Born to be
: 8 :
เมียใหม่ x เมียเก่า
“ตัดกระดาษเป็นสี่เหลี่ยมแล้วแปะตรงนี้ด้วยดิเกี๊ยว”
“รู้แล้ว ขอพักก่อน นั่งทำมาแปดชั่วโมงแล้วนะเคลียร์!”
“ของแกอะเหลืออีกเยอะเลยนะ” บ่นเกี๊ยวที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ นอนหนุนหมอนในคลาสสำหรับทำโมเดลคณะสถาปัตย์ เวลานี้เหลือแค่ฉันกับเกี๊ยวสองคน ก่อนหน้านั้นเพื่อนในคลาสเอากลับไปทำที่บ้านที่ห้องกัน แต่ฉันคิดว่าทำที่มหาลัยมันสะดวกกว่าไม่ต้องขนย้ายไปที่ไหนด้วย อย่างวันนี้ฟินน์ก็ไม่ได้มาทำงานของตัวเองต่อด้วยนะ ไม่รู้ว่ายังงอนฉันอยู่เรื่องพี่สองหรือยุ่งเรื่องงานมหาลัยก็ไม่รู้ ขอให้เป็นอย่างหลังก็แล้วกันไม่อยากตามง้อสักเท่าไหร่ หมอนี่ชอบโกรธเร็วหายช้าซะด้วยสิ
“หิวด้วยเนี่ย กินกาแฟไปฉี่ออกมาเป็นกลิ่นกาแฟแล้วอะ” เกี๊ยวบ่นเอามือลูบหน้าท้องตัวเอง ฉันดูเวลาที่ข้อมือซ้ายก็พบว่าเวลานี้มันสามทุ่มกว่าแล้วยัยเกี๊ยวจะหิวจะเมื่อยก็คงไม่แปลกหรอก ติดขี้เกียจสุดๆ อะเพื่อนฉัน เกี๊ยวนอนขดตัวพลางดิ้นไปมาเหมือนปลาที่ว่ายมาเกยตื้น ฉันส่ายหน้าไปมาและนั่งตัดหญ้าเทียมเป็นขนาดสี่เหลี่ยมให้เท่ากับสนามฟุตบอลที่ได้โจทย์มา อีกอย่างฉันคิดว่าจะทำหลังคาเปิดปิดด้วย เอาจริงในหัวคือมีแต่ความคิดจินตนาการเต็มไปหมดเลย
ก๊อก ก๊อก~
ฉันกับเกี๊ยวหันไปมองประตูที่เคาะเสียงดังขึ้น ตอนแรกก็คิดว่าถูกผีในคณะเล่นงานหรือเปล่า แต่ก็เคยนอนค้างที่มหาลัยบ่อยๆ เคยเจอบ้างแต่ไม่ถึงขั้นโดนหลอกไง เพราะแบบนี้เราสองคนจึงจ้องมองไปที่ประตูที่ลูกบิดถูกหมุนและเปิดออก ร่างสูงที่ก้าวเท้าเข้ามาสวมกางเกงยีนส์สีซีดเต็มไปด้วยสีที่เลอะมากมายรวมไปถึงรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อ เสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนถึงข้อศอกอวดรอยสักที่คุ้นตาและมือซ้ายถือถุงพลาสติกเอาไว้ประมาณสองถุง ใบหน้าหล่อเหลาเรียบนิ่งกวาดสายตามองไปทั่วคลาสกระทั่งมาปะทะเข้ากับดวงตาของฉันที่กำลังตกตะลึงอยู่
ก็ถ้าเขาเป็นผี... ฉันก็เต็มใจให้เขาหลอกเลย เชื่อสิ
“พี่สอง” เพราะคนที่เดินเข้ามาและทิ้งตัวนั่งยองๆ ตรงหน้าฉันยื่นถุงพลาสติกมาให้หนึ่งถุง “มาได้ไงคะ?”
“เคลียร์บอกพี่ว่าจะอยู่ค้างที่นี่ พี่เลยคิดว่าเคลียร์กับเกี๊ยวคงต้องการอาหาร”
“ขอบคุณค่ะพี่สอง!” ยัยเกี๊ยวกระเด้งตัวลุกขึ้นคว้าถุงจากมือพี่สองไปพลางกอดเอาไว้พลางทำหน้าตื้นตันใจ “พี่สองช่วยชีวิตเกี๊ยวเลยค่ะ ฮือ กินเลยได้ไหมอะ”
“อือ” ฉันบอกเพื่อนที่เปิดถุงหยิบข้าวกล่องและน้ำกับพวกขนมปัง ขนมขบเคี้ยวออกมาแกะกินทันทีด้วยความหิวโหย จากนั้นก็เอามือดันไหล่ฉันเบาๆ “อะไร?”
“ออกไปกินกับพี่สองที่หน้าคณะดิ” เพื่อนกัดขนมปังเข้าปากพลางขยิบตาให้ฉัน “นั่งทำโมเดลมาราธอนมาแปดชั่วโมงแล้วนะแกอะ พักบ้าง”
“ก็ได้ แกอยู่ได้นะ”
“แกคิดว่าฉันกี่ขวบเนี่ยเคลียร์” ที่ถามก็เพราะว่ายัยเกี๊ยวกลัวผีขั้นสุดไง แต่ดูเหมือนเพื่อนจะโบกมือให้ฉันแบบเชิงไล่ ไล่หมาหรือไงกัน! จำต้องลุกขึ้นเดินนำพี่สองออกจากคลาสและมานั่งที่โต๊ะหินอ่อนหน้าคณะที่เวลานี้เปิดไฟให้ความสว่างรวมไปถึงต้นไม้ที่เอนไหวไปตามแรงลมทำให้บรรยากาศค่ำคืนนี้ค่อนข้างดีทีเดียว พี่สองนั่งเก้าอี้หินอ่อนเดียวกับฉันนั่งใกล้ชิดจนข้อศอกของเราสองคนชนกันก็ว่าได้ คือที่ก็มีเยอะแยะเลือกนั่งใกล้ฉันเพื่ออะไรก็ไม่รู้
“พี่สองยังไม่กลับห้องอีกเหรอคะ?”
“กลับแล้ว” เขาตอบพลางเอาข้าวกล่องที่ซื้อจากร้านอาหารตามสั่ง เป็นข้าวผัดกุ้งเปิดกล่องให้ฉันพร้อมส่งช้อนพลาสติกมาให้ “พี่ส่งข้อความหาเคลียร์ แต่เคลียร์ไม่ตอบ”
“ขอโทษนะคะ เคลียร์ไม่ได้ดูมือถือเลย” ส่งมาว่าอะไรอยากรู้จังแหะ ไม่ได้หยิบมือถือติดมือมาด้วยดิ
“กินสิ จะได้มีแรงทำโมเดลต่อ” พี่สองผายมือให้ฉันตักข้าวผัดแสนอร่อยที่อร่อยอยู่แล้ว แต่มันอร่อยที่สุดก็คงเป็นคนที่นั่งเท้าคางมองฉันกินเนี่ยล่ะ พี่สองนั่งมองฉันกินข้าวแบบะจ้องเลยทุกคน จ้องหน้าฉันโดยไม่เสมองไปทางอื่นทำให้ฉันเกร็งเล็กน้อยแต่ด้วยความหิวก็เลยทำให้ซัดข้าวกล่องที่เยอะจนอิ่มพุงกาง พี่สองก็ดันขวดน้ำเปล่ามาให้ฉันกระดกดื่ม
“อร่อยมากเลยค่ะ!” เอามือตบตรงหน้าท้องที่ยื่นออกมาเล็กน้อย พอนึกไปถึงตอนคบกับไอ้โดมบอกเลยว่ามันไม่เคยมีโมเมนต์ดีๆ แบบนี้ให้ฉันหรอกนะ ตอนทำโมเดลปีหนึ่งเทอมสอง แม้แต่ข้าวมันยังไม่เคยซื้อมาให้ฉันกินเลย เอาแต่โทรมาจ้องจะลากฉันขึ้นเตียงอยู่ทุกวี่ทุกวัน ถึงได้บอกไงว่า... แตกต่างกันราวกับฟ้าและเหว ไอ้โดมไม่น่าเกิดเป็นน้องพี่สองเลย ถึงจะน้องห่างๆ ก็เถอะนะ ไม่สมควรแม้แต่จะเป็นเครือญาติกันด้วยซ้ำ
“เก็บไว้กิน ทำงานทั้งคืนเดี๋ยวหิว” พี่สองดันถุงพลาสติกมาให้ฉันที่เปิดดูของข้างในมีเครื่องดื่มชูกำลังและของกินที่เพิ่มพลังงานทั้งนั้น เห็นแบบนี้รอยยิ้มก็ผุดขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ขยับมานี่สิคะ” ฉันพูดพลางกวักมือให้พี่สองขยับมาใกล้ๆ เขาเลิกคิ้วขึ้นพลางทำหน้ามึนงง “มีอะไรจะบอกค่ะ”
“ทำไมต้องกระซิบ?”
“ก็มันสำคัญนี่คะ เร็ว” ใบหน้าหล่อเหลาแลดูเรียบนิ่งหากแต่ว่าก็ยอมทำตามฉัน ด้วยการเอียงใบหน้าขยับเข้ามาใกล้เพื่อให้ฉันกระซิบบอกเรื่องสำคัญ พอพี่สองเอียงเข้ามาใกล้ฉันกระซิบที่หูของเขาเบาๆ “ขอบคุณนะคะ”
จุ๊บ
“!” พูดขอบคุณเสร็จก็ตามด้วยการจรดจูบลงบนแก้มสากอย่างแนบแน่น หอมแก้มพี่สองฟอดใหญ่และผละออกมาฉีกยิ้มกว้างให้กับเขาที่ตกใจทำอะไรไม่ถูก พอตั้งสติได้ก็แอบเห็นรอยยิ้มตรงมุมปากของเขาที่ส่ายหน้าไปมาราวกับเขินไม่ต่างจากฉันเลยที่นั่งเขินตัวบิดจนตัวจะเป็นเกลียวอยู่แล้ว รับรู้ถึงฝ่ามืออบอุ่นที่วางบนศีรษะและโยกเบาๆ ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอทำแบบนี้ไปได้ยังไงนะ แต่มันก็เกิดขึ้นไปแล้วไง
สิ่งที่ทำได้ต่อจากนี้ก็คือ... เอนศีรษะพิงซบไหล่หนาที่เป็นเหมือนต้นไม้ใหญ่มีร่มเงาให้ได้พักพิงเวลาที่เหนื่อยล้า introvert อะไรกันทำไมถึงได้อบอุ่นขนาดนี้ล่ะ ถึงจะมีมุมที่พี่สองดูเป็นตัวของตัวเองมากก็เถอะ ทว่ามันกลับมีเสน่ห์จนไม่อยากจะเชื่อว่าฉันกับเขาที่ตกลงคบกันเพียงเพราะต้องการใช้งานเพื่อปกปิดความรู้สึกของตัวเองและของฉัน มันจะกลายเป็นว่าคบยังไงที่บอกว่าทำทุกอย่างเหมือนแฟน สุดท้ายก็ไม่ใช่แฟน พอคิดมาถึงตรงนี้ฉันก็รู้สึกหัวใจห่อเหี่ยวยังไงก็ไม่รู้ดิ ไม่ๆ เคลียร์ ทุกอย่างกำลังไปได้สวยนะ ยิ่งถ้าไอ้โดมรู้เมื่อไหร่ฉันจะยิ่งสะใจมากกว่านี้ดังนั้นเลิกคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องสักที
จำเอาไว้เรื่องระหว่างเราสองคนมันก็แค่ ‘เล่นกับรัก’ ก็เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรเกินเลยแน่นอน ฉันไม่ได้จริงจังที่จะคบกับพี่สอง และเขาเองก็คงยังไม่พร้อมเริ่มต้นใหม่กับใครด้วย
“หายเหนื่อยหรือยัง?”
“หายแล้วค่ะ” หลุดจากภวังค์ความคิดขยับศีรษะที่อิงแนบไหล่หนามาสบตากับพี่สอง “ขอบคุณนะคะ”
“พรุ่งนี้ตอนเที่ยงว่างหรือเปล่า?”
“ว่างเสมอค่ะ” ถ้าเป็นพี่สองอะนะ “มีอะไรคะ?”
“พี่จะชวนเคลียร์ไปกินข้าว ดูหนัง”
“แต่ไปที่ที่คนเยอะพี่สองจะไม่...”
“ไม่เป็นไร” เป็นแบบนั้นฉันก็ต้องทำให้เขาไม่อึดอัดที่ไปในสถานที่คนเยอะๆ สินะ “ตกลงนะ”
“ค่ะ เที่ยงเจอกันนะคะ แต่เคลียร์คงไม่มีเวลากลับไปเปลี่ยนชุด”
“ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ตัวยังหอมอยู่”
“รู้ได้ไงคะ?” เลิกคิ้วขึ้นกับคำพูดของพี่สอง ตัวฉันเนี่ยนะยังหอมอยู่ ยังไม่รู้ตัวเองเลย
“รู้สิ ก็พี่พิสูจน์ด้วยวิธีนี้” พูดจบพี่สองก็ไม่รอให้ฉันตั้งตัวเขาก็โน้มใบหน้ามาจรดจูบลงบนแก้มฉัน จากนั้นก็พรมจูบไล่ลงมาถึงซอกคอ ยามที่ริมฝีปากแดงคล้ำร้อนระอุไล่จูบลงต่ำเรื่อยๆ ฉันเหมือนคนที่กำลังจะตายทุกครั้งยามที่พี่สองเคลื่อนใบหน้ามาอีกฝั่ง สองมือจิกลงบนหน้าขาตัวเองขณะที่พี่สองโอบแผ่นหลังฉันไว้ไม่ให้ขยับตัวหนี
“พะ พี่สอง...”
“พี่พิสูจน์แล้วว่าเคลียร์ยังหอมอยู่”
“พี่สอง!” ใบหน้าหล่อเหลาขยับออกจากลำคอฉันพลางยกยิ้มมุมปากที่เห็นฉันหัวฟัดหัวเหวี่ยง ไม่ใช่อะไรนะ โดนไซ้คอขนาดนี้คืนขนหัวลุกไปหมดแล้วดูดิ แถมยังเขินจนหน้าร้อนผะผ่าวหน้าท้องก็เหมือนมีผีเสื้อนับหมื่นตัวบินวนไปมาจนรู้สึกโหวงๆ ในช่องท้อง เขาทำบ้าอะไรเนี่ย “นี่คือวิธีพิสูจน์ของพี่สองเหรอคะ”
“ชอบหรือเปล่า” จะบอกว่าไม่ชอบก็ไม่ได้ปะ ชอบเป็นบ้าเลยทุกคน! ไม่ได้นึกรังเกียจเลยด้วยซ้ำกับสัมผัสของพี่สอง รู้สึกอยาก... ให้ไซ้คอไปนานๆ เลยยิ่งดี ฉันหื่นพี่สองไม่หื่นเลยมั้ง อย่างที่ยัยเกี๊ยวพูดคงจะถูกพี่สองมีดุน เป็นผู้ชายก็มีความรู้สึกนั้นเหมือนกันก็แค่เป็น introvert ไม่ใช่อิฐใช่ปูนที่จะด้านเรื่องพวกนี้ สำหรับฉันที่ไม่เคยมันชวนให้สยิวกิ้วยังไงก็ไม่รู้
[30%]
*----------------------------------------------------*