บทที่ 10 ลอง***กันก่อน

1875 Words
-เบญจมาศ- เขาหันมามองฉันแปลก ๆ แถมยังไล่สายตามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า อยู่ ๆ ก็มีก้อนน้ำลายก่อตัวขึ้นที่ลำคอจนยากที่จะกลืนลง ฉันรู้สึกหายใจลำบากมาก มันติด ๆ ขัด ๆ ไปเสียหมด “มะหมายความว่าไง” ผู้ชายคนนี้ไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย สายตาแทะโลมแบบนี้ทำให้ฉันทำตัวไม่ถูก “ก็เธอบอก…บอกว่าเราจะแต่งงานกัน” “แต่คุณก็ไม่ได้อยากแต่งนี่” ฉันเห็นเขายิ้มมุมปาก คุณจิณณ์มองถนนเบื้องหน้าด้วยสายตายากจะคาดเดา เขากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่แน่ ๆ ก่อนที่ฝ่ามือหนาข้างหนึ่งจะวางลงที่ต้นขาของฉัน ทำให้ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “ทะทำอะไร เอามือออกไปเดี๋ยวนี้นะ!” “ทำไมล่ะ เธอบอกว่าเราจะแต่งงานกัน เรื่องแบบนี้มันก็ต้องทดลองก่อน “ทดลอง?” “หรือเธอไม่อยาก” อยาก อยาก อยากอะไรของเขา!! “หมายความว่าไง คุณพูดมาตรง ๆ เถอะค่ะ ไม่พูดสองแง่สองง่ามแบบนี้เลยค่ะ ฉันเครียด!” เครื่องยนต์เสียจังหวะเล็กน้อย คุณจิณณ์หันมามองฉันครู่หนึ่ง ก่อนจะยกยิ้มมุมปากเบา ๆ “ก็ก่อนเราจะแต่งงานกัน เราก็น่าจะลองเ***กันก่อน” “ห้ะ!…เ***กัน อึก บะบ้าเหรอ แฟนก็ไม่ใช่ ขะขอฉันเป็นแฟนก่อนสิ” ฉันพูดเสียงตะกุกตะกัก ไม่ได้หวงตัวอะไรหรอกนะ แต่ว่าเรื่องนี้จะมาขอกันง่าย ๆ อย่างงี้เลยเหรอ “ขอทำไม ก็ฉันไม่ได้อยากเป็นแฟนกับเธอ แต่ถ้าเธออยากแต่งงานกับฉัน ก็ต้องมั่นใจหน่อยว่าฉันจะเอาเธอแค่คนเดียวไปจนตายได้” “แต่…” “หรือไม่จริง” คุณจิณณ์ไม่เปิดโอกาสให้ฉันได้พูดเลย เขามองด้วยแววตาลุ้น ๆ ว่าฉันจะตอบยังไง ซึ่งสิ่งที่เขาพูดมันก็มีเหตุผล ก็ถ้าอยากแต่งงานก็ต้องลอง เผื่อว่ามันไม่ใช่ ยังไงเขาก็ต้องอยู่กับฉัน ถ้าฉันไม่ได้ดั่งใจเราอาจจะไปกันไม่รอดในภายหลัง ลงเอยด้วยการหย่า ซึ่งฉันไม่ต้องการแบบนั้น “งั้นก็…ก็ได้” เหงื่อฉันชื้นมือไปหมด หายใจติดขัดจนกลัวว่าตัวเองจะเป็นลมทั้ง ๆ ที่เขายังไม่ทันได้ทำอะไรสักอย่าง …คุณจิณณ์มีสีหน้าผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าทางด้านข้างของเขานั้นทำให้ฉันเห็นสันกรามคม ๆ ชัดมาก ไหนจะจมูกที่โด่งคมเป็นสันนี้อีกด้วย “ลงสิ” “อ๊ะ…ที่นี่ ที่ไหน” ฉันสะดุ้งเฮือก ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าเครื่องยนต์จอดแน่นิ่งแล้ว “คอนโดฯฉัน” ว่าเสร็จเขาก็เปิดประตูลงจากรถ ก่อนจะเดินอ้อมมาหาฉันที่กำลังหันซ้ายหันขวาทำตัวไม่ถูก แกร็ก~ “ลงมาสิ หรือจะให้อุ้มเหมือนก่อนหน้านี้?” “มะไม่ต้อง…” ฉันลงจากรถ ทว่าก็ถูกคนตัวโตโอบเอวไว้ด้วยความรวดเร็ว ทำเอาฉันตกใจ “ทะทำอะไร ปล่อยมือได้แล้ว” “ไม่รู้สิ เธอทำให้ฉันพลาดเรื่องนี้ไป” “หือ…” ฉันครางเสียงสงสัย ระหว่างนี้คุณจิณณ์ก็โอบเอวฉันไปขึ้นลิฟต์ คนตัวโตสแกนใบหน้าพาฉันขึ้นมา ความวิตกที่ได้ขึ้นลิฟต์สูงนี้ทำให้ฉันหวั่นเกรง ขยับเข้าหาเขามากขึ้นกว่าเดิม จนร่างของฉันเข้าไปในอ้อมแขนของเขาอย่างช่วยไม่ได้ “เป็นไร หรือใจร้อน…เริ่มในนี้ได้เลยนะ” “หือ ไม่ใช่สักหน่อย ฉันแค่กลัว” “กลัว? กลัวลิฟต์ หรือกลัวฉัน?” “เอ่อ กลัวทั้งสองนั่นแหละ” ฉันผลักอกของเขาออก ที่เขาบอกว่าพลาด คงพลาดผู้หญิงคนอื่นมาสินะ เลยดูหิวแปลก ๆ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังผลักไสฉันอยู่เลย …ลิฟต์ตัวนี้พาเราสองคนขึ้นมาชั้นที่สูงมาก สูงจนทำให้ฉันหูอื้อ ซึ่งฉันไม่ชอบเอาเสียเลย “ออกมาสิ เธอจะเล่นตัวจนถึงวินาทีสุดท้ายเลยใช่ไหม” “ไม่ใช่ แต่ว่าทำไมคุณถึงอยู่ชั้นสูงจัง” แม้นจะมองไม่เห็นข้างนอก แต่ฉันก็สัมผัสได้ถึงความสูงของชั้นที่ฉันเหยียบอยู่ “ก็มีเงินซื้อ เลยซื้อ” พอออกจากลิฟต์ก็เป็นห้องของเขาเลย ร่างหนาเดินไล่ต้อนฉันทางด้านหลัง ก่อนที่ฉันจะหมุนตัวไปหาเขา “นี่คุณ…อ๊ะ!” พอหันมาแทนที่จะได้เจอหน้าเขา แต่กลับเจอกับแผ่นอกแกร่ง ความตกใจทำให้ฉันก้าวขาถอยหลัง แต่คุณจิณณ์ก็โอบเอวของฉันไว้จนไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้ “ฉันพลาดผู้หญิงคนหนึ่งไป เพราะต้องไปรับเธอ เธอต้องรับผิดชอบ” “หึ ก็แค่ข้ออ้าง...จริง ๆ แล้วคุณก็อยากจะงาบฉัน” ผู้ชายเจ้าชู้คนนี้คิดว่าคนอื่นคงดูไม่ออก สายตาของเขานั้นแทบจะกลืนกินตัวฉันไปทั้งตัว แต่ปากกลับผลักไส ปากไม่ตรงกับใจเลยจริง ๆ พูดอย่างทำอย่าง “ก็ถ้าหมายถึงร่างกาย...ก็คงเป็นอย่างนั้น” ฉันกะพริบตาปริบ ๆ เขาชัดเจนมาก มากจนทำให้ฉันหวั่นใจ ว่าการปล่อยกายปล่อยใจครั้งนี้จะสูญเปล่า “คุณไม่การันตีว่าจะแต่งงานกับฉัน ถ้าได้ฉันแล้ว?” “ใช่” “ไม่รับผิดชอบว่างั้นเถอะ” “รับทำไม ก็ในเมื่อเราเต็มใจทั้งคู่” เขาโน้มหน้าลงมา จนปลายจมูกโด่งคมคลอเคลียที่แก้มของฉัน ไรขนอ่อนทั่วร่างลุกซู่ขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “อึก ใจเย็น ๆ หน่อยได้ไหม” เขาดูหิวโหยมาก มากแบบมาก ๆ ซึ่งตอนนี้คุณจิณณ์รวบตัวฉันเข้าไปกอด จนฉันสัมผัสได้ถึงเป้าตุง ๆ ของเขา “เย็นไม่ไหวแล้ว” เขาว่าน้ำเสียงแหบพร่า ลมหายใจของเขาเป่ารินรดจนตัวฉันอ่อนระทวย ซึ่งฉันเข้าใจความเสียวซ่านก็วันนี้ ...ฉันกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะหันไปสบตากับเขา ผู้ชายตรงหน้าพูดอย่างตรงไปตรงมาว่าการลงทุนของฉันครั้งนี้อาจจะไม่เป็นผล เรียกได้ว่าเสียตัวฟรี ๆ แต่ใครจะไปรู้อนาคตล่ะ...แท้จริงแล้ว เขาอาจจะติดใจฉันก็ได้ “แล้ว...รออะไรคะ” ฉันยกแขนขึ้นคล้องคอเขาพร้อมกับพูดจายั่วยวน ก่อนจะใช้ฝ่ามือลูบที่แผ่นอกแกร่งผ่านเสื้อยืดราคาแพงนี้ “หึ...” เขาแค่นหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะลูบแผ่นหลังของฉันบ้าง ฝ่ามือหนานั้นราวกับของร้อน เขาค่อน ๆ ลูบไล้ยาวไปจนถึงบั้นท้าย ความตกใจและไม่เคยมีใครสัมผัสตัวแบบนี้มาก่อนทำให้ฉันรู้สึกประหม่ามาก แต่ก็ทำเป็นใจดีสู้เสือไว้ ทว่า “อื้อ~” การจู่โจมแบบรวดเร็วทำให้ตัวฉันแข็งทื่อ อยู่ ๆ เขาก็ฉกริมฝีปากของฉันไปจูบ ริมฝีปากหนาเคล้าคลึงอย่างดูดดื่ม จูบอย่างเอาเป็นเอาตายพร้อมกับฝ่ามือหนาที่บีบบั้นท้ายของฉันไปด้วย ...ตัวของฉันแข็งทื่อ ริมฝีปากก็ชะงักค้างไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี ร่างทั้งร่างของฉันแทบจมหายเข้าไปในอ้อมกอด การเบียดเสียดเนื้อตัวแน่นหนัดของเขานั้นทำให้ฉันรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว ร่างกายเห่อร้อน พร้อมกับความรู้สึกเปียกแฉะตรงใจกลางความสาว “อืม...” ฝ่ามือหนารั้งท้ายทอยของฉันไว้ ก่อนที่เขาจะถอนจูบออก ดวงตาของเราสบกัน เขาไล่สายตามองริมฝีปากของฉัน ก่อนจะจูบอีกครั้งราวกับว่ากำลังถูกใจ ฉันจูบไม่เป็น แต่ก็ค่อย ๆ เรียนรู้ ค่อย ๆ ขยับริมฝีปากรับริมฝีปากหนา เผยอริมฝีปากต้อนรับเรียวลิ้นสาก รสชาติของเขานั้นมีความขมเหมือนกับบุหรี่ แน่นอนว่าฉันไม่ชอบเลย ทว่าพอมีความเสียวเข้ามายุ่ง มันกลับทำให้ฉันรู้สึกฟินไปกับความแปลกใหม่ที่ได้รับ ฉันค่อย ๆ บิดเร้าตัวเอง ขยับเข้าหาราวกับว่าต้องการเขามาก ฉันรู้สึกว่ามีน้ำหลั่งอยู่ในความสาวของฉัน มันชุ่มและต้องการอะไรบางอย่างให้ไปสัมผัส “อืม...” ยิ่งตอนที่เขาเลื่อนฝ่ามือผ่าน ฉันก็อยากขยับเข้าหา ขยับตัวเข้าใกล้จนเราทั้งคู่แทบกลายเป็นคนคนเดียวกัน “อืม...ฉัน” เขาถอนจูบออก ก่อนจะเลื่อนใบหน้าลงไซ้ซอกคอของฉัน ตอนนี้ความอายไม่มีแล้ว ฉันไม่มั่นใจเรื่องกลิ่นตัวสักเท่าไร เพราะยังไม่ได้อาบน้ำเลย แต่พอเขาทั้งจูบ ทั้งไซ้ ทั้งลากลิ้น มันก็ทำให้รู้สึกว่ากลิ่นกายของฉัน...มันคงไม่ได้แย่มั้ง “อ๊ะ...กัดเหรอ” ฉันรู้สึกเจ็บแปล๊บ ๆ ที่คอ แต่พอเขาผงกศีรษะขึ้น ใบหน้าของเขาก็ทำให้ฉันใจเต้นแรงขึ้นมาเสียดื้อ ๆ “ไม่ได้กัด จูบเฉย ๆ” ฉันเม้มริมฝีปากเข้าหากัน รู้สึกอายสายตาคมที่มองมามาก ๆ “หึ...” คุณจิณณ์หัวเราะพร้อมกับดันตัวฉันไปที่โซฟาตัวยาวกลางห้อง ซึ่งฉันก็นอนลงอย่างว่าง่าย ความตื่นเต้นนี้ทำให้ฉันทำตัวไม่ถูก แต่ทุกคนก็ต้องมีครั้งแรกกันถูกไหม ฉันอยากทำให้มันดีที่สุด ...คุณจิณณ์ถอดเสื้อยืดออกด้วยมือเพียงข้างเดียว หุ่นกำยำน่าลูบไล้ของเขาทำให้ฉันยกนิ้วชี้ขึ้นมากัดเล็บโดยไม่รู้ตัว แต่พอรู้ก็รีบชักมือออกทันที รูปร่างของเขาดีมาก คงดูแลตัวเองมาโดยตลอด ทั้งช่วงไหล่ที่ผายผึ่งออกมา กล้ามหน้าอกของเขานั้นแน่นมากจนทำให้ตรงกลางหลุบลง แถมหัวนมยังอมชมพู อดสงสัยไม่ได้ว่าข้างล่างของเขา...จะสีอะไร พอไล่สายตามองหน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามเป็นลอนนี้ก็ทำให้ฉันหายใจติดขัดมากกว่าเดิม เกิดอาการเกร็งขึ้นเมาเสียดื้อ ๆ คนตัวโตกระตุกยิ้มบาง ๆ เขาก็คงภูมิใจกับหุ่นของตัวเองอยู่เหมือนกัน แน่นอนว่ามันทำให้ฉันรู้สึกอายหน่อย ๆ ที่ตัวเองมีพุงหมาน้อยที่ท้อง คุณจิณณ์ขึ้นคร่อมฉัน ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ถอดชุดฉันออก ความตื่นเต้นนี้ทำให้ฉันไม่กล้าสบตา ปล่อยให้เขาเป็นคนจัดการทุกอย่างเอง ทั้งลูบ ทั้งไล้ ทั้งกดปลายจมูกลงดอมดมกลิ่นกายของฉัน “อื้อ~” ฉันรู้สึกเจ็บที่เขาบีบหน้าอกของฉัน ฝ่ามือหนานั้นตะปบบีบอย่างเมามัน เคล้นคลึงทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ปลดตะขอเสื้อในออก มันดูม ๆ ขึ้นล้นขอบเสื้อใน ปลายลิ้นร้อนระอุนี้ตวัดเลียเนินอกของฉันอย่างหื่นกระหาย “อือ เสียวจัง...” ฉันอดไม่ได้ที่จะครางเสียงออกมา ร่างทั้งร่างแทบหลอมละลาย ฉันหายใจติดขัด มองการกระทำของเขาพร้อมกับหนีบขาไปด้วย ฉันรู้สึกเปียกแฉะทางด้านล่างมาก ความรู้สึกแบบนี้หรือที่เขาเรียกว่า...น้ำเดิน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD