จนเสียงหนึ่งที่ดังแทรกขึ้นมา
"คุณ...." เขาหันกลับไปเห็นนลินวิภายืนทำท่าเจี๋ยมเจี้ยมแบบเกรงอกเกรงใจเล็กน้อย
"มีอะไร"
"ฉันเรียกตั้งหลายครั้งแน่ะ ฉันอยากจะถามคุณว่าคุณมีแอปเปิลเพนซิลไหม ถ้าไม่มีฉันจะฝากซื้อพอดีฉันต้องใช้ทำงานน่ะ" เธอมาถามหาดินสออิเล็กทรอกนิกส์แบบบลูทูธที่ใช้เขียนหน้าจอไอเเพด เขาได้ยินเธอบอกว่าปรกติจะใช้แท็บเลตและมีดินสอไว้เขียนงานด้วย
"ผมมี" เขาเดินไปหยิบให้เธอ
"ขอบคุณค่ะ" หญิงสาวได้ของที่ต้องการแล้วก็ผลุนผลันออกไปเหมือนเด็กได้ของเล่นแล้วจะไม่สนใจอะไรอีก
เขามองตามไปแล้วคิ้วของเขาก็เลิกขึ้นสูง เมื่อเธอหันขวับกลับมาเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้...
"ฉันต้องเรียกคุณว่าอะไร โฮป หรือว่า วิษุวัต"
"โฮป" เขาบอก
เป็นเธอที่เป็นฝ่ายเลิกคิ้วเพราะความสงสัยบ้าง
"ทำไมเหรอ" เขาถาม
"นึกว่าจะให้เรียกชื่อเต็มเพราะไม่สนิทกันซะอีก"
"เราลงเรือลำเดียวกันขนาดนี้แล้ว ผมว่าเราสนิทกันนะ"
"เอาอย่างนั้นก็ได้ ขอบคุณนะ" หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงักแล้วเดินออกไปทำงานต่อ ส่วนวิษุวัตยังยืนนิ่งค้างอยู่อย่างนั้นมองเห็นความสบายอกสบายใจของนลินวิภาตอนที่อยู่กับเขาแล้วก็ยิ้มน้อยๆ
วิษุวัตไม่เสียใจสักนิดที่เชลยซึ่งควรถูกทรมานรีดนาทาเร้นเอาความจริงที่ยังปกปิดกลับอยู่อย่างเป็นสุข เพราะว่าเป็นเขาเองนั่นล่ะ ที่ต้องการให้เธอรู้สึกอย่างนั้น
ชายหนุ่มนั่งมองคนที่ขีดๆ เขียนๆ อยู่บนจอไอแพดของเขาโดยที่เธอไม่รู้ตัว วันทั้งวันเธอสามารถอยู่กับเจ้าอุปกรณ์นี้โดยไม่เบื่อแม้จะผ่านมาสามวันเธอก็ดูเหมือนจะทำงานของเธอสลับกับโปรแกรมบันเทิงต่างๆ ที่เธอเข้ารับชม เขาได้ข้อมูลนี้จากตอนที่เอาไอเเพดไปให้ทีมไอทีสืบค้นข้อมูลการใช้ในตอนที่นลินวิภาหลับ แต่ผ่านมาหลายวันเขากลับไม่ได้อะไร ในขณะที่งานของนลินวิภาเป็นรูปเป็นร่างขึ้น รูปวาดที่เธอวาดเล่นๆ แต่ฝีมือไม่สมัครเล่นในแกลอรี่ของแอพพลิเคชั่นวาดภาพก็เพิ่มขึ้นหลายรูปเรื่อยๆ
เขาคงเป็นผู้คุมที่ใจดีมาก เพราะผ่านมาหลายวัน นักโทษของเขาก็ดูมีความสุขกับอาหารอร่อยและกิจกรรมที่ได้ทำ ดูเหมือนเธอเองก็ให้ความสนิทสนมไว้เนื้อเชื่อใจเขา แม้จะนอนห้องเดียวกันเตียงเดียวกันแต่คนละฝั่งเขาไม่ได้แตะต้องเธอ นั่นยิ่งทำให้เขาเข้าถึงเธอได้มากขึ้นเพราะเธอสนิทใจกับเขาแล้ว
แต่ก็แน่นอนว่าเขาไม่ได้ข้อมูลอะไร รู้เพียงแต่ว่าเมื่อใดที่พูดถึงเอวิตาเขาจะเห็นว่าแววตาของหญิงสาวฉายแววเกลียดชังขึ้นมา จะว่าเอวิตาไปแย่งแฟนอย่างที่เคยได้ยินก็เป็นไปไม่ได้เพราะข้อมูลชี้ชัดว่านลินวิภากับทินไม่ได้เป็นแฟนกันแน่ๆ เพราะว่าอยู่คนละประเทศกันมาตลอด เท่าที่รู้จากเอวิตาคือทินเข้าประเทศไทยมาเฉพาะช่วงที่คบหากับเอวิตาเท่านั้น ส่วนนลินวิภาไม่ได้อยู่ที่เดียวกับทินเลยดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ เขาเองก็อยากรู้แต่ว่าผู้ร้ายปากแข็งตรงหน้าไม่ยอมปริปากอะไร
ดูเหมือนหญิงสาวจะรู้สึกถึงการโดนจ้องมองเธอเลยเงยหน้ามาและเห็นว่าเขาไม่ได้ดูหนังที่เปิดเอาไว้ในหน้าจอโทรทัศน์
"มีอะไรเหรอ"
"แค่กำลังคิดว่า พี่อาคินกลับมาเจอผมรีดข้อมูลอะไรจากคุณไม่ได้แถมคุณมีความสุขขนาดนี้แล้วเขาจะฆ่าผมด้วยวิธีไหน"
"จะกลัวทำไม ฉันยังไม่กลัวเลย" เธอพึมพำ "เขากลับมาก็คงต้องปล่อยฉันเพราะขังไว้ก็เปลืองข้าวสุกเปล่าๆ เดี๋ยวก็คิดได้เองว่าที่ทำอยู่นี้มันไร้ประโยชน์"
นั่นคงเป็นสิ่งที่หญิงสาวต้องการให้เกิดขึ้นสินะ วิษุวัตยิ้มมุมปาก
"พี่อาคินหายไปสามวัน ไม่คิดว่าเขาไปตามหาไอ้ทินจนเจอแล้วบ้างเหรอ"
สีหน้าเธอเปลี่ยนเล็กน้อยแต่ก็ทำเป็นไม่แคร์อะไรเหมือนเดิม
"ฉันแอบได้ยินป้าแตนคุยกับการ์ดข้างนอกบอกว่าที่ผับมีคนทำร้ายกันจนโคม่า ตำรวจเข้าเยอะช่วงนี้ เขาเลยยุ่งทางนั้น ไม่ได้ไปหาทินหรอก" เพราะพยายามหนีไปที่หน้าประตูทางออกเพนธ์เฮาส์ตอนคนอื่นเผลอหลายรอบแล้วแต่ว่าก็ยังเจอการ์ดอยู่ แต่ว่าวันสองวันมานี้เจอคนเฝ้าลดจำนวนลง และได้ยินป้าแตนคุยกับคนที่เหลือว่าอีกสองคนกลับไปดูที่ผับเพราะกำลังมีเรื่องและยุ่งพอควร...
"คุณนี่เด็ดเดี่ยวไม่กลัวอะไรแล้วเอาตัวรอดเก่งกว่าที่ผมคิดเยอะเลยนะ"
"ฉันแค่ต้องเข้มแข็งและดูแลตัวเองน่ะ" คำตอบพร้อมแววตาหม่นเศร้าลึกๆ ของคนพูดทำให้วิษุวัตมองอย่างสนใจ มันคงเกี่ยวข้องกับการที่นลินวิภาโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แล้วเธอก็หันมายิ้มบานเเฉ่งแข่งกับทานตะวันให้เขาหนึ่งครั้ง "แต่ตอนนี้ที่ฉันรอดได้ก็เพราะคุณขอบคุณนะที่ช่วยฉัน ฉันจะไม่ลืมเลยว่าในโลกนี้ยังมีคนดีๆ อย่างคุณอยู่"
วิษุวัตทำหน้าแปลกๆ คนชมเลยรู้ว่าเขาคงไม่ชินกับการโดนชมและคำขอบคุณสักเท่าไหร่
"ไม่ต้องชมผมหรอก แต่ตอนพี่อาคินมาก็แสดงให้เนียนแล้วกันว่าเกลียดผมและโดนผมกระทำรุนแรงด้วย ไม่ต้องห่วงเรื่องป้าแตนกับการ์ด ผมตกลงกับพวกเขาไว้แล้วว่าห้ามบอกพี่อาคินว่าตอนที่เราอยู่ที่นี่ผมไม่ได้ทำร้ายคุณเหมือนที่เขาสั่ง"
"อื้อ ฉันจะจำไว้"
เธอบอกแล้วก็สะดุ้งเพราะว่าได้ยินเสียงคนเดินมาจากทางประตูเพนธ์เฮาส์ วิษุวัตหันไปตามเธอ ตอนแรกเข้าใจว่าอาคิน กลับมาแต่คนที่เห็นตรงหน้ากลับเป็นซี เขาลากกระเป๋าเดินทางขนาดสามสิบนิ้วอีกมือหนึ่งเกี่ยวเสื้อกาวน์ที่มีเส้นด้ายสีเขียวปักชื่อ นายแพทย์ศิวา เทพศิวา เด่นหราอยู่บอกชัดว่าเขาไม่ใช่หมอเถื่อนแม้จะเจาะเลือดเธอได้เจ็บจนขนลุกทุกครั้งที่เห็นหน้าเขา