ตอนที่หนึ่ง ความเจ็บที่ฝากไว้ 2

1712 Words
หมายเลขที่คุณเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้... เสียงตอบรับจากสัญญาณอัตโนมัติทำให้ ทิน ปีเตอร์สันขมวดคิ้วเล็กน้อย เวลานี้นลินวิภายังไม่ได้ขึ้นเครื่องบินและควรรับสายเขาได้ หากแต่การไม่ได้รับสัญญาณตอบรับจากเธอทำให้เขาเป็นห่วงเล็กน้อยว่าการเดินทางของเธอจะราบรื่นหรือเปล่า เมื่อติดต่อไม่ได้เช่นนี้เขาคงทำได้เพียงแต่รอฟังข่าว เพราะตอนนี้เขาอยู่อีกซีกโลกหนึ่งแล้ว... มือที่ถือแก้วไวน์สีแดงเข้มหมุนแก้วเล็กน้อย เขาอยู่บนรถลีมูซีนที่เพิ่งมารับเขาจากสนามบินในเมืองซิดนีย์กลับไปพักผ่อนที่บ้านหลังจากที่เขากลับไปทำภารกิจร่วมกับนลินวิภาที่ไทยร่วมสองเดือน การให้บทเรียนผู้หญิงที่ร้ายกาจยิ่งกว่าแม่มดคนนั้นคือภารกิจหนึ่งเดียวที่เขาทุ่มสุดตัวเพื่อความสำเร็จ และเขาก็ทำได้ นลินวิภาเป็นผู้ช่วยให้ความสำเร็จนั้นสวยงามสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เขายกไวน์ขึ้นมาจิบพลางนึกถึงแววตาร้าวรานคู่นั้นของเอวิตา เธอเจ็บมากมายเช่นนั้นก็ดี จะได้เข้าใจว่าที่ผ่านมาก็เคยสร้างความเจ็บปวดให้กับคนอื่น เธอจะได้รู้บ้างว่าความรู้สึกนั้นเป็นเช่นไร "นท ฉันแก้แค้นให้นายสำเร็จแล้วนะ... ผู้หญิงคนนั้นหลงรักฉันเจียนคลั่งแล้วฉันก็สลัดทิ้งเหมือนผ้าขี้ริ้วผืนหนึ่งเท่านั้น... สะใจซะไม่มี" เขาพึมพำกับตัวเอง แล้วจากนั้นไวน์ก็ถูกยกมาดื่มรวดเดียวจนหมดแก้วเพื่อเฉลิมฉลอง แววตาเยือกเย็นสะท้อนอารมณ์ดำมืดในจิตใจของเขาฉายแววระริกวูบหนึ่งขึ้นมา ดวงหน้านิ่งเรียบมีเพียงมุมปากที่ยกยิ้มน้อยๆ ยามเมื่อนึกถึงภาพน้ำตาเต็มดวงหน้าของเอวิตาในตอนที่เขาบอกว่าเลือกคนอื่นไม่ใช่เธอ ความเจ็บปวดในดวงตาคู่นั้น เป็นสิ่งที่เขาทุ่มเทมากเหลือเกินเพื่อให้ได้มา... แต่มันก็คุ้มค่าเพราะความเสียใจทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่เอวิตาต้องชดใช้ให้กับคนที่เธอเคยทำร้าย แม้ว่าคนคนนั้นไม่มีโอกาสตื่นมารับรู้ว่าเอวิตาได้รับการลงโทษแล้วก็ตามที แต่อย่างน้อยเขาก็ทำการเอาคืนเพื่อให้คนที่จากไปได้ตายตาหลับ... เหตุแห่งการเฉลิมฉลองวันนี้คือความสำเร็จที่เขาทำหน้าที่พี่ชายให้กับน้องชายผู้ล่วงลับอย่างเต็มที่แล้ว หลังจากนี้เขาจะใช้ชีวิตของตัวเองอย่างที่เคยเป็นมาแล้วทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง รวมทั้งเอวิตาก็จะไม่มีความหมายสำหรับชีวิตของเขาอีกต่อไป ในห้องที่แอร์เย็นเฉียบ หญิงสาวกะพริบตาถี่ๆ ภาพที่พร่ามัวจึงค่อยแจ่มชัดขึ้น จากนั้นเธอก็เริ่มคิดว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหนกันแน่ ความทรงจำสุดท้ายก่อนทุกอย่างจะเลือนรางคือ เธอเรียกรถแท็กซี่จากโรงแรมเพื่อไปสนามบิน ตอนที่เธอลากกระเป๋าใบโตลงไปรอรถนั้นก็มีรถตู้คันหนึ่งมาจอด และทันทีที่มันเปิดคนที่หน้าตาดูไม่เหมือนคนร้ายเลยสักนิดก็เอาผ้ากลิ่นฉุนมาโปะจมูกเธอแบบไม่ทันตั้งตัว แล้วเธอก็หมดสติไป นลินวิภาขยับตัวอย่างเมื่อยขบ เธอตื่นหลังจากที่หลับไปนานแค่ไหนไม่รู้ หญิงสาวลืมตาแล้วกวาดตามองสถานที่ที่ไม่เคยคุ้น เธอถูกมัดมือมัดขาและนอนอยู่บนเตียงนุ่มท่ามกลางห้องนอนที่ตกแต่งเรียบๆ แต่หรูสะบัดในสายตาคนทำงานตกแต่งภายใน หากไม่อยู่ในสถานการณ์นี้เธอคงห่อปากและชื่นชมห้องนี้ได้อย่างเต็มที่เพราะความพิเศษของดีไซน์และความเป็นเอกลักษณ์ของเฟอร์นิเจอร์ โทนสีเข้มของห้องดูขรึม แต่อบอุ่นอย่างประหลาด เดี๋ยวก่อนยายนิ้ง... อย่าเพิ่งชื่นชมห้องนี้ เธอถูกใครก็ไม่รู้จับตัวมานะ หญิงสาวเตือนตัวเอง เสียงคนสองสามคนแว่วเข้าหูทำให้สมองของนลินวิภาตื่นตัว หากแต่เมื่อเสียงใกล้เข้ามาเธอกลับเลือกหลับตาเหมือนกับว่ายังไม่ตื่น... "ใครสั่งให้เอาขึ้นมาไว้ที่เตียงของฉัน" เสียงทุ้มเย็นดังนำขึ้นมาก่อน "ขอโทษครับคุณอาคิน" "ออกไปได้แล้ว" เสียงของคนที่น่าจะชื่ออาคินบอก แล้วก็มีเสียงคนเดินออกไป นลินวิภานิ่วหน้า เธอไม่เคยรู้จักคนชื่ออาคิน เจ้าของเสียงน่าขนลุกคนนั้น ในขณะที่คิดแขนของเธอก็ถูกคว้าหมับแล้วเธอก็รู้สึกเหมือนตัวลอยนิดหน่อยก่อนจะปลิวลงไปกองบนพื้นห้อง โชคดีที่เป็นพื้นพรมไม่เช่นนั้นแล้วเธอคงไม่ต้องแกล้งหลับเพราะแรงกระแทกอาจจะทำให้สลบ หรือไม่ก็ตายไปเลยก็ได้ ไอ้หมอนี่ไม่อ่อนโยนกับเธอเลย... เมื่อการแกล้งตายไม่ได้ผล หญิงสาวตัดสินใจลืมตาขึ้นมองคนที่ยืนตระหง่านอยู่ ดวงตาคมเข้มประสานสายตาคนที่อยู่ต่ำกว่าก่อนจะกวาดมองหัวจดเท้า... นลินวิภากะพริบตาเมื่อเห็นสายตาเกลียดชังที่จ้องมองมาจนขนลุกขนพองไปหมด เธอไม่เคยรู้จักเขามาก่อน! "นายเป็นใคร จับฉันมาทำไม" เธอตะโกนถาม แต่เสียงกลับแหบแห้งกว่าที่คิด เขาก้าวเข้ามานั่งทับส้นและมองหน้าเธอใกล้ขึ้นกว่าที่เคย ความเกลียดชังจากคนที่ไม่รู้จักทำให้เธอตัวเกร็งขึ้นมาเล็กน้อย มองใบหน้าหล่อคมที่องค์ประกอบไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผมทำให้เกิดภาพรวมที่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขาไม่ธรรมดา พอมองแล้วรู้สึกคุ้นแต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน เธอทำงานและเจอคนระดับนี้มาไม่ถ้วน แต่เธอแน่ใจมากว่าถ้าเคยเจอคนที่สมบูรณ์แบบอย่างคนตรงหน้าเธอคงไม่ลืมจนหลงเหลือแค่ความคลับคล้ายคลับคลาแน่... "เป็นเจ้าของชีวิตเธอจากนี้ยังไงล่ะ" ถ้าเป็นคนอื่นพูดเธอคงคิดว่าเขาเล่นตลก แต่สีหน้าจริงจัง และความดุร้ายที่เเผ่มานั้นของจริงล้วนๆ ทำให้เธองงจนพูดไม่ออก "..." "โทรหาไอ้ทิน บอกให้มันกลับมาช่วยเธอ" เขาเปิดเครื่องโทรศัพท์ของเธอมาให้เเล้วก็จัดการใช้สแกนใบหน้าเธอปลดล็อก เลื่อนหาสายเรียกเข้าล่าสุดที่เธอบันทึกชื่อทินไว้แล้วกดโทรออก หัวสมองของนลินวิภาเริ่มโลดเเล่น ดวงตาเบิกกว้างเมื่อนึกได้แล้วว่าทำไมคุ้นหน้าเขา พอเขาพูดถึงทินเธอก็เห็นหน้าของเขาซ้อนทับกับเอวิตา ผู้หญิงร้ายกาจที่เธอกับทินเพิ่งให้บทเรียนอย่างสาสมไป... พวกเขาหน้าเหมือนกัน แต่ทำไมเธอไม่รู้มาก่อน เข้าใจว่าเอวิตาตัวคนเดียวเสียอีก "ว่าไงนิ้ง บินหรือยัง" เธอเงียบปาก ไม่เอ่ยตอบคนปลายสาย "ไม่ได้บิน และก็ตกอยู่ในกำมือของกูแล้ว มึงบินกลับไทยมาช่วยแล้วกันถ้าอยากให้ผู้หญิงคนนี้มีลมหายใจอยู่" "มึงเป็นใคร” "เป็นพี่ชายของอีฟ" เขาบอกแล้วก็กดวางสาย นลินวิภาตาเบิกกว้าง เธอเชื่อว่าทินคงอึ้ง พอๆ กับที่เธออึ้ง... โทรศัพท์ของนลินวิภาดังขึ้นอีกครั้ง คนที่ถือมันอยู่รับสายแต่ยังไม่ทันจะพูดอะไร หญิงสาวก็แย่งพูดขึ้นมาก่อน "ทินอย่าไปเชื่อเขา ไม่ต้องเป็นห่วง นิ้งเอาตัวรอดได้..." เขาเอื้อมมือไปปิดปากเธอ จนเหลือแต่เสียงอู้อี้ "เอาตัวรอดได้งั้นเหรอ ผ่านคืนนี้ไปก่อนให้ได้แล้วกัน" อาคินบอกเสียงเข้มให้คนปลายสายได้ยินด้วย หญิงสาวตอบกลับเสียงอู้อี้ มองเขาตาขวาง แล้วอาคินก็กดวางสายแล้วก็ปิดเครื่องไป “ฉันจะให้เวลามันสักหน่อยก็แล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยจะเปิดเครื่องคุยกับมันอีกรอบ” เสียงพูดนั้นค่อนข้างเยือกเย็นนัก นลินวิภาคิดว่าเขาเป็นพี่ชายของเอวิตา ก็คงร้ายกาจพอๆ กับน้องสาว ดูจากการกระทำที่ทำกับเธอก็รู้ แววตาของคนที่ถูกมัดอยู่ก็วาวโรจน์ขึ้นมาด้วยความเกลียดชัง คนพวกนี้ร้ายกาจกันทั้งบ้าน แต่เธอไม่กลัวหรอก เมื่อเห็นท่าทางต่อต้านส่งผ่านมาทางแววตา มือหนาของเขาเอื้อมมาบีบคางเธอแน่น "เธอกับไอ้ทินทำลายชีวิตน้องสาวของฉันไว้แค่ไหน ฉันจะเอาคืนให้มากกว่านั้น" "ทำลายงั้นเหรอ ฉันน่าจะใช้คำนั้นมากกว่านะ น้องคุณเป็นมือที่สามระหว่างฉันกับทิน เค้าไม่ได้บอกคุณเหรอ หรือว่าบอกแค่ว่าฉันเป็นผู้หญิงร้ายกาจที่มาแย่งแฟนของตัวเองไป ทั้งที่คนที่ทำอย่างนั้นคือน้องสาวคุณ" อาคินยิ้ม แต่เป็นยิ้มแบบเยือกเย็น สายตาที่เขามองคนที่กำลังเถียงหัวชนฝาก็ส่งผ่านความเกลียดชังไม่แพ้กัน "ทำไมถึงคิดว่าอีฟจะพูดถึงเธอแบบนั้นกันล่ะ" เขาพูดหยันๆ "เท่าที่ฉันรู้จากอีฟคือ ไอ้ทินเข้ามาทำให้อีฟหลงรักแล้วกินอยู่ด้วยกัน แต่อยู่มาวันหนึ่งมันก็ขอเลิกแล้วบอกว่ามีลูกกับคนอื่นซึ่งผู้หญิงคนนั้นคือเธอ แล้วอีฟก็หลีกทางให้พวกเธอไปเสวยสุขกัน" แม้จะนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยกับสิ่งที่เอวิตาบอกพี่ชาย แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เธอกับทินทำให้เอวิตาเข้าใจว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างนั้นเพราะอยากให้เอวิตาได้เรียนรู้ว่าการถูกใครสักคนที่เรารักสุดหัวใจทิ้งนั้นเป็นอย่างไร... ตอนแรกหญิงสาวคิดว่าผู้ชายตรงหน้าคั่งแค้นเธอเพราะเอวิตาไปใส่ร้ายอะไร แต่ในเมื่อมันไม่ใช่ แล้วเขาจะจับตัวเธอมาทำไมกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD