ตอน 7

1777 Words
ภายใต้ร่มเงา คมพิทักษ์ ในการดูแลสั่งการของนายวายุ คมพิทักษ์ จะไม่มีผู้ใด ชีวิตไหนกล้าหือหรือกล้าขัดขืน มีแต่นอบน้อม ยอมกาย ฟังคำสั่ง เมื่อใดที่คำสั่งศักดิ์สิทธิ์หลุดจากปากคู่นี้ ถือเป็นสิทธิ์ขาดผู้ใดฝ่าฝืนจะได้ต้องได้บทลงโทษอันสาสม คนงานคนใดนอกรีตคิดไม่ซื่อ นึกอยากจะรวยทางลัดได้มากกว่าค่าจ้างที่เขาให้แสนคุ้มค่า ลักเล็กขโมยน้อยนำผลผลิตในไร่ไปขายเอาเงินเข้ากระเป๋า หรือแม้แต่คิดยักยอกเงินรายได้แค่เพียงสตางค์เดียว วายุจับได้จะได้พบกับบทลงโทษอย่าง    สาสมเหี้ยมโหด เพื่อให้เข็ดหลาบ ไม่กล้าคิดเช่นนั้นอีกเลยตลอดชาติ “เธอไม่มีชุดที่ดีกว่านี้หรือไง ชุดนางยั่วเห็นตับไตไส้พุงเก็บไปใส่ที่บ้านเธอไม่ดีกว่าหรือ รีบๆ เปลี่ยนซะก่อนที่ฉันจะ...” จะอดใจไม่ไหวกระชากชุดสวยยั่วตา ยั่วสวาทผู้ชายทั้งโลกนี้จนขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี “จะให้ฉันเปลี่ยนที่ไหน” “ตรงนี้ และก็ที่นี่” เขาบอกเสียงดุกร้าว ไร้แววล้อเล่น หากล้อเล่นก็ผิดวิสัย วายุ นายใหญ่แห่งไร่คมพิทักษ์ “บ้า....” สภาพโล่งแจ้ง ในกระท่อมยังบังอะไรไม่มิด ให้ตายเถอะตาบ้า โรคจิต ดีแต่สั่งไม่ดูตาม้าตาเรือ “ไม่บ้า แต่ถ้าขืนช้า เธอจะได้เห็นว่าฉันบ้าจริงๆ รีบเปลี่ยนซะ หนังหน้าด้านอย่างเธอต่อให้แก้ผ้าต่อหน้าคนนับร้อยเธอก็ไม่มียางอาย ฉันรู้ดี” เสียงตวาดดังลั่น ก้องกังวานทั่วอาณาบริเวณรกร้าง พื้นที่นี้วายุเพิ่งซื้อต่อจากลุงฝาน ชาวสวนแก่ๆ ซึ่งแกหมดเรี่ยวแรงจะลงแรงถากถางต่อไปได้อีก ด้วยลูกหลานหนีหายเข้าไปทำงานในเมืองหลวงซะหมด แกกับภรรยาคู่ยากอยู่ทำไร่กันเพียงลำพัง ผลผลิตไม่สมดุลกับรายจ่าย ยิ่งทำยิ่งแย่แกเลย บอกกล่าวขายต่อให้เขาในราคาไม่แพง วายุเห็นใจและสงสารจึงซื้อไว้ ให้สัญญากับลุงฝานว่าหากอยากจะมาทำมาหากิน วายุยินดีให้ทำฟรี ไม่คิดค่าเช่าจนกว่าจะคิดได้ว่าจะนำผืนดินนี้ไปเพาะปลูกอะไร “ได้ ได้เปลี่ยนก็เปลี่ยน” หญิงสาวกัดฟันพูดดังกรอด นึกอยากจะตะปบหน้าชายหนุ่มหน้าเหี้ยม แล้วข่วนให้ขึ้นลอยเล็บ แววตาหวาดหวั่นมองรอบด้าน ย่อกายลงรื้อเสื้อธรรมดาในกระเป๋า ดีหน่อยได้แอบยัดมาได้สองสามชุด ไม่อย่างนั้นชุดอื่นคงไม่ต่างจากชุดที่เธอสวมใส่อยู่นี้  เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนถูกหยิบออกมา หันมองที่เปลี่ยนในกระท่อมเก่าเน่าเหม็นร้างเสียจนปกปิดอะไรไม่มิด ฝาบ้านถักด้วยหญ้าคาขาดๆ แหว่งเป็นรูโดยตลอดหาชิ้นดีไม่ได้สักชิ้น ยังดีกว่ายืนถอดโต้งๆ ให้สายตาเหี้ยมมองอย่างสมเพช  “เปลี่ยนซะที อย่าคิดอู้ เสียเวลา ไม่ต้องห่วงฉันไม่แลเนื้อหนังเน่าๆ ผ่านมือผู้ชายนับร้อยอย่างเธอ” พูดเสร็จเชิดหน้า มองไปทางอื่น ท่าทีไม่ใส่ใจ หากแต่อดแอบปรายตามองเรือนร่างงดงามสมส่วนด้วยความลืมตัว เพียงนิดแอบไหวหวั่นวายุไม่ค่อยไหวหวั่นกับหญิงงามคนใด หากแต่ผู้หญิงคาวคุ้งราคะโลกีย์คนนี้  กลับทำให้เขาไหวหวั่นได้อย่างประหลาด หญิงงามระดับนางงาม ลูกสาวพ่อค้า ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เสนอตัวให้เข้ามาในชีวิต หวังจะเป็นคุณนายไร่คมพิทักษ์ วายุยังไม่รู้สึกไหวหวั่นได้ เธอมันนังแม่มดร้ายชัดๆ ไม่น่าสงสัยสักนิด ผู้ชายมากหน้าถึงยอมสยบให้หล่อน  “เร็วสิ” จบคำร่างสูงขยับเข้าใกล้ ทำท่าจะถอดชุดสวยอย่างที่ขู่ไว้ “อย่าคิดจะแตะต้องฉันเชียวนะ เอาอำนาจบาตรใหญ่ของคุณไปใช้กับพวกคนงานของคุณเถอะ อย่าคิดจะใช้กับฉัน”  ปกติอริสาเคยแข็งข้อต่อปากกับใครกัน เธอยอมได้เป็นยอม กับผู้ชายบ้าอำนาจไม่ห่วงความรู้สึกของใคร เธอนึกอยากเถียงขึ้นมาซะอย่างนั้น “อย่างเธอฉันไม่ฆ่าตายก็บุญแล้ว สงสัยจะไม่เคยได้ยินเจ้าหนี้ฆ่าปาดคอลูกหนี้” ส่งสายตาจะกินเลือดกินเนื้อใส่ตาหญิงสาว “เคย แต่ฉันไม่ใช่ลูกหนี้ ถึงจะเป็นลูกหนี้ก็ลูกหนี้ยัดเยียด” ใครจะยอมรับกับข้อกล่าวหาพรรค์นั้น  “ยังจะเถียงอีกนานมั้ย ท่าทางอยากจะลองดี”   ร่างหนาย่างสามขุมฉับๆ ขยับไปหยุดตรงหน้าร่างบาง ส่งสายตาหวาดหวั่นพรั่นพรึงต่อเจ้าของไร่หนุ่มใหญ่ ใจยักษ์ ด้วยเกรงเขาจะหักคอหรือทำร้าย รีบหลบหลีกเข้าไปหาที่ซ่อนตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่มีมุมไหนเหมาะสักมุม จับจองพื้นที่ได้รีบยกแขนเรียว ถอดชุดเดรสยั่วน้ำลายบุรุษเพศออกจากร่าง สายตาคมมองลอดผ่านได้เห็นรูปร่างเพรียวบางสมส่วน หน้าอกคู่สวยสล้างกลมกลึงแน่นหนั่นผ่านม่านหญ้าแฝกขาดแหว่งนั้น ลำคอแหกผาก ขาดอากาศหายใจขึ้นโดยฉับพลัน ลอบกลืนน้ำลาย เตือนตัวเองให้หนักแน่น เพราะนั่นคือตัวอันตรายต่อบุรุษเพศ  เปลี่ยนเสร็จด้วยความรวดเร็ว ร่างบางรีบก้าวออกจากที่กำบังปิดอะไรไม่มิด ทว่าดีกว่าไม่มีสิ่งใดปิดบังร่างกายสุดสงวนซะเลย ร่างบางในชุดกางเกงยืนส์สกินนี่ เสื้อยืดสีขาวคอกลมเรียบร้อยน่ารัก ภาพลักษณ์ของอริสาเปลี่ยนไปในทันตา รูปร่างสูงโปร่งสะโอดสะอง สมเป็นนางแบบในสายตาวายุ จังหวะเงยหน้าแววตาสวยได้สบประสานกับนัยน์ตาคมจับจ้องโจ่งแจ้ง  “อุ๊ย...” ร่างบางชะงัก ตกใจกับถ้ำมองหน้าหล่อ นอกจากเป็นคนบ้าอำนาจ ยังโรคจิตหาตัวยาก ชิ...หญิงสาว      เชิดหน้า ก้าวผ่านเขาไปเก็บชุดสวยลงกับกระเป๋า “รีบๆทำความสะอาดซะ เธอจะได้มีที่ซุกหัวนอนก่อนมืด” ยังคงแค่นเสียงเย็นชาไม่เคยเปลี่ยน ยิ่งใบหน้าแววตานั้นเย็นชากว่าเสียงมากเท่าตัว แม้ไม่อยากทำก็ต้องทำ ต่อให้ขนทุกอย่างในกระท่อมออกไปหมด ปัดกวาดเช็ดถู คงไม่ทำให้อะไรเอี่ยมขึ้น มันเก่า โทรมเสียจนหาความอภิรมย์ไม่เจอ อริสาหันซ้ายแลขวาไม่รู้จะเริ่มต้นจากจุดไหน มันรกร้างไปหมดราวกับกระท่อมผีสิงก็ไม่ปาน ฮึ...ผีสิงงั้นหรือ พานให้ขนลุก สุดท้ายอริสาเริ่มลงมือทำไปทีละส่วน ด้วยมือเปล่า ทั้งฝุ่นทั้งอากาศร้อนอบอ้าว ทั้งร่างกายที่ปั่นป่วนเพราะความหิว อาหารที่ได้รับเข้าไปมื้อสุดท้ายคือมื้อที่รถทัวร์ให้พักระหว่างทางเท่านั้น จากนั้นในท้องเธอไม่มีอะไรตกถึงอีกเลย แถมยังต้องก้มๆ เงยๆ ทำความสะอาดเก็บกวาดข้าวของรกเลอะร้างพวกนี้ ด้วยร่างบางอ่อนแรงเต็มที่ แต่ยังกัดฟันสู้ต่อต้องการให้เสร็จทันตามที่ซาตานร้ายปากร้ายบัญชา แต่....แล้วอาการทุกอย่างประเดประดังพรั่งพรูพร้อมๆ กัน หิว ร้อน กระหายน้ำ เหนื่อยเพลีย สุดท้ายร่างบางอ่อนแรงทนไม่ไหว ทรุดฮวบกระแทกกับพื้นในทันที โดยวายุไม่ทันได้เห็นด้วยซ้ำ เสียงก๊อกแก๊ก สวบสาบสิ้นสุดลงร่วมห้านาที เรียกความสนใจจากวายุได้เป็นอย่างดี หรือแม่ผู้ดีสารเลวนี้อู้งาน พ่อจะเล่นงานให้จงหนัก “นี่คิดจะอู้หรือไง ขืนช้าได้นอนกับกองขยะพวกนี้แน่” ไร้เสียงตอบขานรับ ปกติหล่อนจะเถียงกับเขาไม่ขาดปากไปพร้อมกับการจัดการกับข้าวของเก่าเน่าเหม็น ของลุงฝาน ร่างบางผลุบเข้าผลุบออก ลากโน่นโยนนี่ แต่นี่กลับเงียบอย่างกับเป่าสาก น่าสงสัย  “พวกชอบชี้นิ้วสั่งก็อย่างนี้ละ ทำอะไรด้วยตัวเองนิดหน่อยเหนื่อยหลบ”  กล่าวหาหญิงสาวพร้อมขยับลุกจากแคร่     ไม้ไผ่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ภาพที่เขาเห็นหญิงจัดการทำความสะอาดสิ่งของในกระท่อม ช่างสวนทางกับข้อมูลที่เขาได้รู้มา ทั้งจากให้คนไปสืบกับได้ยินจากปากธีรพงศ์ อินทุอรไม่เคยหยิบจับแตะต้องงานบ้าน ไม่ว่าจะงานยากงานง่าย หล่อนมักร้องเรียกคนรับใช้ไม่เคยขาดปาก แต่กับหญิงสาวที่เขาเห็นผลุบเข้าผลุบออกในกระท่อมต่างกันโดยสิ้นเชิง ดูเธอคล่องแคล่วไปเสียทุกอย่าง ขัดกับความรู้สึกเสียเหลือเกิน หากนี่คือมารยานับว่าหล่อนทำมันได้แนบเนียนเสียจนเขาเกือบเชื่อ ร่างหนาค่อยๆ เดินเข้าไปในกระท่อมด้วยท่าทีไม่วางใจคนด้านใน “โห แม่นี่แอบอู้จริงๆ ด้วย ว่าแล้วเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ” วายุยังคงเหยียดสายตามองร่างบางนอนฟุบกายอยู่กับเตียงเก่าๆ ไร้เครื่องนอนนั้นด้วยสายตาดูถูกดูแคลน “นี่...” เขาเรียก แต่ร่างบางยังเงียบ ไม่กระดิกหรือเงยหน้าโต้ปากต่อคำกับเขา มือหนาเขย่าไหล่มน ปากก็เรียก หากแต่ไร้การโต้ตอบจากริมฝีปากคู่สวยเช่นเคย ชักจะไม่สู้ดี วายุรีบเขย่าร่างบางแต่ก็ยังนิ่ง เขาใจคอไม่ดีขึ้นมาฉับพลัน หรือว่าเธอจะเป็นลม เพราะตั้งแต่มาถึง เขายังไม่เห็นเธอกินอะไร ความมีสามัญสำนึกปลุกให้วายุตื่นตัว รีบยกร่างบางอุ้มออกไปจากกระท่อมด้วยความร้อนใจ วางร่างบางลงกับเบาะด้านหลังของรถกระบะสี่ประตูยกสูงขาลุย รีบร้อนยกกระเป๋าใบเดียวของเธอเหวี่ยงขึ้นรถไม่สนใจมันจะแตกหรือหัก อาการเป็นห่วงหญิงสาวอย่างประหลาดแล่นผ่านหัวใจแห้งผากโดยไม่รู้ตัว อาการนี้เกิดขึ้นเองอัตโนมัติ ให้รีบทะยานรถออกไปจากพื้นที่รกร้างนั้นด้วยความเร่งรีบรวดเร็ว วันนี้เขาคงแกล้งเธอหนักไป เกิดตายขึ้นมาเขาคงต้องกลายเป็นฆาตกรฆ่าคนอย่างไม่ตั้งใจแต่เจตนาสินะ ความโกลาหลบนเรือนบุปผาจึงเกิดขึ้นในเวลาต่อมา เมื่อนายใหญ่ แบกร่างไร้สติหญิงสาววิ่งกระหืดกระหอบขึ้นไปบนเรือน ปากร้องสั่งให้สาวใช้นำน้ำสะอาดพร้อมผ้าเช็ดหน้า ยาดม ยาหอมให้ตามเข้าไปในห้องรับรอง อีกทั้งขอเสื้อผ้าตัวใหม่ สารพัดจะสั่ง แล้วผลุบหายเข้าไปในห้องรับรองแขก ครั้นพอสาวใช้นำสิ่งของที่ว่ามาวางให้ เขาออกปากไล่สาวใช้ให้ออกไป  ท่ามกลางความสงสัยงงงวยของทุกสายตา ทั้งคนสวน คนงาน สาวใช้ต่างซุบซิบนินทา ถามกันให้วุ่นว่าเจ้านายไปพาสาวที่ไหนมาบนเรือนบุปผากันแน่  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD