ตอนที่หนึ่ง ความเจ็บที่ฝากไว้ 3

3328 Words
"มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วไงล่ะ คนมาทีหลังแถมยังเป็นมือที่สามก็ควรเป็นคนไป ทินเองก็หลงผิดไปชั่ววูบที่ไปพัวพันกับน้องคุณ พอเขารู้ว่าฉันท้อง เขาก็เลือกฉันแล้วก็บอกน้องคุณดีๆ ว่าจะเลิก แล้วปัญหามันอยู่ตรงไหน จะจับฉันมาทำไมไม่ทราบ ถ้าอยากด่าหรืออยากโกรธใครก็ไปโกรธน้องตัวเองก่อนไหมที่ใจง่าย ฉันผิดอะไร" อันที่จริงหญิงสาวจะด่าเขามากกว่านี้ แต่มือหนาที่เอื้อมมาคว้าคอเธอหมับเหมือนจะบีบให้หักนั้นทำให้เธอเงียบปากลง แต่ก็ด่าเขาทางแววตาต่ออย่างไม่ลดละ "เธอคิดว่าฉันโง่หรือไงกัน" เสียงที่ดังขึ้นหลายระดับไม่ทำให้เธอกลัวแม้แต่น้อยนิด แต่ประโยคต่อมานั่นต่างหากที่ทำให้อึ้งอีกเป็นครั้งที่สอง "ถ้ามันเป็นอย่างที่เธอพูดฉันคงไม่สนใจเรื่องนี้ แต่ฉันรู้มาว่าเธอไม่น่าจะมีโอกาสท้องกับไอ้ทินเพราะอยู่กันคนละซีกโลก ไม่มีหลักฐานว่าพวกเธออยู่ด้วยกันเลยในปีนี้ แต่เธอสองคนกลับมาเจอกันในวันที่ไอ้ทินบอกเลิกน้องสาวฉัน มันทำให้ฉันคิดว่าพวกเธอกำลังเข้ามาในชีวิตยายอีฟเพื่อวางแผนมาทำลายชีวิตยายอีฟโดยเฉพาะมากกว่าจะเป็นอย่างที่เธอพูดนะ หรือเธอคิดว่าไง" "..." นลินวิภานิ่งเงียบไป เธอไม่มีแผนสองไว้รองรับว่าจะมีคนรู้ทันว่าเธอกับทินไม่ได้เป็นแฟนกันแต่แกล้งหลอกเพื่อให้เอวิตาเข้าใจผิดเท่านั้น พวกเธอไม่คิดว่าอยู่ๆ ยายแม่มดนั่นจะมีพี่ชายมาสืบประวัติกันจนรู้ลึกขนาดนี้ "พูดมาว่าที่ทำกับยายอีฟแบบนั้นเพราะอะไรกันแน่" เพราะอยากให้ยายนั่นเสียใจเจียนตายจนไม่เป็นผู้เป็นคนเหมือนที่มันเคยทำไว้กับคนคนหนึ่งอย่างไรเล่า นลินวิภาเม้มปาก ไม่ตอบอะไร อาคินกำลังจะคาดคั้นเธอต่อหากแต่ลูกน้องเขาก็พรวดเข้ามา "คุณอาคินครับ มีเรื่องรายงานครับ" เขาชะงักแล้วก็เดินตามลูกน้องออกไป นลินวิภามองตามไปจนพี่ชายเอวิตาหายลับตาพอพ้นร่างเขาเท่านั้นเธอก็รีบแก้มัดที่ข้อมือตัวเอง หญิงสาวส่งข้อความหาทินว่าได้หนีออกมาสำเร็จแล้วไม่ต้องกลับมาหาหรือพยายามสืบอะไร ให้เขาทำตัวให้เงียบที่สุดพอเพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย แล้วก็ย้ำเขาว่าไม่ต้องติดต่อกลับมาจนกว่าจะติดต่อกลับไป จากนั้นก็ถอดต่างหูแล้วเอาก้านจิ้มถาดซิมการ์ดออกมา แล้วก็รีเซตโทรศัพท์เพื่อล้างข้อมูลทุกอย่างจากโทรศัพท์ให้กลายเป็นเครื่องเปล่า ซิมการ์ดอันเล็กถูกโยนลงชักโครกแล้วกดให้มันหายไปในชั่วพริบตา คราวนี้เธอเริ่มคิดถึงการหนี นอกหน้าต่างเห็นวิวทิวทัศน์เมืองกรุงและโค้งน้ำเจ้าพระยา ทำให้เธอรู้ว่าห้องนี้เป็นตึกสูงหลายสิบชั้น ดังนั้นตัดเรื่องหนีทางหน้าต่างไปได้ เสียงประตูเปิดออกอีกครั้ง อาคินเดินเข้ามาสีหน้านิ่ง เหมือนเขาจะเพิ่งนึกได้ว่าโทรศัพท์ของเธออยู่ข้างใน เห็นว่าเธอแก้มัดได้ เขาก็ไปคว้ามันเป็นอย่างแรก นลินวิภามองหน้าเขาด้วยแววตาซื่อๆ ที่บอกชัดว่าแกล้งทำ อาคินเห็นแล้วก็โกรธเป็นไฟ "เธอมันเป็นแบบที่ฉันคิดเอาไว้จริงๆ" เขาเดินมาแล้วเริ่มค้นที่ตัวเธอ "เอ๊ะ... จะทำอะไร เอามือสกปรกของนายออกไปนะ" หญิงสาวปัดป่าย แต่คนที่กำลังค้นหาไม่สนใจ แม้แต่เสื้อผ้าเขาก็ดึงทึ้งออกมาเพื่อค้นหาของ "ซิมการ์ดอยู่ไหน" "โยนทิ้งนอกหน้าต่างไปแล้ว" "คิดว่าทำอย่างนี้แล้วฉันจะทำอะไรเธอไม่ได้อย่างนั้นเหรอ" "ฉันแค่ไม่อยากให้ทินเดือดร้อน" "อ้อ..." เขาหัวเราะหยันๆ อีกครั้ง มันเป็นเสียงที่เธอเกลียดที่สุดในนาทีนี้ "ถ้างั้นก็ลองเลือกดูเอาแล้วกันว่าเธอจะยอมให้ผู้ชายสิบคนรุมโทรมหรือว่าจะยอมตามไอ้ทินมา ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะปกป้องตัวเองหรือว่าปกป้องมัน" คำพูดของเขาทำให้เธออ้าปากค้าง... เขาบ้าไปแล้ว ผู้ชายคนนี้เป็นคนเลวอย่างที่เธอคิดไว้จริงๆ เจอหน้าแค่ไม่กี่นาทีก็รู้นิสัยแล้ว โชคดีที่เธอปกป้องทินด้วยการตัดขาดการติดต่อจากเขาไป ไม่อย่างนั้นแล้วหากทินมาช่วยเธอ อาจจะโดนฆ่าตายจริงๆ แล้วเธอเล่า... หญิงสาวเม้มปาก พยายามไม่แสดงสีหน้าหวาดกลัวใดๆ ให้เป็นจุดอ่อน แม้เหตุการณ์ตอนนี้ห่างไกลจากที่วางแผนเอาไว้มากเหลือเกิน แต่เธอจะพยายามรับมือ "ฉันไม่ได้ไปฆ่าแกงหรือให้ใครมารุมทำร้ายน้องสาวของคุณ ดังนั้นคุณก็ไม่ควรใช้ความรุนแรงกับฉันถ้าคิดจะทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้นกับฉันล่ะก็ ฉันขอให้น้องสาวของคุณโดนเหมือนที่ฉันโดน" สายตาที่จ้องเขาไม่หลบในยามที่เอ่ยเสียงขู่เข็ญลอดไรฟัน "ปากดีนี่" จะถือว่าเป็นคำชมก็แล้วกัน หญิงสาวตอบเขาในใจ "จะไม่พูด?" พอเห็นเธอไม่ตอบและเอาแต่มองเขาอย่างท้าทาย อาคินเลยถามคนตรงหน้าอย่างใจเย็น แม้ว่าตอนนี้ในใจเขาจะเดือดเป็นลาวากับหลายอย่างที่ทำให้เขาต้องจัดการในช่วงนี้ "..." "คิดว่าการไม่พูดแล้วจะจบก็คิดผิดแล้ว ต่อให้เธอไม่พูดฉันก็ควานหาตัวมันได้อยู่ดี ในเมื่อให้โอกาสแล้วยังไม่ให้ความร่วมมือ ก็ถือว่าเธอเลือกให้มันเป็นอย่างนั้นก็แล้วกัน" มือของเขาเอื้อมมาจับต้นแขนเธอแล้ว กระชากให้เงยหน้ามาเผชิญหน้าเขา เธอรับรู้ได้ถึงรังสีรุนแรงที่แผ่ซ่านออกมาจากคนตรงหน้า แต่ก็จ้องตาแบบสู้ไม่ถอยเพราะมั่นใจว่าสิ่งที่ตัวเองทำไปถูกต้องแล้ว เอวิตาสมควรได้รับมันมากกว่านี้ด้วยซ้ำไป เสียงเคาะประตูห้องอีกครั้งพร้อมกับผู้มาใหม่ที่ไม่ใช่ลูกน้องของอาคิน แต่เป็นหนุ่มตัวสูงเพรียวผิวขาวสะอาดสะอ้านดูแตกต่างจากอาคิน ถ้าต้องให้เทียบ คนมาใหม่คงเหมือนไอดอลชายที่ภาพลักษณ์ดีไปทุกอย่างส่วนอาคินที่มีแค่ความดูดีในภายนอกแต่ที่เหลือกลับเต็มไปด้วยด้านมืดทั้งจิตใจการกระทำและคำพูด เหมือนมาเฟียอย่างบอกไม่ถูก แม้จะดูต่างแต่สิ่งที่สองคนนั้นเหมือนกันคือความดูดีหากพวกเขาอยู่ท่ามกลางผู้คนคงมองเห็นตั้งแต่สามร้อยเมตรเพราะความโดดเด่น แต่ช่างหัวความหล่อนั้นเถอะนลินวิภาไม่หวั่นไหวหรอกเพราะสองคนนี้ต่างมองเธอเหมือนเกลียดกันมาสิบชาติพอๆ กัน "ซี เข้ามาเจาะเลือดได้เลย" คำพูดของอาคินทำให้คนตัวเล็กหันไปมองตะกร้าในมือคนที่ถูกเรียกว่าซี และเพิ่งเห็นว่าเขาสวมถุงมือและตะกร้านั้นมีหลอดเลือดและอุปกรณ์เจาะเลือดอยู่ "พวกนายจะทำอะไร" "แค่อยากรู้ว่าเธอท้องอย่างที่บอกอีฟไปหรือเปล่า ถ้าไม่ก็จะได้แน่ใจในเจตนาของเธอโดยที่เธอไม่ต้องเอ่ยปากบอกอย่างไรล่ะ" "ฉันไม่อนุญาตให้ตรวจ" เธอบอกเขาทันควัน ขยับจะถอยหนีไปเพราะเธอกลัวเข็มที่ซีกำลังฉีกออกมาเสียบกับไซริงก์เพื่อเตรียมเจาะเลือดอาคินว่าน่ากลัวแล้วแต่แน่นอนว่าเข็มในมือซีน่ากลัวกว่ามาก "กลัวงั้นเหรอ..." ซีถามเสียงเรียบ หญิงสาวไม่ตอบแต่สีหน้าหวาดหวั่นบอกชัด แต่มันก็ไม่ได้ทำให้คนที่กำลังเตรียมเข็มอยู่นั้นเมตตาเธอเลยเพราะเขามองเธอเหมือนสะใจแล้วเอ่ยเสียงเย็น "ฉันแค่เจาะเลือดเธอตรวจแค่นี้เธอคิดว่ามันมากไปแล้วล่ะก็ รู้ไว้ด้วยว่าตอนที่อีฟต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะเธอกับไอ้ทินรวมหัวกันทำร้ายจิตใจ อีฟต้องโดนทั้งเข็มน้ำเกลือทั้งโดนให้เลือดทั้งที่อีฟกลัวเข็มไม่ต่างจากเธอ" หญิงสาวมองซีแล้วกัดปากแน่น หมอนี่ก็คงเกี่ยวข้องกับเอวิตาแต่ไม่รู้ว่าทางไหน แน่นอนว่าเขาไม่คิดญาติดีกับเธอแน่นอน หญิงสาวพยายามดิ้นรนแต่ถูกล็อกไม่ให้หนีได้เลย "เธอไม่มีสิทธิ์พูดแล้ว ตรวจโรคไปด้วยเลยไอ้ซี" "อือ" ซี รับปาก หยิบเข็มมาเจาะแขนข้างที่ถูกล็อกให้นิ่ง ดูดเอาเลือดใส่ในหลอดทดลองที่ฝาสีต่างกันได้หลายรอบส่วนคนโดนเจาะทั้งเจ็บทั้งกลัวทั้งอยากกรี๊ดแต่ก็ได้เพียงเงียบเสียงเธอไม่มีโอกาสแม้แต่จะดิ้นเพราะถูกคนตัวโตล็อกตัวไว้ จนซีได้เลือดเท่าที่พอใจ เขาก็ดึงเข็มที่เจาะแขนพร้อมกับแกะสายรัดแขนออกแบบไม่ได้เบามือเลย นลินวิภาได้แต่นิ่งเพราะก่อนนี้ดิ้นจนเหนื่อยแล้ว ในหัวทั้งโกรธทั้งคิดหาทางสารพัดว่าจะทำอย่างไรต่อ พอซีออกจากห้องไปแล้วคนตัวโตที่ล็อกเธอมาตลอดก็ปล่อยมือจนเธอไปกองคุดคู้ที่พื้น "ต่อให้เธอไม่เปิดปากพูด แต่ผลเลือดจะพูดแทนเธอเอง" คำพูดจากคนที่ยืนค้ำหัวเธออยู่ทำให้เธอหนาวขึ้นมาเฉยๆ แม้จะไม่แสดงออกทางสีหน้าและเเววตา แต่นลินวิภารู้ดีว่าอีกไม่นาน อาคินจะรู้ว่าเธอไม่ได้ท้อง... เสียงประตูห้องเปิดอีกครั้ง สถานการณ์ตึงเครียดถูกแทรกด้วยลูกน้องอาคินที่เป็นผู้เปิดประตูเข้ามา "ว่าไง" เขาหันไปถามลูกน้อง "ทราบพิกัดคนที่คุณกี้แล้วครับ" ชื่อที่ลูกน้องเขาเอ่ยบอกดึงความสนใจจากอาคินได้มากเขาผละสายตาจากนลินวิภาไปมองลูกน้องทันที "ให้คนเฝ้าไว้แล้วใช่ไหม" อาคินถาม "ครับ" ความเงียบปกคลุมไปชั่วขณะเหมือนอาคินกำลังใช้ความคิดอยู่ "อ้อ... คุณโฮปโทรมาบอกว่ากลับมาถึงไทยแล้วครับ" อาคินหันกลับมามองนลินวิภาเหมือนใช้สายตาครุ่นคิด ก่อนจะยิ้มมุมปากน้อยๆ "ส่งป้าแตนมาเฝ้าไว้"เขาบอกลูกน้องแต่จ้องมาทางนลินวิภา "จะเอาไปมัดไว้ที่มุมไหนของห้องก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่เตียงของฉัน หรือให้ดีก็เอาไปไว้ที่ห้องอื่นที่ว่างก่อนแล้วกัน" เขาบอกก่อนจะเดินออกไป คนที่นั่งจุกอยู่กับพื้นมองตามไปตาขวาง คิดว่าเธออยากนอนบนเตียงเขานักหรือไง ตอนที่อาคินและลูกน้องเดินออกไปแล้วก็มีผู้หญิงสูงวัยท่าทางใจดีคนหนึ่งเดินเข้ามาเรียกให้เธอไปอยู่อีกห้องที่เล็กกว่าห้องที่เธอถูกขังแต่แรกนิดหน่อย ตอนเดินมาห้องใหม่เธอเห็นว่าที่ห้องโถงมีคนของอาคินสองคนนั่งที่โต๊ะอาหารทำให้แอบหวั่นใจขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าเขามีคนมากมายไว้ใช้งาน แค่เฝ้าเธอก็ขนมาถึงสามคนแล้ว แน่นอนว่าเป็นเช่นนี้หนทางหนีของเธอแทบเป็นศูนย์ "รอในห้องนี้ไปก่อนนะคะ เดี๋ยวป้าไปเอาอาหารเข้ามาให้" คนดูแลหรือเรียกให้ตรงว่าคนคุมที่แนะนำตัวว่าชื่อป้าแตนบอกเธอก่อนจะเดินออกไปยกถาดอาหารเข้ามา ตอนแรกเธอคิดว่าจะไม่กินแต่ว่าความหิวบวกกับความน่าทานของต้มจืดเต้าหู้และข้าวผัดปูทำให้ลงมือทานอย่างไม่ลังเล เพราะไม่มีอาหารตกถึงท้องมาหลายชั่วโมงเลยทำให้หญิงสาวมีความเชื่อว่าเขาจะไม่วางยาพิษในอาหารแน่นอนเพราะถ้าเขาอยากให้ตาย เธอคงไม่รอดมาจนตอนนี้... ป้าแตนยกอาหารมาให้แล้วก็ออกไปครู่หนึ่งก็กลับเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางของเธอ "กระเป๋าของคุณค่ะสำหรับอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าคืนนี้" "ป้าแตน... นิ้งมีเรื่องจะขอให้ช่วยค่ะ" เธอมองอย่างมีความหวัง "ช่วยเรื่องอะไรหรือคะ" "เจ้านายของป้ากักขังหน่วงเหนี่ยวนิ้ง ป้าช่วยนิ้งหนีได้ไหมคะนิ้งสัญญาจะไม่เอาเรื่องเจ้านายป้าถ้าหนีไปได้" พอได้ยินคำขอร้อง ป้าแตนหน้าตึงขึ้นเล็กน้อยในยามที่พูดตอบเธอ "ป้าทำแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ" คำตอบที่เหมือนแฝงการตำหนิเข้ามาด้วย ทำให้หญิงสาวนิ่งเงียบ ดวงหน้าสวยเฉี่ยวเศร้าหมองลง เธอคิดว่าคนรอบข้างของอาคินคงรู้ว่าเขาพาตัวเธอมาที่นี่ด้วยเหตุใด... "มันคือความผิดนะคะ ไม่ว่าเขาจะโกรธนิ้งด้วยเรื่องอะไรแต่เขาทำแบบนี้กับนิ้งไม่ได้ บ้านเมืองมีขื่อมีแป อีกอย่างต่อให้นิ้งทำให้น้องสาวเขาเสียใจแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้จับน้องสาวเขามาขังไว้แบบนี้เสียหน่อยค่ะ" "ข้อนั้นป้ารู้ค่ะ แต่สิ่งที่คุณทำให้พี่ๆ ของคุณอีฟไม่พอใจคุณเองก็คงรู้ตัวดี เจ้านายของป้าไม่ใช่คนที่ทำร้ายใครก่อนดังนั้นป้าเลยไม่มีเหตุผลที่จะช่วยคุณ" "..." แน่นอนล่ะพอคนสูงวัยพูดเช่นนั้นเธอก็หาคำพูดของตัวเองไม่เจอ "คุณคิดผิดแล้วที่แตะต้องคุณอีฟคนที่เป็นเหมือนหัวใจของพี่ๆ ในบ้าน ถึงตอนโกรธจะดูน่ากลัวแต่ป้าไม่เคยเห็นหนุ่มๆ บ้านนี้เป็นฝ่ายทำใครก่อนสักครั้ง ทางที่ดีอะไรที่ทำให้คุณๆ เขาใจเย็นลงก็ทำซะเถอะนะคะ อย่าหาเรื่องให้เขาโกรธคุณมากขึ้นไปอีก ไม่อย่างนั้นคุณจะลำบากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้" คำพูดของป้าแตนทำให้นลินวิภาเม้มปาก เธอเป็นนักโทษที่กำลังจะเข้าลานประหาร เธอรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เสียงโทรศัพท์ของป้าแตนดังขึ้น... นางหยิบมารับสาย คนตัวเล็กแอบเงี่ยหูฟังว่าจะมีคำสั่งอะไรถึงตนหรือเปล่า... "สวัสดีค่ะคุณโฮป" ป้าแตนพูดให้ได้ยินเพียงเท่านี้ก็เดินออกไป หญิงสาวถอนหายใจ คุณโฮปนี่เป็นใครเกี่ยวข้องอะไรกับเอวิตาอีกเธอก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าโฮปแปลว่าความหวัง แต่เขาคงไม่มีทางเป็นความหวังของเธอได้หรอกเพราะคงเป็นอีกคนที่อยู่ข้างเอวิตา นั่นก็แปลว่าเขาก็คงเป็นศัตรูของเธอ เหมือนกับอาคิน ซีและป้าแตน ที่ต่างก็มองมาด้วยสายตาไม่เป็นมิตรถ้วนหน้า ดังนั้นคนโดนจับตัวมาจึงไม่คาดหวังอะไร และถึงแม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างเช่นตอนนี้หากแต่เธอก็ไม่เสียใจที่ครั้งหนึ่งเคยทำสิ่งที่ทำให้ทุกคนรอบข้างเอวิตาโกรธแค้นตัวเองขนาดนี้ เพราะคนอย่างเอวิตาสมควรได้รับมันแล้ว พอป้าแตนออกไปคุยโทรศัพท์ นลินวิภาก็เข้าไปอาบน้ำสวมชุดวอร์มที่เตรียมไปใส่นอนบนเครื่องออกมานั่งโซฟา ห้องนี้เป็นของใครไม่รู้ รู้แต่ว่าไม่ใช่ห้องอาคินและหวังว่าเจ้าของห้องคงไม่หวงเตียง ประตูห้องเปิดออก ป้าแตนถือถาดน้ำชาเดินเข้ามาหาเธอ "ป้าเอาชาคาโมไมล์มาให้ค่ะ จะได้หลับสบาย" "ขอบคุณค่ะ" หญิงสาวหยิบชามาจิบได้นิดเดียวเพราะไม่ชอบกลิ่นชา ไม่รู้ว่าใช้ของแบรนด์ไหนแต่กลิ่นไม่หอมรื่นรมย์เพราะดูมีกลิ่นเคมีแทรกเข้ามาพอควร แต่ก็แปลกที่ผ่านไปครู่เดียวเธอกลับง่วงจนตาปรือ หญิงสาวจะลุกจากโซฟามุมห้องไปที่เตียงไม่ลืมที่จะเอ่ยถามคนที่นั่งเฝ้าเธอ "ป้าคะ นิ้งนอนบนเตียงได้ไหม เจ้าของเตียงนี้หวงเตียงหรือเปล่าคะ" "นอนได้ค่ะ เจ้าของเขาไม่ว่าอะไร คุณพักผ่อนเถอะนะคะ" นลินวิภาไม่รู้ว่าตัวเองง่วงจนตาฝาดหรือเปล่าที่เห็นว่าป้าแตนมองเธอเหมือนสงสาร ไม่ได้ดูโกรธเหมือนตอนแรก แต่ก็นั่นล่ะเธอง่วงมากจริงๆ ตาจะปิดอยู่แล้ว พอได้รับการยืนยันว่าเจ้าของเตียงจะไม่โยนเธอออกจากเตียงเหมือนที่อาคินทำเธอก็ทิ้งตัวลงนอนและห่มผ้าตามความเคยชิน คงเป็นเพราะฤทธิ์ยาสลบตั้งแต่เมื่อกลางวันยังตกค้างแน่ๆ เธอถึงได้ง่วงอย่างนี้... ป้าแตนยืนมองคนที่นอนซุกตัวหลับเหมือนเด็กน้อยไม่มีพิษภัยแล้วก็รู้สึกหลายอย่างพร้อมกันอย่างบอกไม่ถูก ผู้หญิงคนนี้อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้คุณอีฟเสียใจจนทำร้ายตัวเองจนพี่ๆ วุ่นกันไปหมดในช่วงนี้ แต่พออาคินเอาตัวมาแล้วจริงๆ นางก็คิดว่านลินวิภาไม่ได้ดูเหมือนคนร้ายกาจอะไรเลย ถ้าคนที่หลับไปแล้วเพราะฤทธิ์ยาไม่ได้เป็นคนที่ทำร้ายเอวิตาจริงๆ ก็น่าสงสารอยู่ที่โดนจับตัวมาแบบนี้ อีกอย่างถ้าอาคินจัดการเองนางจะไม่สงสารเลยเพราะว่าอาคินดูใจร้ายแต่เอาจริงๆ ก็ใจดี มีเหตุผล แต่ถ้าเป็นคุณโฮปที่ซับซ้อนและรับมือยากกว่าอาคินมากจะเป็นคนเข้ามาจัดการกับเรื่องนี้เอง นางก็แน่ใจว่า นลินวิภาน่าจะตกที่นั่งลำบากแน่ แล้วตอนนี้มันก็เป็นอย่างนั้นเสียด้วยสิ นางถอนหายใจ แล้วก็นึกถึงคำพูดของตัวเองที่ว่าเจ้านายของตัวเองไม่ใช่พวกที่จะทำใครก่อน นางก็ตัดความสงสารออกไปแล้วเดินออกไปรายงานที่นั่งอยู่ที่โซฟาด้านนอก "หลับแล้วค่ะคุณโฮป" "ป้าพักผ่อนได้เลย ที่เหลือเดี๋ยวผมจัดการเอง" เขาบอก ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินเข้าไปในห้องที่นลินวิภาหลับอยู่ สีหน้าของชายหนุ่มดูนิ่งไม่แสดงออกถึงความรู้สึกใดๆ ป้าแตนทำได้เพียงมองตามไป ไม่ก้าวก่ายการกระทำของเจ้านาย แล้วจากนั้นก็เดินเลี่ยงไปพักผ่อนเพื่อตื่นมาจัดการเรื่องอาหารเช้าให้กับทุกคนที่อยู่ในเพนธ์เฮาส์ในวันพรุ่งนี้ นลินวิภาหลับอุตุอยู่แสนสบายในห้องของเขา ร่างบอบบางของเธอนอนคุดคู้อยู่บนเตียงขนาดใหญ่ทำให้ดูตัวเล็กกระจ้อยร่อยเหมือนไม่มีพิษมีภัยแต่ใครจะเชื่อว่าคนตัวเล็กคนนี้มีจิตใจมืดบอดและสร้างเรื่องอะไรไว้บ้าง ชายหนุ่มแกะกระดุมเสื้อตัวเองออก ก่อนจะแหวกเสื้อแล้วดึงออกจากตัวโยนทิ้งไว้ข้างเตียง อาภรณ์ชิ้นอื่นบนกายก็ถูกจัดการด้วยวิธีเดียวกัน จากนั้นจึงเดินไปหยิบเอาเสื้อคลุมมาโยนส่งๆ ไว้หัวเตียงแล้วก็ขยับหมอนให้อยู่ตำแหน่งพอเหมาะก่อนจะทิ้งตัวลงนอนเตียงเดียวกับนลินวิภา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD