึ่งที่ฉันพักอยู่ "แล้วตกลงนายพาฉันมาที่ไหน" สูดอากาศเข้าปอดลึก ๆ พยายามข่มอารมณ์ไม่ให้ปรี๊ดแตกไปมากกว่านี้แล้วถามเขา "ขึ้นไปเดี๋ยวก็รู้เอง" แทนที่ถูกถามแล้วจะตอบ เสียมารยาทไม่พอ ยังเดินดุ่ม ๆ ตรงไปกดลิฟต์ที่อยู่ไม่กี่เมตรจากตรงที่เขาจอดรถไว้ มองเห็นสติ๊กเกอร์ตัวหนังสือขนาดใหญ่ติดอยู่ที่หน้าประตูลิฟต์ 'V.I.P ONLY!!'
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD