บทที่ 9 เสียการปกครอง

1926 Words
ชายหนุ่มรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก เขาหมุนตัวเดินกลับทางเดิมด้วยท่าทีกระฟัดกระเฟียด ทำเอาหลาย ๆ คนมึนงงไปตาม ๆ กัน แถมยังมีเสียงซุบซิบว่าเบญจมาศไม่ให้เกียรติเขาอีกด้วย จิณณะขึ้นรถกลับคอนโดมิเนียมโดยมียูโรเป็นคนขับให้เช่นเคย เขาไม่อยากไปไหนทั้งนั้น เพื่อนก็ไม่ได้อยากไปหา ใบหน้าบอกบุญไม่รับทำให้สารถีหนุ่มพูดอะไรไม่ออก ลอบมองเจ้านายหนุ่มผ่านกระจกมองหลังเป็นระยะ ๆ กระทั่งเสียงโทรศัพท์ของคนเป็นนายดังขึ้น “เฮ้อ...” เห็นชื่อเจ้าของสายที่โทรเข้าแล้วก็ต้องผ่อนลมหายใจออกมา จิณณะกดรับอย่างเลี่ยงไม่ได้ “ครับแม่” [ใกล้เลิกงานแล้ว แม่ไปหาได้หรือเปล่า] ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าแม่จะมาทำไม ไม่พ้นเรื่องของผู้หญิงคนนั้น “ผมกลับแล้ว” [ห๊า นี่มันยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลยนะ] “แล้วแม่อยากเจอผมทำไมครับ” แกล้งถามไปงั้น ๆ แม้จะรู้คำตอบอยู่แล้ว [ก็เรื่องหนูเบญน่ะลูก แม่อยากคุยด้วยหน่อย] นั่นไง เดาผิดซะที่ไหน จิณณะอยากตัดสายทิ้ง แต่ก็คงทำไม่ได้ “มีไรครับ” [ได้เจอน้องแล้วนี่ ป้าช่อผกาบอกว่าหนูเบญโอเคกับลูก ก็เหลือแค่ลูกแล้วล่ะ...แม่ว่าหนูเบญน่ะทั้งสวย ทั้งน่ารัก เป็นเด็กเรียนดีอีกนะลูก] “หึ แถมยังดื้ออีกด้วย” มารดาไม่ต้องบอกเรื่องนี้ เขาสัมผัสมาเอง เมื่อครู่ และเมื่อวานที่ได้เจอกัน [ดื้อเหรอลูก ยังไงก็ค่อย ๆ คุยกันนะ อย่าดุน้องนะ แม่ไม่อยากให้เราผิดใจกัน ถ้าไม่โอเคแม่ก็ไม่ได้บังคับอะไรหรอกลูก แต่ถ้าเป็นหนูเบญจะดีมาก] ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ เขาพอรู้ว่าแม่มีเพื่อนชื่อช่อผกาอะไรนี่ แต่ด้วยความที่เรียนอยู่ต่างประเทศทำให้ไม่ได้รู้อะไรมากนัก และไม่เคยเจอกับเธอมาก่อน แต่ชายหนุ่มก็ให้คนไปสืบประวัติของเธอมาหมดแล้ว “แค่นี้ก่อนนะแม่ ถ้าแม่จะคุยแค่เรื่องนี้” [เดี๋ยวก่อนนะ แล้วจิณณ์ไม่กลับบ้านเหรอ กานต์มาอยู่ที่บ้านเราแล้วนะ จะได้กินข้าวร่วมกันสักที] ได้ยินชื่อนี้แล้วปวดใจ ชายหนุ่มไม่อยากตอบอะไรทั้งสิ้น กดตัดสายมารดาไปอย่างไม่เคยทำมาก่อน ติ๊ด! ...ใบหน้าหล่อเหลาหันมองข้างถนน พร้อมกับเท้าข้อศอกที่บานหน้าต่างรถยนต์คันหรู เขาค่อย ๆ ไล้ปลายนิ้วลูบไรหนวดของตัวเองอย่างคนกำลังใช้ความคิด ตอนนี้...เบญจมาศคงกำลังหาข้อมูลถ่ายเอกสารอยู่ เธอทำให้เขาหงุดหงิด แม้นแต่เรื่องของกานต์พิชชาก็กลายเป็นเรื่องรองไปเสียแล้ว “เอ่อ นายให้เรียกเด็กไหมครับ” เสียงของยูโรทำให้เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาหันไปมอง ก่อนจะพยักหน้ารับเบา ๆ อย่างน้อยสาว ๆ สวย ๆ ก็น่าจะทำให้หายคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องได้.. เวลาต่อมา... เพนส์เฮาส์สุดหรูชั้นสูงสุดของคอนโดมิเนียม เป็นห้องที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโครงการ ภายในนั้นถูกออกแบบและตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นทันสมัย เน้นเล่นแสงสีจากโคมไฟแชนเดอเลียร์ราคสูงลิบลิ่ว ประดับประดาไปด้วยเครื่องเพชรจากบริษัทของเขาเอง ใครใคร่จะรู้ว่าที่นี่ใช้เพชรจริง เพราะอย่างนี้เพชรจึงไม่เคยหายเลยสักกะรัตเดียว เพราะไม่มีใครคิดว่าเขาจะตกแต่งห้องด้วยเพชรจริงทั้งหมด “แบบนี้ชอบไหมคะ” ผู้หญิงในชุดน้อยชิ้นนั่งอยู่ข้างกาย เธอยื่นค็อกเทลที่เพิ่งชงใหม่ให้ชายหนุ่ม หลังจากก่อนหน้านี้เขาไม่ชอบสักเท่าไร จิณณะอารมณ์ไม่จอย ใบหน้าหล่อเหลานั้นเต็มไปด้วยความรำคาญ ทั้ง ๆ ที่เป็นคนให้ยูโรเรียกมาให้ แต่สาวสวยคนนี้ก็ไม่ได้ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาเลยสักนิด “เธอออกไปก่อนซิ” แทนที่เขาจะรับเอาแก้วที่เธออุตส่าห์ไปชงมาให้ใหม่ แต่กลับดันแก้วเหล้าของเธอออกเสียอย่างนั้น ทำเอาสาวสวยหน้าเสีย แต่ก็ไม่กล้าขัดใจสักเท่าไร จิณณะในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำ เขารีบต่อสายหายูโรหลังจากสาวสวยออกไปจากห้อง ชายหนุ่มรอไม่นานลูกน้องคนสนิทก็กดรับ “อยู่ไหนวะ” [อยู่บริษัทครับ] “ไปทำไร” คิ้วหนาขมวดมุ่น เวลานี้ลูกน้องของเขาควรไปเตรียมทำรายงานให้เขาอ่านพรุ่งนี้ไม่ใช่หรือ แต่ไฉนอยู่บริษัท หรือว่า... [เอ่อ พอดีผมเป็นห่วงคุณเบญเลยมาดูเธอน่ะครับ เธอยังอยู่หน้าคอมฯอยู่เลย] ได้ยินอย่างนั้นสายตาคมก็เลื่อนไปมองนาฬิกาบนผนังห้อง เวลาบอกสี่ทุ่มนี้ทำให้เขายกนิ้วมือขึ้นกดหว่างคิ้ว “บอกให้เธอกลับ” [บอกแล้วครับ บอกว่ามันมีสำเนาอยู่แล้ว แต่เธอก็ยืนยันว่าจะหาเอง หาทีละไฟล์เลยครับ] “มันเยอะซะขนาดนั้นหาทั้งวันก็ไม่หมดหรอก” [ครับ เธอบอกว่าเธออยากเอาชนะใจพี่ผึ้งน่ะครับ] “เฮ้อ เดี๋ยวกูไปเอง” กดตัดสายด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น จิณณะไปเปลี่ยนชุด ไม่นานก็ออกมาพร้อมกับกุญแจรถ ทว่าพอเดินออกมามาจากห้องนอน “ไปไหนคะ” สาวคนสวยก็ยังไม่ได้กลับเสียทีเดียว “เธอ...กลับไปก่อน” มองหน้าสาวสวย ก่อนจะล้วงมือเอากระเป๋าสตางค์ออกมา แบงก์เทาห้าใบถูกยื่นให้กับเธอ “โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวตาลุกวาว รับเงินมาก่อนจะออกไปตามที่เขาสั่ง ด้านจิณณะ...ความตีนผีของเขาทำให้ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงบริษัท ...ยูโรแปลกใจที่เห็นเจ้านายหนุ่ม เขารีบเดินไปต้อนรับ “เธอเอาแต่ทำงานไม่สนใจอะไรเลยครับ ตอนนี้ก็ยังไม่ทันได้กินข้าว” จิณณะก้าวขาเดิน ส่วนหูก็ฟังรายงานจากลูกน้อง ด้วยขาที่ยาวมาก ๆ ทำให้เขาเดินไปถึงตัวเธอด้วยความรวดเร็ว โดยที่สาวเจ้ายังไม่ทันได้ตั้งตัว “อ๊ะ...” เบญจมาศสะดุ้งเฮือก อยู่ ๆ ข้อมือของเธอก็ถูกกระชากอย่างแรง “คุณจิณณ์!...” “กลับ! เธอทำอย่างนี้ทำไม ไม่รู้หรือไงว่ากำลังถูกแกล้งอยู่!” “คุณมาได้ไง” เธอตกใจที่เขาอยู่ที่นี่ไม่ได้สนใจสิ่งที่อีกฝ่ายเพิ่งตะคอกออกมา ดวงตากลมโตเลื่อนมองร่างหนาตั้งแต่หัวจรดเท้า จิณณะอยู่ในชุดลำลองที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน “ไม่ได้ยินที่พูดหรือไง บอกให้กลับ” “ไม่ค่ะ ฉันยังทำไม่เสร็จเลย” เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย “พี่เขาต้องดุฉันอีกแน่ ๆ ถ้าฉันทำไม่สำเร็จ” “แล้วเธอจะไปกลัวอะไร ก็บอกไปดิว่ามันมีสำเนาอยู่แล้ว” “ไม่ค่ะ พี่ผึ้งต้องการให้ฉันทำ ฉันก็ต้องทำ” “แต่ฉันสั่ง ฉันเป็นประธานบริษัท!” เขาตะคอกออกมาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงดื้อด้านมากขนาดนี้ เขาสั่งอะไรไม่เชื่อ แต่กลับไปทำตามคำสั่งของหัวหน้าแผนกเสียอย่างนั้น “คุณไม่เข้าใจหรอก วันนี้ฉันกดดันมากเลย อึก...ทำอะไรก็ไม่ถูกใจพวกพี่ ๆ จะหยิบจะจับอะไรก็ไม่ได้ ก็แค่อยากได้การยอมรับแค่นั้นเอง” เธอว่าน้ำตาคลอ เขาก็พูดได้ง่าย ๆ เพราะไม่ได้มาฝึกงานเหมือนกับเธอ “แต่ถ้ามันไม่ใช่เรื่อง เธอก็ต้องปฏิเสธ เพราะยังไงคนที่จะอนุมัติให้เธอผ่านฝึกงานต้องมีฉันด้วย” “ฉันรู้ แล้วระหว่างนี้ล่ะ...ฉันจะทำงานยังไง มันอึดอัด” “_” “ไม่รู้ล่ะ ฉันจะทำให้เสร็จ ปล่อยมือฉันก่อน” ฝ่ามือน้อย ๆ ของเธอพยายามแกะมือของเขาออก ซึ่งความดื้อด้านของเธอทำให้เขาหมดความอดทน จิณณะย่อตัวลงเล็กน้อย ก่อนจะอุ้มเธอขึ้นพาดบ่า “กรี๊ดด!! คุณจิณณ์! ทะทำอะไรของคุณ กระโปรง ๆ กระโปรงฉันเปิด!!” เบญจมาศแหกปากร้องเสียงดังลั่น ยิ่งไปกว่านั้นฝ่ามือหนาที่กำลังลูบกระโปรงของเธอลงก็ทำให้เธอตาโตด้วยความตกใจ นี่เขา...กำลังจับก้นของเธออยู่! “ปล่อยนะ! จะพาฉันไปไหน กระเป๋า ๆ กระเป๋าของฉัน” ศีรษะเล็กห้อยโตงเตง แต่คนตัวโตก็ไม่หยุด ชายหนุ่มพยักพเยิดหน้าให้ยูโรไปเอากระเป๋าสัมภาระของเธอมา ...จิณณะเปิดประตูรถก่อนจะปล่อยเธอลงนั่งบนเบาะรถแลมโบกินี่คันหรู เขายกนิ้วชี้ขึ้นชี้หน้าเธอเชิงข่มขู่ “เธอรู้ไหมว่ากำลังทำอะไร เธอทำให้ฉันเสียการปกครอง เวลาฉันเข้าไปช่วยไปสั่งเธอต่อหน้าพนักงานคนอื่น สิ่งที่เธอต้องทำคือทำตามคำสั่งของฉัน!” เบญจมาศสะอึก เธอมองแววตาจริงจังของเขา “ถ้าเธอไม่เชื่อฟังฉัน คนอื่นจะคิดว่าไงห้ะ!” “แล้ว...แล้วคุณมาช่วยฉันทำไมล่ะ” คราวนี้เป็นเขาที่สะอึก ชายหนุ่มกะพริบเปลือกตาถี่ ๆ “ก็ฉันเป็นเจ้านาย เห็นลูกน้องถูกเอารัดเอาเปรียบไม่ได้” “เหรอ นึกว่าเป็นห่วงซะอีก” เธอกอดอกพูด พร้อมกับยิ้มกรุ้มกริ่ม ใครว่าเขาหยิ่งยโสทะนงตัว “มีมุมแบบนี้ด้วยนะเรา” “มุมอะไร ทะลึ่ง เธออายุเท่าไหร่มาเรียกฉันอย่างกับเป็นเพื่อนกัน” “ฉันก็ไม่ได้คิดว่าเราเป็นเพื่อนกันสักหน่อย...” เธอเว้นคำพูดไว้ แถมยังทำเสียยานคางราวกับกำลังล้อเลียนเขาอยู่ “เดี๋ยวเราก็จะได้เป็นมากกว่าเพื่อนกันแล้ว” “เธอ...” จิณณะขบกรามแน่น ได้ทีเอาใหญ่คงเหมาะกับเธอ แต่คนอย่างเขาจะไม่ยอมตกเป็นทาสของเธอเด็ดขาด “แล้วเธอจะเป็นอะไรดีล่ะ” คราวนี้คนตัวเล็กเป็นฝ่ายกะพริบเปลือกตาแทน ลำคอละหงกลืนน้ำลายลงคอ หญิงสาวยกมือขึ้นวางบนไหล่กว้าง ก่อนจะออกแรงผลักให้เขาเอาใบหน้าหล่อ ๆ นี้ออกห่าง “ออกไปได้แล้ว ฉันจะกลับเอง” “ไม่ เดี๋ยวเธอจะกลับไปทำงานอีก ถ้าฉันสั่งอะไรเธอก็ต้องทำตาม” “แต่...” “อย่าเถียง!” ชี้นิ้วสั่งอีกครั้ง ปลายนิ้วของเขาเธออยากอ้าปากงับให้รู้แล้วรู้รอด เบญจมาศชักสีหน้าไม่พอใจใส่ แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรอีก เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ก่อนที่ไม่นานยูโรจะเอากระเป๋ามาให้เธอ “บ้านเธออยู่ไหน” “ไม่บอกหรอก” เธอสวนกลับทันควัน ลอบมองคนตัวโตทางด้านข้าง เขาเป็นคนดีมากกว่าที่คิดเสียอีก พอคิดอย่างนี้แล้วอยู่ ๆ หัวใจดวงน้อยในอกก็เต้นแรงขึ้นมาเสียอย่างนั้น “ไม่บอกงั้นเหรอ? เอาไปทิ้งป่าเลยดีไหม” “บะบ้า...” เธอหันมามองเขาตาขวาง แต่พอเจอสายตาคมที่มองอยู่ก่อนแล้วก็เกิดอาการพูดจาติดขัดขึ้นมาเสียอย่างนั้น “เธอทำให้ฉันหมดอารมณ์ เสียเงินไปฟรี ๆ ห้าพันยังไม่ได้สักน้ำ หรือเธออยากรับผิดชอบ” เบญจมาศกะพริบเปลือกตาปริบ ๆ นี่เขากำลังพูดเรื่องอะไร หรือว่าเขากำลังชวนเธอ...เรื่องอย่างว่า!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD