“ขีดเส้นตีตรงนี้ด้วยคริษฐา นั่นแหละถูกต้อง จากนั้นก็ใส่อะไรก็ใส่ลงไปเลยตามจินตนาการ”
“ขอบคุณค่ะอาจารย์คมกริช” ฉันยกมือไหว้ขอบคุณอาจารย์ภาควิชาที่เดินมาดูผลงานของฉันและแนะนำให้จัดการตรงนั้นตรงนี้สำหรับงานออกแบบภายในครั้งแรก ตอนปีแรกก็เคยเรียนไปแล้วแต่มาหนักปีสองเนี่ยล่ะ มองอาจารย์คมกริชที่หันไปดูงานของนักศึกษาคนอื่นฉันก็ลอบมองใบหน้าหล่อเหลาของฟินน์ที่กำลังควานหาอะไรบางอย่าง “หาอะไรของนาย”
“วงเวียน สงสัยลืมหยิบมา”
“เอาของฉันไปใช้ก่อน”
“ขอบใจ” ฟินน์รับวงเวียนจากมือฉันไปทำงานต่อ
“แล้วนี่กัลยาหายไปไหน? ทำไมไม่เข้าเรียน” ฉิบหาย... ยัยเกี๊ยวหายหัวไปไหนวะเนี่ย คมกริชคือดุสุดๆ เลยนะ “คริษฐา พชร เธอเป็นเพื่อนกับกัลยาไม่ใช่เหรอ? รู้ไหมว่าเพื่อนพวกเธอหายไปไหน”
“ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมโทรแล้วแต่ยัยเกี๊ยวไม่รับสาย”
“สงสัยอยากโดนหักคะแนนภาควิชานี้สินะ ถ้าเจอตัวบอกให้มาพบผมที่ห้องพักครูด้วย”
“ครับ / ค่ะ”
ให้หลังอาจารย์คมกริชเดินไปดูงานนักศึกษาคนอื่น ฉันก็หยิบมือถือขึ้นมาต่อสายหายัยเกี๊ยวก็ไม่รับสาย จนหันไปสบตากับฟินน์ที่ยักไหล่ไหวราวกับเหนื่อยจะโทรตามแล้ว หมดคาบวิชาของอาจารย์คมกริชฉันก็ม้วนกระดาษออกแบบใส่กระบอกใส่แบบขนาดใหญ่และกว้างกว่ากระเป๋าที่ฟินน์ชอบใช้ เพราะกระบอกใส่แบบพกพาสะดวกด้วย
“ฉันไปหอประชุมคณะก่อน ต้องคุยเรื่องงานประจำปีมหาลัย”
“อืม ไว้เจอกันนะ” เพราะฟินน์ได้เป็นเดือนต่อจากพี่ซันงานก็เลยเยอะมาก ต่างจากยัยดาวประจำคณะที่แทบจะไม่เคยเข้าร่วมใดๆ ฟินน์ก็เหนื่อยจะตามยัยเกี๊ยวก็เลยปล่อยเลยตามเลย ฉันออกจากคลาสเรียนและแยกกับฟินน์ตรงโถงทางเดินคณะ เวลานี้ก็ไม่รู้จะไปไหนดีเลยออกมาเดินเล่นไปเรื่อยสายตาของนักศึกษาที่มองฉันก็ยังคงเคลือบแคลงใจกับเรื่องเมื่อวานล่ะมั้ง ช่างมันเถอะ! หากแต่ว่าพอมาถึงคณะศิลปกรรมศาสตร์ที่เงียบยังกับป่าช้า นักศึกษาบางคนนั่งทำงานกันแบบเงียบๆ โดยปราศจากเสียงพูดคุยก็ทำให้ฉันมึนงง เอิ่ม พวกเขามีชีวิตชีวากันไหมเนี่ย
หรือว่าพวกเขาจะเป็นผะ ผีเหรอ! บ้าน่า ผีอะไรจะมานั่งเรียนได้กันเล่า คิดอะไรเลอะเทอะชะมัดเลยเคลียร์ ฉันยกมือเกาศีรษะตัวเองจนผมเผ้าหลุดจากการมัดแบบลวกๆ แล้วคือฉันมาทำอะไรที่นี่ก่อน เฮ้อ คิดได้แบบนั้นฉันก็หมุนตัวหวังจะเดินกลับไปที่คณะของตัวเองเพื่อโทรหายัยเกี๊ยวหากแต่ว่า...
ตุ้บ
“ว้าย! ขะ ขอโทษค่ะ” เพราะหันมาแบบไม่ดูตาม้าตาเรือทำให้ฉันชนเข้ากับแผงอกแกร่งของผู้ชายเต็มๆ หากแต่ว่ากลิ่นหอมแปลกๆ นี่สิที่ทำให้ฉันสับสนจะว่ากลิ่นน้ำหอมก็ไม่น่าใช่ และเพราะชนกันแบบไม่ได้ตั้งใจของทุกอย่างในมือของเขารวมถึงฉันก็หล่นบนพื้นกระจัดกระจายรวมกัน “ขอโทษนะคะ ฉันช่วยค่ะ”
“...” ไร้ซึ่งเสียงตอบรับฉันก็มองของที่ปะปนกับของฉันมีพวกยางลบ กระดานวาดภาพที่มีกระดาษอีกใบทับปิดไว้ จะสงสัยอะไรล่ะเคลียร์ เธอเดินมาที่คณะศิลปกรรมศาสตร์นะ ของพวกนี้ก็คือปกติปะ
“นี่ค่ะ...!” ดวงตาของฉันเบิกกว้างขึ้นทันทีที่ลุกขึ้นยืนและส่งของให้กับคนที่เดินชน หากแต่ว่าฉันก็ต้องตกใจคูณร้อยและคูณล้าน เมื่อผู้ชายตรงหน้ามีใบหน้าเย็นชาและเงียบขรึม ตอนนั้นที่มองไกลๆ ก็ว่าหล่อแล้วพอมองใกล้ๆ หล่อจนฉันตาค้าง ใบหน้าหล่อคมรับกับจมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาคมกริบและริมฝีปากแดงคล้ำเหยียดตรง แพขนตายาวขนาดพอดี ทุกอย่างของผู้ชายคนนี้ดูดีไปหมดเลยแม้กระทั่งรอยสักของเขา
“ขอบใจ” น้ำเสียงเข้มแหบนิดๆ เอ่ยขึ้นพลางดึงของที่ฉันยื่นให้ไปไว้กับตัว จากนั้นก็เดินสวนฉันตรงเข้าไปในคณะราวกับฉันไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้ หากแต่ว่าฉันน่ะใจลอยไปหาเขาแล้วรีบหันกลับไปมองร่างสูงที่เดินจ้ำอ้าวเข้าไปในคณะ
“พี่สอง”
บังเอิญ? โลกกลม? หรือพรหมลิขิตกันแน่ จู่ๆ ก็มาเจอกันแบบไม่ได้ตั้งใจและที่สำคัญนะ... เขาหล่อมากเลยทุกคน หล่อจนเหมือนไม่มีอยู่จริง หล่อแบบพระเจ้าตั้งใจรังสรรค์ผลงานชิ้นนี้ให้ออกมาดีที่สุด ไม่ติดที่ว่าฉันหาผู้ที่ดูดีกว่าไอ้โดมล้านเท่ามาคบเล่นๆ บางทีฉันอาจจะจริงจังกับเขาก็ได้นะ แต่ทำยังไงได้ฉันเหนื่อยกับความรักแล้วไงยิ่งเจอไอ้โดมทำเหี้ยใส่ ฉันก็เลยกลัวว่าผู้ชายคนอื่นจะทำแบบนั้นกับฉัน ยิ่งไม่รู้นิสัยใจคอกันให้มากก็ยิ่งเจอคนแบบไอ้โดมมากขึ้นไปอีก
[70%]
*-------------------------------------------*